วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568
หลังจากการประกาศยุบสภาของนายกฯอนุทิน เมื่อค่ำคืนของวันที่ 11 ธันวาคมนี้ สนามการเมืองไทยก็ทวีความคึกคัก ทุกพรรคการเมืองต่างต้องเร่งจัดหารายชื่อผู้สมัคร และเร่งนำเสนอนโยบายเพื่อการหาเสียงสนับสนุน เพื่อจะได้เชิญชวนให้ประชาชนมาหย่อนบัตรเลือกตั้งพรรคตนในวันเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ได้กำหนดแล้วว่าเป็นวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569
แต่การเลือกตั้งจะออกมามีความยุติธรรม และโปร่งใสมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับจิตสำนึก และความซื่อสัตย์สุจริตของผู้สมัคร รวมทั้งพรรคการเมืองที่สังกัดด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือ การตระหนักในศักดิ์ศรี และเกียรติภูมิของประชาชนพลเมืองผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งว่า อนาคตของชาติมิใช่สินค้าที่จะมาซื้อ-ขายกันได้ และมิใช่เครื่องมือกลไก หรือผู้อยู่ในอาณัติของพรรคการเมือง หรือผู้ทรงอิทธิพลหนึ่งใด
สำหรับผู้สมัครก็อาจจะแบ่งคร่าวๆ ได้เป็น 2 กลุ่มด้วยกันคือ นักการเมืองขนานแท้ กับนักการเมืองแบบเทียมๆ
ในกรณีแรก ก็คงจะได้แก่ผู้มีความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะอาสาเข้ามารับใช้บ้านเมือง ทั้งเพื่อแก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆ และการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยดีขึ้น มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นต่อไป จัดได้ว่าเป็นพวกที่มีอุดมคติ มีอุดมการณ์ มีความรัก หวงแหนและห่วงใยบ้านเมือง และฉะนั้นอยากจะได้มีโอกาสได้รับใช้บ้านเมืองอย่างจริงจังเต็มความสามารถและความตั้งใจ
ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็มักจะเป็นบุคคลที่อยากมีชื่อเสียง มียศ มีตำแหน่ง ให้ดูโก้เก๋ ให้ดูดี แล้วก็มีความประสงค์แอบแฝงที่จะตักตวงเอาผลประโยชน์เข้าตนและพวกตน เป็นการใช้ช่องทางของการเลือกตั้งเพื่อบรรลุเป้าหมายของความชั่วร้าย กลุ่มบุคคลเหล่านี้ก็มักจะประกอบด้วยบุคคลที่มาจากครอบครัวที่ทรงอิทธิพลและมีเงิน และประสงค์ที่จะส่งเสริมคนในครอบครัวให้ได้มีตำแหน่งทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ นอกจากนั้นก็จะเป็นบุคคลจากแวดวงราชการที่เกษียณอายุ แต่อยากจะมีอำนาจทางการเมืองและตอบสนองความทะเยอทะยานและต่อยอดอำนาจวาสนา ส่วนผู้ที่ไม่มีเงินตราและไม่มีตำแหน่งแห่งหนมาก่อนก็อยากจะใช้เส้นทางทางการเมืองเข้าสู่ถนนอำนาจ เพื่อ “ถีบตัวเอง” ให้สูงส่งขึ้น เป็นการตอบสนองความทะเยอทะยาน และเพิ่มช่องทางการหาประโยชน์เข้าตัว กลุ่มนักการเมืองเทียมดังกล่าวนี้ จึงเป็นนักการเมืองเพื่อตัวเอง มิได้มีความปรารถนาหรือความนึกคิดใดๆ ที่จะเข้ามาช่วยและรับใช้บ้านเมือง
สำหรับนักการเมืองแท้ก็คงจะเข้าสู่สนามการเมืองด้วยอุดมคติและอุดมการณ์ และการใช้องค์ความรู้และประสบการณ์เพื่อร่วมพัฒนาและนำพาประเทศ แต่ทว่านักการเมืองขนานแท้นี้มักจะมีจำนวนจำกัด เนื่องจากมิได้อยู่กับระบบเส้นสายทำให้ยังรวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนกันได้ยาก เพราะขาดทุนทรัพย์ หรือไม่ก็ขาดเวทีที่จะมีการทำความรู้จักต่อกันและกัน
ผลก็คือสนามการเมืองของไทยจึงเต็มไปด้วยนักการเมืองเทียม ทำให้ภาระหน้าที่ในการแก้ไขตกมาอยู่ที่ประชาชนพลเมืองผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่จะให้การสนับสนุนนักการเมืองแท้ โดยเมื่อการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว ก็ยังเป็นหน้าที่ของประชาชนพลเมืองที่จะต้องติดตาม เพื่อกำกับดูแลพฤติกรรมของบรรดา “ผู้แทนราษฎรทั้งหลาย” ให้อยู่ในร่องในรอยและไม่กล้าที่จะคิดและทำการที่เป็นร้ายต่อสังคมไทย ซึ่งก็มิใช่เรื่องง่าย ฉะนั้น ประชาชนพลเมืองก็ต้องได้รับการบริการด้านข่าวสารและการติดตามสอดส่องดูแลจากฝ่ายสื่อ ฝ่ายวิชาการ ฝ่ายผู้นำทางความคิดและฝ่ายองค์กรภาคประชาสังคม หรือองค์กรที่มิใช่รัฐที่มิได้แสวงหากำไร
ในขณะเดียวกัน องค์กรตรวจสอบและกระบวนการยุติธรรมก็ต้องมีความขะมักเขม้นในการทำหน้าที่ มีความรักชาติบ้านเมือง มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และมีจิตวิญญาณของการเป็นข้าราชการและพนักงานรัฐที่ดีทั้งหลาย และในการนี้ก็ต้องมีการแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัย ที่ไม่เป็นธรรม ที่ไม่ชัดเจน อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เพื่อการใช้กฎหมายเต็มไปด้วยความยุติธรรมและไม่มีการเลือกปฏิบัติ
ทั้งหมดนี้การตื่นรู้ การเข้าถึงซึ่งข้อมูลข่าวสาร การมีโอกาสได้เข้าร่วมในการวิพากษ์วิจารณ์ภารกิจ และโครงการภาครัฐหนึ่งใด ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะเอื้ออำนวยทั้งในเรื่องของการมีส่วนร่วมและการตรวจสอบ เพื่อให้ความเป็นไป โดยเฉพาะบทบาทของภาครัฐตอบสนองสังคมโดยส่วนรวมและมิใช่ตอบสนองผลประโยชน์ของนักการเมืองแบบเทียม
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี