“สักวา มาตราสี่สิบสี่
อำนาจนี่ น่าจะใช้ ให้ศักดิ์สิทธิ์
พวกเหลือขอ ก่อเข็ญ เป็นรู้ฤทธิ์
ใช้พิชิต เรื่องร้าย ให้กลายดี
นี่นำใช้ เลอะเทอะ เปรอะไปหมด
คาดเข็มขัด นั่งรถ มาตรานี้
ระวังดาบ อาญาสิทธิ์ มีฤทธิ์
กลายเป็น ไม้ตีพริก ขลุกขลิกเอย”
ของ “นายทวยมัน” ใน นสพ.แนวหน้า
ยกคำกลอนของ “นายทวยมัน” ที่ลงใน นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 29 มี.ค. 2560 มากล่าวนำในวันนี้ ก็เพราะเห็นว่าเป็นคำกลอนสอนใจและเตือนใจพวกใช้อำนาจทั้งหลายในบ้านเมืองขณะนี้ ที่ใช้อำนาจกันอย่างพร่ำเพรื่อไม่บันยะบันยัง โดยเฉพาะอำนาจพิเศษที่กำหนดขึ้นด้วยตัวเองเพื่อจะทำอะไร หรือสั่งให้ทำอะไร ก็สั่งได้ทำได้ทั้งสิ้นซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตาม มิฉะนั้นก็จะโดนเล่นงาน เนื่องจากอำนาจพิเศษบางอย่างที่เขียนขึ้นในยามที่ประเทศชาติบ้านเมืองอยู่ภายใต้การดูแลของการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งไม่ใช่การดูแลในสภาพปกติของบ้านเมือง
อำนาจพิเศษอย่างว่านี้ ถ้าจะถามว่ามีประโยชน์หรือไม่ในการกำหนดไว้ในภาวการณ์ไม่ปกติอย่างเช่นในขณะนี้ ก็ต้องตอบว่ามีประโยชน์ ถ้าใช้อำนาจพิเศษที่ว่านี้ แก้ไขปัญหารุนแรงหรือหนักหน่วงที่ต้องจัดการให้ทันเวลา เพื่อประโยชน์ต่อผู้คนทั้งหลายที่กำลังประสบอยู่ และรอการแก้ไขตามวิธีการปกติไม่ได้เพราะจะเสียหายหนักขึ้นจนแก้ไขไม่ได้
แต่ไม่สมควรยกมาใช้แบบตามใจชอบ
หรือใช้เปรอะไปทุกเรื่องโดยไม่ดูวิธีการอื่นที่มีในข้อกำหนดต่างๆ ของกฎหมาย หรือคำสั่งและระเบียบของอำนาจหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้และมีอยู่ เพื่อสั่งการให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในกระบวนการดังกล่าวรีบปฏิบัติให้รวดเร็ว ทันการ
มิฉะนั้นจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนบ้าอำนาจนั่นเอง
อย่างเช่นเรื่องการคาดเข็มขัด รัดเข็มขัด เมื่อนั่งรถหรือขับรถ ตามคำกลอนสักวาของ “นายทวยมัน” ที่แต่งไว้ข้างต้นนี่แหละ เป็นตัวอย่างเรื่องหนึ่งของการใช้อำนาจที่ดูแล้วจะพร่ำเพรื่อเกินไปกับอำนาจพิเศษที่มีอยู่ คือ ม.44 เพราะสามารถจัดการได้ด้วยคำสั่งปกติในฐานะผู้นำการบริหาร ให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายช่วยกันเร่งทำงาน หรือแก้ไขในสิ่งดังกล่าวให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการแก้ไขที่ต้องการ
การคาดเข็มขัดหรือรัดเข็มขัดเวลาขับรถ นั่งรถ นั้นเป็นเรื่องที่ดีเพื่อความปลอดภัยของตนเองเวลาประสบอุบัติเหตุ ซึ่งมีกฎระเบียบของการจราจรกำหนดอยู่แล้ว แม้กระทั่งคนที่มีหน้าที่ดูแลและรักษากฎระเบียบดังกล่าวก็มีกำหนดไว้แล้วเช่นเดียวกัน ถ้าจะใช้อำนาจสั่งการตามอำนาจบริหารบ้านเมืองที่ตนมีอยู่ ให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัด และคอยติดตามดูการทำงานของ
ผู้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาแล้ว ก็ทำได้เช่นเดียวกันโดยไม่ต้องไปงัดเอา ม.44 มาใช้
เรื่องที่ควรจะนำ ม.44 มาใช้ในตอนนี้นั้น ไม่ใช่เรื่องขับรถยนต์ นั่งรถยนต์เวลาวิ่งบนถนน ต้องคาดเข็มขัดหรือรัดเข็มขัดให้ดี แต่เป็นเรื่องของ “คนขับรถยนต์ประเทศไทย” ขณะนี้ ที่คนขับต้องรู้จักคาดเข็มขัดและรัดเข็มขัดให้ดีอยู่ตลอดเวลาด้วย เพื่อมิให้ “ผู้โดยสารรถยนต์ประเทศไทย” คันนี้ ต้องประสบภัยอันตรายไปด้วย หรือเดินทางไปไม่ถึงที่หมาย
เพราะประเทศไทยขณะนี้มีปัญหามากมายก่ายกอง
โดยเฉพาะปัญหาทางเศรษฐกิจสังคมที่ยังอยู่ในขั้นวิกฤติ
ถ้าผู้มีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง ซึ่งเปรียบเสมือน “คนขับรถยนต์ประเทศไทย” คันนี้ และกำลังขับรถยนต์พาผู้คนไปส่งยังจุดหมายปลายทาง ไม่รู้จัก “รัดเข็มขัด” ในยามที่บ้านเมืองกำลังย่ำแย่ไปด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำอย่างสุดๆ ขณะนี้ และยังคงใช้จ่ายเงินของแผ่นดินอย่างไม่บันยะบันยัง ใช้เหมือนเป็นเงินของตัวเอง โดยไม่คิดว่าเป็นเงินภาษีของชาวบ้าน ที่ขณะนี้ก็กำลังเดือดร้อนยากลำบากที่สุดในการทำมาหากิน รายได้ไม่พอรายจ่าย หนี้สินล้นพ้นตัว ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้เรื่อยๆต่อไป ทั้งยังถูกซ้ำเติมด้วยการบริหารจัดการที่ไม่เป็นไปอย่างพอเหมาะพอดีกับสภาพเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำสุดๆทุกด้านในปัจจุบัน อยากซื้อโน่นซื้อนี่ หรือซื้อสิ่งที่ยังไม่จำเป็นด้วยเงินที่กู้เขามาซื้อ แม้กระทั่งเรื่องการ “ซื้อเรือดำน้ำ” ด้วยวิธีผ่อนส่ง แล้วก็ไปหาหนทางขึ้นภาษีโน่นภาษีนี่กับชาวบ้านอย่างที่เห็นๆ กันอยู่ในขณะนี้นั้น บอกได้คำเดียวว่า “ผู้โดยสารรถยนต์ประเทศไทย” คันนี้ เดินทางไปไม่ถึงจุดหมาย
ถ้า “คนขับรถยนต์ประเทศไทย” คันนี้ไม่รัดเข็มขัด ยังคงขับตะบึงตะบันไปข้างหน้าลูกเดียว ไม่เคยใส่ใจกับการยึดหลักความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกันในตัวให้ดี ภายใต้เงื่อนไขการมีคุณธรรมกำกับความรู้ ความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เบียดเบียนกันแบ่งปันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเร่งเสริมสร้างสายใยผู้คนในสังคมให้เข้าด้วยกัน ตามแนวทางของ “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 9 ทรงให้ไว้แล้ว “รถยนต์ประเทศไทย” คันนี้เห็นทีต้องพลิกคว่ำกลางทาง หรือไม่ก็คงได้ยินเสียงด่าเสียงว่าจากผู้โดยสารบนรถยนต์คันนี้ดังขึ้นเรื่อยๆ
เศรษฐกิจพอเพียงนั้น เป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวทางการดำรงอยู่ และการปฏิบัติตนของผู้บริหารบ้านเมืองทุกระดับ รวมถึงประชาชนตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ เพื่อรองรับกับผลกระทบต่างๆที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อทั้งจากภายในและภายนอก
เป็นเสมือนรากฐานของชีวิตและความมั่นคงของประเทศ
นำมาซึ่งความพออยู่ พอกิน และพอใช้ แก่ทุกๆคน
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี