การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ปฏิบัติการยุทธบดินทร์ของฝ่ายไทยเรา ยังคงเดินหน้าต่อไป เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และเกียรติศักดิ์ศรีของประเทศไทย

รอคอยวันที่การสู้รบจะยุติลงด้วยชัยชนะของประเทศไทย

เมื่อนั้น เชื่อว่า คนไทยจะเดินทางไปท่องเที่ยวชมเส้นทางสายประวัติศาสตร์ ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สำคัญอีกแห่งหนึ่ง

ครอบคลุมจังหวัดอุบลฯ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว ไล่ไปจนถึงจันทบุรี ตราด

เที่ยวชมปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทคนาช่องอานม้า ช่องจอม ภูผี ภูมะเขือ เขาพระวิหาร ผามออีแดงบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ เกาะกูด ฯลฯ

ชื่นชมความงามของศิลปวัฒนธรรม ธรรมชาติ และสัมผัสร่องรอย เรื่องราวประวัติศาสตร์การสู้รบ ความสำคัญของแต่ละพื้นที่

ชิมของกินอร่อย อาหารพื้นบ้าน ผลไม้ท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง กระตุ้นเศรษฐกิจชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนได้เป็นอย่างดี หลังจากต้องทุกข์ระทมกับภัยสงครามจากอริราชศัตรู

ทางการควรพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ และจดจารึกประวัติศาสตร์ไว้ให้ลูกหลานได้เรียนรู้วีรกรรมหาญกล้าของเหล่าทหารหาญของไทยเราตลอดไป

ผมมานั่งนึกถึงเส้นทางท่องเที่ยวสายยุทธบดินทร์ ก็เพราะเชื่อว่าเป็นเส้นทางที่มีเสน่ห์ มีจุดเด่นที่เรื่องราว ความทรงจำร่วมของคนในชาติ และเชื่อว่าหลังการสู้รบคนไทยก็อยากจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ด้วย

ที่เล่าเรื่องนี้ ก็เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเพิ่งเดินทางไปเยือนถิ่นนครพนม มุกดาหาร

ประทับใจกับความสวยงาม มนต์เสน่ห์ และเรื่องราวที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง จนต้องขออนุญาตนำมาเล่าให้ฟัง

เพื่อท่านผู้อ่านสนใจจะเดินทางไปเที่ยวอีสานบ้าง

เชื่อว่า จะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม เพราะอีสานสมัยนี้ เดินทางสะดวก ที่พักสบาย อาหารการกินอร่อย มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ และสถานที่ท่องเที่ยวไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน

1. ผมเดินทางไปชาวคณะท่านผู้ชมรายการ ณ ครับ สถานีข่าว Top News ลงเครื่องบินที่นครพนม สนามบินขนาดกะทัดรัด

เข้าเมือง นอนในโรงแรมริมฝั่งโขง ชื่อโรงแรมเวลาดี

ต้องบอกว่า ประทับใจตั้งแต่บรรยากาศที่พัก ริมฝั่งโขง มีทางจักรยานให้ปั่นเลาะริมแม่น้ำโขงหลายกิโลเมตร

ถัดโรงแรมไปไม่ไกล มีชิงช้าสวรรค์ริมฝั่งโขง สวยงามน้องๆ เอเชียทีคริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นแลนด์มาร์คใหม่ เหมาะกับคนทุกวัย ชมวิวฝั่ง สปป.ลาว สุดสายตา

วิวฝั่งตรงข้ามนครพนมของเรา คือ แขวงคำม่วนของลาว ทิวเขาหินปูนเรียงตัวสวยงามเป็นฉากหลัง ผมว่าเป็นวิวชมแม่น้ำโขงที่สวยเพลิดเพลินหัวใจ มีเอกลักษณ์ดั่งภาพวาด

ตกเย็นไปเดินถนนคนเดินริมแม่น้ำโขง ตั้งต้นจากลานพญาศรีสัตตนาคราช พญานาคพ่นน้ำที่ตั้งตระหง่าน รูปลักษณะเป็นองค์พญานาค 7 เศียร ประทับพักอิริยาบถสงบนิ่งขดลำตัว 3 ชั้น

พญาศรีสัตตนาคราช สร้างด้วยทองเหลืองทั้งองค์ มีขนาดกว้าง 4.49 เมตร สูง 10.90 เมตร น้ำหนักรวม 9 ตัน ประดิษฐานอยู่บนแท่นรวมความสูง 16.29 เมตร ที่พระศอมีสร้อยสังวาลที่นำเอาสัญลักษณ์เหนือซุ้มประตูองค์พระธาตุพนมมาสวมคล้องไว้ แสดงถึงองค์พญานาคที่มีความผูกพัน เชื่อมโยง พิทักษ์ ปกปักรักษาองค์พระธาตุพนม ตามตำนานที่กล่าวขานสืบมานาน ทางจังหวัดจะจัดงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ในวันที่ 7 เดือน 7 ทุกปี

เรื่องราวความเชื่อว่า พญาศรีสัตตนาคราชได้เลื้อยลอยมาตามลำน้ำโขง เมื่อผ่านมาถึงริมฝั่งโขงนครพนม เห็นว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสมจะขึ้นมาบนฝั่งเพื่อดูแล ความอยู่ดีกินดี ความผาสุกร่มเย็นแก่บ้านเมืองแห่งนี้ จึงเลื้อยขึ้นมาบนฝั่ง พอถึงลานอันมีมงคลแล้ว พญาศรีสัตตนาคราช ได้พิจารณาเห็นว่า ผิวกายของท่านได้ผ่านพบอุปสรรคโคลนตมคราบไคลที่มัวหมอง เปรียบได้กับกิเลส ตัณหา ราคะ อันเป็นมลทิน ที่ติดตามผิวกาย สมควรที่จะลอกคราบไคลเหล่านั้นไว้เบื้องล่าง ให้เหลือผิวกายเป็นสีทองอร่ามเป็นสิริมงคล ก่อนที่จะเลื้อยขึ้นไปขดอยู่บนแท่น อันเป็นเอกมงคล พญาศรีสัตตนาคราชจึงได้ลอกคราบไว้ ดังปรากฏให้เห็นเป็นวงโค้งของคราบ มีลักษณะลอดและโผล่จากพื้นดิน 2 วงโค้ง มีคราบหางโผล่ปรากฏในบ่อน้ำที่อยู่ไม่ห่างจากวงคราบมากนัก

ถนนคนเดินช่วงหัวค่ำ เดินเพลิดเพลิน เพราะอากาศเย็นสบาย Mekong Walking Street ยาวไปจนถึงบริเวณหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ อาหารการกินชิมตลอดสองข้างทาง เดินไป
ชิมไป น้ำหนักขึ้นด้วยความสุขไม่รู้ตัว

บรรยากาศการเดิน อบอุ่นอยู่ในลมหนาวพัดมาวอยๆ

2. เส้นทางพญานาค

จังหวัดมุกดาหาร พื้นที่ติดกันกับนครพนม เป็นอีกจังหวัดที่หลายคนอาจไม่เคยมา ไม่เคยผ่าน ไม่รู้ว่ามีอะไรน่าสนใจ

ไปเที่ยวนี้ ผมได้ไปตามรอยพญานาคที่มุกดาหารด้วยครับ

มุกดาหารเป็นหนึ่งในจังหวัดริมแม่น้ำโขง ความเชื่อและความศรัทธาเกี่ยวกับพญานาคมีอยู่เต็มเปี่ยมเช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสานที่อยู่ติดแม่น้ำโขง

เชื่อว่าพญานาคเป็นสัตว์กึ่งเทพ มีอิทธิฤทธิ์มาก เป็นสัญลักษณ์แห่งสายน้ำและความอุดมสมบูรณ์

นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าแม่น้ำโขงเกิดจากการแถตัวของพญา และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเมืองมนุษย์ และเมืองบาดาลของพญานาคราชตามตำนานโบราณ

เป็นที่มาของการสร้างพญานาคทั้ง 3 องค์ นาคดิน นาคน้ำและนาคฟ้า

ได้แก่ พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช พญาอนันตนาคราช และพญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช

ตั้งอยู่บนแนวเส้นลองจิจูดเดียวกันที่ตำแหน่ง 104 องศา 43 ลิปดาโดยบังเอิญ

เป็นตัวแทนแห่งพญานาค 3 พิภพ ซึ่งปกปักคุ้มครองเมืองมุกดาหารให้สงบร่มเย็น

พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช หรือพญานาคดิน (ปฐพีพิภพ) พญานาคองค์ใหญ่สีขาวกับคติความเชื่อที่ว่า “อุดมสมบูรณ์ มั่นคง มั่งคั่ง ร่ำรวย” ตั้งอยู่บริเวณ “แก่งกะเบา” แก่งหินและโขดหินยาวตามลำน้ำโขง สายน้ำโขงที่ไหลมากัดเซาะทำให้เกิดรูปร่างที่สวยงาม บางที่ก็จะเป็นเหมือนถ้ำใต้น้ำ

พญาอนันตนาคราช หรือพญานาคน้ำ (บาดาลพิภพ) พญานาคองค์ใหญ่ที่พันรอบเสาต้นใหญ่หันหน้าไปทางแม่น้ำโขง กับคติความเชื่อ “ร่มเย็น ร่มรื่น ราบรื่น” ตั้งอยู่ติดกับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ช่วงสร้างสะพานเต็มไปด้วยเรื่องเล่าขานถึงอาถรรพ์ต่างๆ นานา เพราะเชื่อว่าจุดที่สร้างคือปากถ้ำใต้บาดาล

และพญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช หรือพญานาคฟ้า (สวรรค์พิภพ) ที่ชาวบ้านเรียกว่า ปู่ศรีมุกดา

เป็นพญานาคองค์ใหญ่นอนขดตัวไปมา และชูลำคอสูงสง่าหันไปทางแม่น้ำโขง ลำตัวยาว 122 เมตร สูงประมาณ 20 เมตร สีเขียวอมฟ้า ดูราวกับมีชีวิต

อยู่บนเขาภูมโนรมย์ กับคติความเชื่อ “เจริญรุ่งเรือง เติบโต เลื่อนตำแหน่ง”

ผู้ที่มากราบไหว้พญานาคสามารถตั้งจิตอธิษฐาน แล้วเดินลอดท้องพญานาคทั้ง 7 ช่อง ที่มีความเชื่ออันเป็นมงคลต่างๆ

มีการนำผ้าแดงที่เขียนชื่อตัวเองไปผูกไว้ที่ต้นไม้รอบๆ พญานาค เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองได้ด้วย

การจัดการท่องเที่ยวที่วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ผู้มาเยือนจะต้องจอดรถไว้ แล้วขึ้นรถสองแถวขึ้นไปบนภู เพื่อสักการะพระพุทธรูปใหญ่ และองค์พญานาค

ชาวบ้านที่นำรถสองแถวมาบริการดูแลนักท่องเที่ยวอย่างดี

เมื่อมองจากบนภู จะเห็นวิวแม่น้ำโขงสวยงาม เห็นไกลไปถึงสะพานมิตรภาพเลยครับ

3. สักการะพระธาตุพนม

อยากเชิญชวนพี่น้องคนไทย หาโอกาสมากราบสักการะ “พระธาตุพนม” สักครั้งหนึ่งในชีวิต

เป็นพระธาตุที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง

ประวัติของพระธาตุพนม มีอยู่ใน “ตำนานอุรังคธาตุ” หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระมหากัสสปะก็ได้นำพระบรมสารีริกธาตุส่วนไหปลาร้า (อุรังคธาตุ) มายังภูกำพร้าที่ตั้งองค์
พระธาตุปัจจุบัน

เป็นศูนย์รวมศรัทธาผู้คนสองฝั่งแม่น้ำโขง และเป็นพระธาตุประจำปีวอกด้วย

พระธาตุพนมที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่องค์ดั้งเดิม แต่สร้างขึ้นใหม่เมื่อ 48 ปีก่อน หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2518 พระธาตุพนมพังถล่มลงมา

หลังจากพระธาตุพนมถล่ม ก็มีการสร้างองค์พระธาตุพนมขึ้นมา พระธาตุพนมองค์ใหม่นี้สร้างด้วยโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหมด แต่เสริมรากฐานให้แข็งแรงขึ้นด้วยเสาเข็มมาถึง 45 ต้น พร้อมกับนำเอาชิ้นส่วนอิฐที่แตกหักกลับมาประกอบใหม่ในตำแหน่งเดิมเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับนำเอาพระบรมสารีริกธาตุที่พบหลังจากองค์พระธาตุพังทลายกลับไปบรรจุ ณ ที่เดิม

ในครั้งนั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินมาทำพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงในผอบทองคำเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2522

4. อาหารอีสานต้องลิ้มลอง

อาหารการกิน ไม่ว่าจะที่โรงแรม หรือตามร้านอาหารในพื้นที่ ล้วนแต่มีให้ลองกินได้ไม่รู้เบื่อ

ไปเที่ยวนี้ ผมถามรถตู้เจ้าถิ่น แนะนำไปกินร้านลาบจ่าแอร์บ้านใต้ สั่งลาบไปหลายขนาน ทั้งก้อยส้ม ทั้งลาบเสือร้องไห้ ฯลฯ สุดแซ่บอีหลี ใครมาก็อย่าพลาดนะครับ

หรือถ้าใครชอบนั่งกินบรรยากาศริมโขง ก็มีหลายร้านให้เลือก อาหารอีสานอร่อย รสชาติถึงอกถึงใจอยู่แล้วครับ

ทั้งหมดนี้ ถือว่า ผมไปรีวิวมาให้ท่านผู้อ่านก่อน

แล้วก็ถือโอกาสเชิญชวน หาเวลาไปเที่ยวอีสานกันครับ

บางจังหวัด ท่านอาจคิดไม่ออกว่าจะมีอะไรให้ไปเที่ยว แต่ยุคนี้ ลองไปดู แล้วจะติดใจครับ

เสน่ห์ของอีสาน ทั้งบรรยากาศแปลกแตกต่าง อาหารรสชาติถึงใจ แล้วยังมีเสน่ห์ของเรื่องราว พลังศรัทธา ที่ทำให้ผู้คนรักษาบ้านเกิดเมืองนอนมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น

สมัยนี้ เดินทางสะดวกสบาย ปลอดภัย ชิลๆ เลยครับ

..จบ...

สันติสุข มะโรงศรี