วันอังคาร ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้าหนังสือพิมพ์คุณภาพ ทุกบรรทัดคือสาระและข้อเท็จจริง...nnน้ำท่วมภาคใต้ครั้งนี้ สิ่งที่ไม่ค่อยจะได้เห็นกันในทางการเมืองก็คือ ตัวนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำประเทศ จะกล้าออกมาเอ่ยปากยอมรับข้อบกพร่อง แสดงความเสียใจพร้อมกับเอ่ยปาก “ขอโทษ” ประชาชน....“คชสีห์” ไม่ได้การันตี หรือคิดจะชื่นชม ป้อยอว่า “นายกฯอนุทิน” ทำงานดี แก้ปัญหาได้ทันทีท่วงที แต่การที่กล้ายอมรับความจริง แล้วนำกลับไปแก้ไขนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและพึงกระทำอย่างเร่งด่วน
...nn กับอุทกภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ “นายกฯอนุทิน” เอ่ยปากขอโทษประชาชนไปแล้ว อย่างน้อยๆ ก็ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า “เป็นใครก็โกรธ เราต้องน้อมรับ เพราะเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์แบบนี้ ก็ต้องยอมรับให้เขาระบาย และขอโทษเขาทุกคนมีความเครียด เราเป็นรัฐบาล ก็ต้องขอโทษที่ทำให้พวกเขาต้องจากที่อยู่อาศัยมาอยู่แบบนี้ ไม่ว่าอะไรก็ตามก็ต้องยอมรับว่าเป็นข้อผิดพลาด แต่เราต้องไม่ทำให้มีอะไรผิดซ้ำซ้อน หรือผิดไปมากกว่านี้ และต้องเร่งฟื้นฟู และคืนสภาพชีวิตปกติให้ชาวบ้านโดยเร็วที่สุด”
...nn ต่อมา “นายกฯอนุทิน” ได้กล่าวขอโทษอีกครั้ง เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน โดยระบุว่า “รัฐบาลมีความบกพร่อง ผมก็ยอมรับไม่ว่าจะมาจากที่ไหนก็แล้ว แต่เมื่อมีคนเสียชีวิตมีคนสูญเสีย มีคนบาดเจ็บอยู่บ้านไม่ได้ มันก็นายกฯทั้งนั้น ความผิดนายกรัฐมนตรีทั้งนั้น”
...nn ประเด็นเรื่องการที่นายกฯยอมเอ่ยปากขอโทษประชาชน พร้อมกับยอมรับว่า รัฐบาลมีความบกพร่องนั้น กลายเป็นประเด็นที่สำนักโพลถึงกับหยิบยกนำไปตั้งคำถามต่อสังคม โดยสำนักวิจัย “ซูเปอร์โพล” ได้เปิดเผยรายงานผลสำรวจเรื่อง “ความรู้สึกและความต้องการของประชาชน” หลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีขอโทษประชาชน เหตุอุทกภัย ภาคใต้ จากกลุ่มตัวอย่างทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1,142 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2568 โดยตั้งคำถามเอาไว้หลายคำถาม อาทิ...ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 75.8 เห็นว่าเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ครั้งนี้เป็น“เหตุสุดวิสัยจากภัยธรรมชาติ” ขณะที่ ร้อยละ 24.2 มองว่า “ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย” และยังสามารถป้องกันหรือบรรเทาได้หากมีระบบบริหารจัดการที่ดีกว่านี้
...nnการขอโทษประชาชน พร้อมเกาะติดพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ทำให้รู้สึกดีขึ้น (71.8%)
...nn “ซูเปอร์โพล” ตบท้ายสรุปผลการสำรวจเอาไว้ว่า แม้น้ำท่วมครั้งนี้จะเป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของภาคใต้ แต่ประชาชนยัง “เปิดใจให้รัฐบาล” หากรัฐบาลเดินหน้าอย่างรวดเร็ว จริงใจ และถึงมือจริง “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ได้เริ่มต้นด้วยการขอโทษและลงพื้นที่บริหารวิกฤตด้วยตัวเอง แต่สิ่งที่จะ “พลิกวิกฤตเป็นศรัทธา” ได้จริง คือ ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ใน 3–7 วันหลังจากนี้
...nn เรื่องผลสำรวจของโพลนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเปิดใจรับฟังกันหรือไม่ ขอให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละคน เพราะเมืองไทยเราสารพัดโพล ทั้งโพลที่สำรวจกันในเชิงวิชาการจริงๆ หรือโพลที่รับจ้างเชียร์ก็มี โดยเฉพาะโพลการเมือง....พูดกันถึงเรื่องโพลแล้ว สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีการทำโพลการเมืองสำรวจคะแนนนิยมออกมาอีกโพล ซึ่งเรียกเอาเสียงครางฮือฮาไม่เบา คือ “นิด้าโพล” เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคใต้”ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18-24 พฤศจิกายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคใต้ รวมทั้งสิ้น 2,000 ตัวอย่าง คำตอบที่ได้คือ
...nn จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนใต้จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 32.25 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 25.65 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 3 ร้อยละ 15.40 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล(พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 4 ร้อยละ 12.85 ระบุว่าเป็น นายณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) อันดับ 5 ร้อยละ 2.50 ระบุว่าเป็นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
...nn เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คนใต้จะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 28.60 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์อันดับ 2 ร้อยละ 28.45 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 3ร้อยละ 17.80 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน อันดับ 4 ร้อยละ 11.65 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 5 ร้อยละ 3.90 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ
...nn “คชสีห์” สรุปผลโพลสั้นๆ ก็คือ เรื่องของเรื่องกลายเป็นว่า คะแนนของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และพรรคประชาธิปัตย์ แซงนำ “อนุทิน” จากภูมิใจไทย และ “เท้ง-ณัฐพงษ์” จากประชาชน ทั้งตัวบุคคลและพรรค
...nnที่น่าสนใจก็คือ โพลครั้งนี้ ทำขึ้นก่อนที่ปัญหาน้ำท่วมใต้จะรุนแรงเสียด้วยซ้ำ แสดงว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้“อภิสิทธิ์” กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ถือว่า “มีนัยและพลังทางการเมือง”ที่ตอบรับได้ในระดับหนึ่งจริงๆ
...nn เพราะต้องไม่ลืมกันว่า การเมืองในอดีตนั้น ประชาธิปัตย์ ถือเป็นพรรคของคนใต้ ถึงขั้นที่มีการเปรียบเปรยกันว่า แม้แต่ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ยังชนะได้ ขณะที่กระแสนิยมในภาคใต้ของประชาธิปัตย์เพิ่งจะลดความนิยมลงไปในช่วงระยะหลังๆ นี่เอง
...nn “คชสีห์” ขอถ่ายทอดความเห็นของ เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.นครศรีธรรมราช อดีตคนเก่าคนแก่ของประชาธิปัตย์ ซึ่งแสดงมุมมองที่มีต่อ “อภิสิทธิ์” และประชาธิปัตย์ เอาไว้อย่างน่าสนใจ
...nn 1.ผลการสำรวจครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังคืนชีพมาเป็นพรรคของคนภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากผลการเลือกตั้งปี 2562 และ 2566 กระแสพรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำจนฐานเสียงของประชาธิปัตย์เดิม กลับไปเลือกพรรคการเมืองอื่น วันนี้ได้หันกลับมาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม กำลังจะเข้าสู่บรรยากาศเดิมๆ คือ “พรรคของเรา คนของเรา” อีกครั้งหนึ่ง
...nn 2.คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์กับคะแนนนิยมตัวบุคคลคือหัวหน้าพรรคใกล้เคียงกัน พรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนนิยม 28.60% ในขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีคะแนนนิยม 25.65% แต่พรรคการเมืองอื่น คะแนนนิยมของพรรคกับหัวหน้าพรรคแตกต่างกัน เช่น คะแนนนิยมของพรรคประชาชน 17.80% คะแนนนิยมของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ 12.85% และคะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทย 11.65% คะแนนนิยมของนายอนุทิน ชาญวีรกูล15.40%
...nn 3.ความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ที่เพิ่มขึ้น มีผลกระทบต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาชนในพื้นที่ภาคใต้อย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 พรรคประชาชนมีคะแนนนิยมสูงเป็นอันดับหนึ่งของภาคใต้ อยู่ที่29.92% วันนี้ลดเหลือ 17.80% ในขณะที่คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2566 อยู่ที่ 8.19% วันนี้มีคะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 28.60% ซึ่งจะตัดคะแนนกันในกลุ่มผู้ใช้สิทธิ์ที่เลือกพรรคการเมืองในเชิงอุดมการณ์ ซึ่งทั้ง 2 พรรคจะแย่งตลาดคะแนนนิยมหรือฐานเสียงเดียวกัน
...nn4.ปัจจัยชี้ขาดของการเมืองภาคใต้อยู่ที่สส.เขต ซึ่งจะมีความเสียเปรียบพรรคการเมืองอื่น เพราะประชาธิปัตย์ชูจุดขายเรื่องการเมืองสุจริต และเช่นเดียวกันพรรคประชาชน ก็ชูจุดขายเรื่องอุดมการณ์ จึงให้ฐานเสียงของกลุ่มที่ไม่ขายเสียงและกลุ่มที่นิยมการเมืองเชิงอุดมการณ์ ก็จะมาตัดกันเอง ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคประชาชน และ 5.เมื่อระบบการเลือกตั้งมีบัตร 2 ใบ ก็เป็นโอกาสที่ทำให้ประชาชนที่ชอบพรรคการเมือง ก็จะเลือกพรรคการเมืองตามใจชอบ แต่ในระบบเขตก็เป็นโอกาสของนักเลือกตั้งที่นิยมซื้อเสียง สามารถเจาะคะแนนจากประชาชนที่ต้องการขายเสียงได้ จึงทำให้พรรคที่ใช้กระสุน มีโอกาสแย่งพื้นที่สส.เขตได้มากกว่าพรรคที่เน้นเรื่องกระแส
...nn ทั้งนี้ “เทพไท” ตบท้ายเอาไว้ว่า“ผลการสำรวจของนิด้าโพล อาจวัดความนิยมของพรรคการเมือง และจะบ่งบอกถึงสส.ในระบบบัญชีรายชื่อ แต่สำหรับสส.ในระบบเขต ยังเชื่อว่าพรรคการเมืองที่มีทรัพยากรพร้อม มีกระสุนดินดำเป็นจำนวนมาก และยิงเข้าเป้าก็จะมีโอกาสชนะการเลือกตั้งในครั้งที่จะถึงนี้ได้”...!!...nn
คชสีห์

'รมว.นฤมล'เร่งสำรวจความเสียหายโรงเรียน หลังน้ำท่วมหาดใหญ่
กรมโยธาฯปูพรมฟื้นฟูหาดใหญ่หลังน้ำลด ผนึกกำลัง 17 จังหวัด แบ่ง 4 โซนปฏิบัติการ
ซีเกมส์พร้อม!ไทยเปิดตัว‘ศูนย์ถ่ายทอดสด IBC - ศูนย์สื่อมวลชน'
'ในหลวง-พระราชินี'ทรงเปิดอาคารเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา และทรงเปิดงาน'โครงการหลวง 2568'
บช.น.ปล่อยแถวรถยกพร้อมพลขับ 40 คัน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี