วันพุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เข้าวันที่สี่ในวันนี้ แนวรบด้านตะวันออกของไทยระหว่างไทย-กัมพูชา จากการรุกรานของกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา ยังดำเนินต่อไป ตามคำประกาศของ พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก ที่ว่า “เป้าหมายคือ กองทัพบกจะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา”
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมวานนี้ ตั้งแต่เวลา 04.50 น.ได้เริ่มมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง เสียงปืนดังสนั่นก้องทุ่ง ในพื้นที่บ้านหว้า หมู่ 7 ตำบลเขาดินเหนือ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ พบว่ามีลูกจรวดไม่ทราบขนาดตกมาในพื้นที่หมู่บ้านหลายลูก ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานในเวลาต่อมาว่า ทหารกัมพูชาเปิดฉากโจมตีฝ่ายเราอย่างต่อเนื่องจากจรวดหลายลำกล้อง“BM-21” พร้อมใช้โดรนทิ้งระเบิด โดรนพลีชีพใส่ฐานและที่มั่นของฝ่ายเราในหลายแนวรบ อย่างหนาแน่น
ทั้งที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ไปจนถึงปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และปราสาทคนา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะพื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายกัมพูชามีความพยายามอย่างหนักเพื่อจะทำการยึดคืน
นอกจากนั้นยังมีกระสุน “BM-21” มาตกในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน โดยที่ฝ่ายเราตอบโต้ด้วยอาวุธยิงเล็งตรง อาวุธวิถีโค้ง และยังสามารถควบคุมพื้นที่หลัก ตอบโต้ได้ตามแผน ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายต่อขีดความสามารถของกัมพูชาได้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ทางด้านกองทัพไทยได้ประกาศอย่างชัดเจน จากการแถลงข่าวที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมเมื่อวานนี้ โดย พลเรือตรี สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวถึงท่าทีของไทย และการปฏิบัติการทางทหารของไทย ว่า จะดำเนินไปจนกว่ากัมพูชาจะเปลี่ยนแปลงจุดยืน เช่น การกลับมาเลือกเดินบนทางเดินสู่สันติภาพที่แท้จริง และพร้อมกันนี้โฆษกกระทรวงกลาโหมยังได้ยืนยันว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงต่างๆ รวมถึงข้อตกลงหยุดยิง และแถลงการณ์ร่วม (Joint declaration) ที่ได้มีการลงนามที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568
ทั้งนี้ แถลการณ์ร่วมดังกล่าว ได้ลงนามโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทย และ“ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมี “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม
ข้อตกลงฉบับนี้ประกอบด้วยสาระสำคัญ 8 ข้อหลัก โดยสรุปก็คือ ยืนยันความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างสองประเทศ ในการละเว้นการคุกคามหรือใช้กำลัง การแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติ และการเคารพต่อเขตแดนระหว่างประเทศและต่อกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง และจะลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างกัมพูชาและไทย
ในประเด็นเกี่ยวกับการจะลดความตึงเครียดนั้น ตามข้อตกลงของ“Joint declaration” ฉบับนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหยุดยิงจะได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ และเพื่อฟื้นฟูสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน ทางกัมพูชาได้ยอมรับที่จะละเว้นการเผยแพร่หรือส่งเสริมการใช้ข้อมูลเท็จ การกล่าวอ้าง และวาทกรรมที่สร้างความเสียหาย ทั้งช่องทางทางการของรัฐบาลหรือช่องทางไม่เป็นทางการ เพื่อลดความตึงเครียด บรรเทาความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการหารืออย่างสันติ รวมทั้ง ประสานงานและดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ชายแดน
ปรากฏว่า หลังลงนามกันได้ไม่กี่วัน ไม่เพียงแต่ฝ่ายกัมพูชาจะใช้ข้อมูลเท็จป้ายสีไทยแบบสุนัขลอบกัดต่อเวทีโลกแล้ว กัมพูชายังได้ละเมิดข้อตกลงด้วยการลักลอบเข้ามาฝังทุ่นระเบิดในดินแดนไทย ที่บริเวณ“ภูมะเขือ”ห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเหตุให้ จ.ส.อ.เทิดศักดิ์สมาพงษ์ สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 16(ร.16 พัน.2) ข้อเท้าขวาขาด ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามเส้นทางปกติ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นับเป็น“ขาที่ 7”ของทหารไทยที่ถูกทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา อันเป็นการละเมิดข้อตกลงออตตาวา (Ottawa Convention) และนอกจากนั้นก็ยังทำให้กำลังพลของไทยอีก 3 นาย ได้รับบาดเจ็บ
และเหตุการณ์ครั้งนั้น จึงทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในนามรัฐบาลไทย โดยมติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ระงับการปฏิบัติตามข้อตกลงในแถลงการณ์ร่วม“Joint declaration”จนกว่ากัมพูชาจะปฏิบัติตามเงื่อนไข และยอมรับว่าตนมิได้ปฏิบัติตามข้อตกลงและได้ละเมิดเงื่อนไขดังกล่าว รวมทั้งกัมพูชาต้องมีคำแถลงขอโทษต่อประชาชนชาวไทยในกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่“ภูมะเขือ” พร้อมกันนี้เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ยังได้แจ้งต่อประธานาธิบดีทรัมป์ และ“อันวาร์ อับราฮิม”ในฐานะสักขีพยานในการลงนามว่า“รัฐบาลไทยทรงไว้ซึ่งสิทธิและมีอำนาจที่จะดำเนินการใดๆ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ และสร้างความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ที่พึงจะกระทำเพื่อปกป้องประเทศและประชาชนให้พ้นจากภัยคุกคามของต่างชาติ”
สรุปภาพรวมของแนวรบด้านตะวันออกตั้งแต่วันที่ 7-9 ธันวาคมเมื่อวานนี้ เราสูญเสียกำลังพลผู้เป็นทหารกล้าที่ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยในสมรภูมิรบ 4 นาย คือ จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต สังกัดกองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่ 6 เสียชีวิตจากการถูกสะเก็ดระเบิด ขณะปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ฐานป้องไพร ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี, พลทหารวายุ ขวัญเสือ สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ เสียชีวิตจากถูกสะเก็ดระเบิดจากอาวุธวิถีโค้ง ในพื้นที่ฐานปฏิบัติการ 225 จังหวัดสุรินทร์, ส.อ.ชวกร เดชขุนทด สังกัดกองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ เสียชีวิตจากเหตุเครื่องยิงลูกระเบิด ในพื้นที่พระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ และ จ.ส.ท.จิระวัฒน์ มุ่งกลาง สังกัดกองพันทหารช่างที่ 1 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์เสียชีวิตจากถูกทหารกัมพูชายิงปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังหรือ (ปรส.) จากเนิน 677 ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี และสำหรับยอดผู้ได้รับบาดเจ็บล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม มีทั้งหมด 68 นาย
ส่วนความเสียหายของกัมพูชานั้น น่าจะมีจำนวนมากกว่าเราหลายเท่าทวีคูณ ในเบื้องต้นนี้เสียชีวิต 61 คน บาดเจ็บและสูญหายยังไม่สามารถประเมินได้ และต้องติดตามกันต่อ เพราะการปฏิบัติการเพื่อทำให้กัมพูชา“สิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหาร” ยังไม่จบ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล พูดชัดเจนจากการให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมวานนี้ โดยผู้สื่อข่าวถามว่า “จะไม่มีเหตุการณ์เหมือนในอดีตรัฐบาล ที่ทหารกำลังปกป้องอธิปไตย แล้วมีการสั่งให้ทหารหยุดใช่หรือไม่”นายอนุทินตอบว่า“ไม่มีครับ ตอนนี้หยุดไม่ได้แล้วครับ ให้คำมั่นสัญญากับกองทัพแล้วว่า ให้กองทัพดำเนินการตามแผนการที่ได้คิดกันไว้อย่างเต็มที่ รัฐบาลให้การสนับสนุนทุกรูปแบบ” และผู้สื่อข่าวถามต่อว่า“จนกว่ากองทัพจะสิ้นสภาพไปใช่หรือไม่” นายอนุทินตอบเสียงดังฟังชัดว่า “กองทัพเขา ไม่ใช่กองทัพเรา กองทัพเราไม่มีวันสิ้นสภาพ”
บรรทัดนี้ก็ต้องบอกว่า“สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหารเขมร” !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

กขค. ผนึก สคบ. ร่วมขับเคลื่อนและกำกับดูแล 'ดิจิทัลมาร์เก็ต'
วอลเลย์บอลหญิงประเดิม!เช็คโปรแกรมแข่งซีเกมส์วันพุธนี้
'กอ.รมน.'เข้มเฝ้าระวัง 'โดรนสอดแนม–โดรนพลีชีพ' ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย เขมร
ซีเกมส์เปิดฉาก!พิธีเปิดยิ่งใหญ่-‘พาณิภัค’จุดไฟคบเพลิง
เปิดภาพ! พระราชินี ทรงพระดำเนินร่วมกับพาเหรดทัพไทยเข้าสู่สนามพิธีเปิดซีเกมส์ครั้งที่ 33

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี