วันพุธ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เป็นเรื่องอุบาทว์ อัปรีย์ ที่รอวันชำระล้าง และสร้างระบบที่สุจริต โปร่งใส ขึ้นใช้ในเรือนจำ หลังมีข่าวการจู่โจมตรวจค้น แล้วพบว่า มีการใช้ “ห้องใต้บันได” ซึ่งมีไว้รับรองผู้บริหารของกรมราชทัณฑ์ ยามเข้าไปตรวจเยี่ยม เป็น “ห้องให้บริการทางเพศ” แก่ “นักโทษจีนเทา”
1) นายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ รักษาการ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีมีข่าวพบภาพ “บอสกันต์” หรือ “กันต์ กันตถาวร” โผล่ในวงจรปิด ในเหตุเจ้าหน้าที่เรือนจำเอื้อประโยชน์ผู้ต้องขังกลุ่มจีนเทา และห้องลับในเรือนจำว่า เบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลดังกล่าว ในฐานะตนได้รับมอบหมายให้เป็นรักษาการผู้บัญชาการเรือนจำ เพื่อเข้าจัดระเบียบให้เกิดความเรียบร้อย ตนก็จะไปสอบถามข้อเท็จจริงกับนายกันต์ ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่แดน 1 ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเชื่อมข้อมูลไปให้กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อมีข้อมูลใดที่สื่อเปิดประเด็น เราก็จะตรวจสอบให้กระจ่างที่สุด
สำหรับปฏิบัติการจู่โจมค้นเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย 3 ทีม ได้แก่ ทีมเทคนิค, ทีมตรวจค้น และทีมสอบปากคำ เบื้องต้นเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด ทีมเทคนิค นำไปตรวจสอบเพิ่มทั้งหมด บางส่วนถูกลบและได้กู้กลับมา จึงต้องรอผลการสอบสวนให้รอบด้าน ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากกรมราชทัณฑ์ พบว่า วงจรปิดที่รวบรวมมาตรวจสอบทั้งหมดมีบันทึกภาพผู้เกี่ยวข้องในหลายพื้นที่ในแต่ละวัน โดยเบื้องต้นมีการตรวจดูภาพในวันที่ 16 พ.ย. ตั้งแต่ก่อน 09.00 น. จนถึงช่วงเวลาจู่โจม 10.30 น. ซึ่งช่วงดังกล่าวไม่ปรากฏภาพนายกันต์ ส่วนจะมีภาพนายกันต์โผล่วงจรปิดที่จุดไหน วันใดบ้างต้องตรวจสอบ
ในส่วนผู้ต้องขังจีนเทา 2 รายที่พบพร้อมกับหญิงสาวจีนขณะจู่โจมค้น ได้ถูกย้ายไปขังที่เรือนจำเขาบิน ซึ่งเป็นเรือนจำความมั่นคงสูง หรือ ซูเปอร์แมกซ์ โดยหนึ่งคนเป็นผู้ต้องขังระหว่างรอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน และอีกคนเป็นผู้ต้องคดีปลอมแปลงเอกสารราชการ หรือปลอมบัตรประชาชน
สำหรับในกรณีห้องลับใต้บันไดที่ถูกใช้เป็นสถานที่บำเรอรักให้กับผู้ต้องขังจีนเทานั้น พบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในการควบคุมและปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง จึงได้ดำเนินการย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวม 15 ราย ประกอบด้วย ผู้บัญชาการเรือนจำฯ เจ้าหน้าที่ผู้คุม และหัวหน้าฝ่ายควบคุมแดนไปก่อนแล้ว ล่าสุด มีคำสั่งให้บางราย เช่น ผบ.เรือนจำ ออกจากราชการไว้ก่อนด้วย
2) สำนักข่าว “เดลินิวส์” รายงานอ้างอิงรายงานข่าวภายในกระทรวงยุติธรรมว่า จากการตรวจค้นวันที่ 16 พ.ย. นั้น ชุดปฏิบัติการพิเศษพบว่า กลุ่มผู้ต้องขังอยู่ในสภาพแก้ผ้าล่อนจ้อน โดยเจ้าหน้าที่ยังสามารถเก็บหลักฐานถุงยางอนามัยใช้แล้ว และกระดาษทิชชู่ ซึ่งถูกทิ้งไว้ในห้องลับใต้บันไดไปตรวจดีเอ็นเอด้วย โดยกลุ่มผู้ต้องขังชาวจีน จะจ้างนางแบบ “ตัวท็อป” เดินทางมาจากประเทศจีน โดยใช้เงินหลักล้านบาท ให้เข้าไปในเรือนจำ ผ่านห้องทำงานของ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปรอที่ห้องใต้บันได ก่อนจะมีการเบิกตัวผู้ต้องขังชาวจีนมาที่ห้องดังกล่าว
3) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และอดีตผู้ต้องขัง โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “สงครามสีเทา” ระบุว่า...
ทุนเทาเกาะกินทำลายทุกองคาพยพของระบบไทย
ยิ่งทุนหนาอย่าง “ทุนจีนเทา” เคยทำได้ถึงขนาดเปิดผับค้ายา เสพไม่หมดฝากยาไว้เสพครั้งหน้าเหมือนฝากเหล้า
ล่าสุดถึงคิว “กรมคุก” เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯใจกลางกรุงแท้ๆ หาใช่เรือนจำบ้านนอกห่างไกลดันมีบริการส่งผู้หญิงจีนบำเรอกาม สร้างสวรรค์ชั่วคราวให้นักโทษจีนคลายเหงาแก้เซ็งถึงในคุก
กินหรูอยู่สบาย นักโทษวีไอพีไทยกลายเป็นเรื่องเล็ก เมื่อเจอกินเหล้าเคล้าเซ็กซ์ของนักโทษวีไอพีจีนเทา
เรื่องแดงขึ้นมาจากการ “แทงหลังกันเอง”หาใช่มีการร้องเรียนจากนักโทษในคุก เพราะการร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรทุกอย่างจากข้างในคุก ต้องถูกเซ็นเซอร์ จึงไม่มีทางหลุดออกจากแดนสนธยาไปถึงข้างนอกได้
เรื่องในคุกจะหลุดออกมาได้ต้องมี “ไฟเขียว” เท่านั้น
แผนการวางงานโดนโละทั้งกระดาน พาลไปถึงเรือนจำคลองเปรม เรือนจำหญิงกลาง เรือนจำบำบัด รวมถึงการโละอำนาจเก่าไปสู่อำนาจใหม่
ทุนเทายังคงอยู่ไม่ไปไหน แค่รอเวลาคลื่นลมสงบก็กลับมาใหม่
อำนาจใดจะใหญ่กว่าอำนาจทุน แก่จนจะเข้าโลงยังไม่เคยเห็น
ยิ่งเรื่องในคุก หากให้ตรวจกันเองก็เหมือนตำรวจสอบตำรวจ
ผลออกมาได้แค่แสดงแอ๊กชั่นขึงขัง สร้างภาพไปตรวจ
จากนั้นตั้งกรรมการสอบรายชื่อยาวเป็นหางว่าว ปล่อยไปสัก 1-2 เดือน ให้เรื่องเงียบ
จะให้ปราบจริงจังไม่มีทางเกิดขึ้นได้ มีแต่ในหนังซีรี่ส์ ไม่ใช่เรื่องจริงที่จะมีในประเทศไทย
ต่อไปทุนเทาจะหนักกว่าเก่า เพราะเป็นทุนหนาว่ากันเป็นระดับ “ห้อง” ไม่ใช่ระดับ “กิโล”
ยิ่งช่วงใกล้เลือกตั้ง ทุนเทาคงได้เปิดห้องขนกันเพลิน ห้องใครใหญ่กว่าคือผู้ชนะ
เรื่อง “แบ่งกันคนละครึ่ง” ตามนโยบายรัฐบาลไม่มี มีแต่ผู้ชนะคือผู้ที่ไม่แบ่งใคร
อุดมการณ์ถูกเอาไปเร่ขาย นโยบายเป็นเพียงแค่ไม้ประดับข้างรั้วให้ดูดี โบกไม้โบกมือยกมือไหว้บนรถหาเสียง
แต่ถึงเวลาจริง คือ ทุนเทาทำงานจ่ายอย่างงาม ใครทุนน้อยหลีกทางไป ไม่มีใครเอาทุนตัวเองมาเล่นการเมือง
เหมือนเอาไม้จิ้มฟันไปงัดไม้ซุง ต้องเอาทุนเทามาเกทับ
สงครามสีเทาจึงลามเข้าไปทุกภาคส่วนของประเทศไทย
เป็นสงครามที่คนไทยไม่มีวันชนะเสียด้วย”
4) นายอภิมุข ฉันทวานิช รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ห้องลับใต้บันไดเรือนจำ ความยุติธรรมที่ถูกทำลาย” ความว่า...
“ช่วงเวลาที่ผ่านมา ประชาชนต้องเจอกับข่าวที่บั่นทอนความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมและระบบราชการอยู่เรื่อยๆ
ล่าสุด คือกรณี #ผู้ต้องขังชาวจีน ซื้อบริการทางเพศ และใช้เรือนจำพิเศษเป็นพื้นที่รับบริการกับนางแบบที่ถูกส่งตัวเข้าไป ซึ่งสะท้อนว่าปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดเป็นจุดๆ แต่ฝังรากลึกมานาน
ก่อนหน้านี้ก็มีคดีทุจริต การเรียกรับผลประโยชน์ และความไม่โปร่งใสในหลายหน่วยงาน ทำให้ประชาชนที่หมดศรัทธาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเหตุการณ์เดิมๆ เกิดซ้ำซาก คนไทยจำนวนมากจึงรู้สึก “เหนื่อย เบื่อ และเอือมระอา” กับระบบที่ล่าช้า และดูเหมือนปกป้องคนผิดมากกว่าคุ้มครองประชาชน
นี่คือเหตุผลที่เราต้องผลักดัน “การเมืองสุจริต” ให้เป็นจริง ไม่ใช่แค่วาทกรรม
เพราะถ้าอำนาจรัฐไม่สุจริต ระบบราชการและกระบวนการยุติธรรมก็ไม่มีวันโปร่งใสได้ “การเมืองสุจริต” จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้หน่วยงานรัฐต้องตรวจสอบได้ และทำงานอย่างโปร่งใส
เมื่อการเมืองตั้งอยู่บนความถูกต้อง ระบบราชการย่อมแข็งแรงขึ้น และเจ้าหน้าที่ก็จะทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
ท้ายที่สุด อำนาจที่ตั้งอยู่บนความสุจริต คือสิ่งที่จะสร้างประเทศไทยที่แข็งแรงและน่าอยู่สำหรับคนไทยทุกคน
สรุป : ประเด็นที่นายอภิมุข ฉันทวานิช รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ชี้นั้น แหลมคมที่สุด นี่ไม่ใช่แค่เรื่องขำๆ เรื่องเม้าท์มอยมันปาก แต่ต้องเห็นถึง “ความยุติธรรม” ที่ถูกทำลาย “ธรรมาภิบาล” ที่สูญสลาย ชื่อเสียง ศักดิ์ศรี และความน่าเคารพของกฎหมายไทย การบังคับโทษในประเทศไทย กลายเป็นเรื่องที่ “เงินง้างได้”
“เรือนจำ” หรือ “คุก” สถานที่คุมขังที่ต้องมีกฎระเบียบเคร่งครัด กลับย่อหย่อน หย่อนยาน ด้วยการทุจริต รับเงิน และยอมให้นักโทษมีสิทธิพิเศษเหนือระเบียบปฏิบัติได้ เป็นเรื่องน่าอาย และต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง ถาวร อย่าทำแค่ลูบหน้าปะจมูก
บ้านเมืองไม่มีวันดีได้ ถ้าอะไรๆ ก็ถูกเงินซื้อหมด
โดยเฉพาะ “การบังคับใช้กฎหมาย” และความยุติธรรม ที่ยังต้องได้รับความยำเกรง
ถ้าเงินซื้อมันได้แล้ว ใครจะยำเกรงมันอีกล่ะ?

แนวหน้าวิเคราะห์ : ผ่าปม‘พรรคส้ม’พลิกเกมกล่อม‘เพื่อไทย’เบรกซักฟอก ผวายุบสภา ดับฝันแก้ รธน.
‘ภูธัชชัย BUS’ จากนักกีฬาไอซ์ฮอกกี้สู่ศิลปินไอดอล เผยเรื่องลับๆ ในวงใครนอนกรนดังที่สุด!
‘เอกชัย ศรีวิชัย’นำ ‘สรรพลี้หวน’วรรณกรรมใต้ขึ้นจอเงิน
‘เจี๊ยบ พิจิตตรา’แชร์ความสุขเล็กๆ หลังกลับไปบ้านเกิด
'จูรี นุ่มแก้ว'ยืนยันเหตุกู้ภัยเจ็ตสกีโดนยิงไล่หลัง ผวาจนต้องถอนตัว คือเรื่องจริง!!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี