เมื่อช่วงต่นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถตรวจค้นบ้านต้องสงสัยและยึดอาวุธสงครามในจังหวัดปทุมธานีได้เป็นจำนวนมากจากบ้านนายพุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานีกลุ่มฮาร์ดคอร์ พร้อมเกิดกระแสข่าวการวางแผนลอบสังหารพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรีฐมนตรีและหัวหน้าคสช.กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมและรองนายกฯ
เป็นการข่าวที่ถือว่าไร้ความน่าเชื่อถือที่สุด
ไม่นานก็มีกระบวนการลอบสังหารพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรีฐมนตรีโผล่ออกมาเป็นระลอกเริ่มจากปูดเรื่องการใช้งบประมาณมหาศาลในการดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เดียรถีย์เจ้าสำนักจานบิน ในขณะที่เงินคงคลังเหลือน้อยศก.ประเทศตกต่ำย่ำแยา
ไม่นานนักคนชอบแก้ตัวไม่แก้ไขก็โผล่หัวจากรูโจมตีรัฐบาลกล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์และคสช.พยายามกลั่นแกล้งยัดเยียดข้อหาและตามราวีกับคนในครอบครัวทั้งเรื่องทุจริตโครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ด รวมทั้งฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโครงการขายข้าวแบบจีทุจีที่เป็นธุรกรรมอำพราง จนถึงการเรียกเก็บภาษีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปกับบริษัทแอมเพิลริช จำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท พร้อมโผล่ส่ำสัตว์ เดียรัจฉานหรือไม่ยืนยันไม่ได้ เรียกร้องให้ตรวจสอบการเสียภาษีของครม.ในรัฐบาลคสช.
“ทักษิณ”บอกว่ามันต้องหนีออกจากประเทศไทยบ้านเกิดอันเป็นที่รักยิ่งทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดใดใดเลยแม้จะมีคำพิพากศาลฏีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้จำคุก 2 ปีค้ำคอประจานข้อเท็จจริงอยู่ก็ตาม ตามสัญชาติญาณมหาโจรที่มักปฏิเสธการกระทำความผิดอยู่เสมอ
สร้างราคาปลุกระดมมวลชนที่ยังงมงายให้การสนับสนุน
“ทักษิณ”สำรอกด้วยว่า “หยุดเคลื่อนไหวแล้ว!!! –ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยังใส่ร้ายยังกล่าวหาต่างๆนานาโดยเฉพาะประเด็นความจงรักภักดี ที่มีมาตลอด แต่”ทักษิณ”ก็ยังอยู่ยังคบหายังมีมิตรภาพที่ดี ถ่ายภาพร่วมกันกับกับกลุ่มคนที่พยายามกล่าวจาบจ้วงกล่าวอาตตมาดร้ายสถาบันเบื้องสูงอย่างนายเอนก ชัยชนะหรือ เอนกซานฟรานซิสโกผู้ต้องหาผิดมาตรา112 อยางไม่ตะขิดตะขวงใจโดยผลิตคลิปและจัดรายการโจมตีสถาบันเบื้องสูงมาโยตลอด
แต่ที่ยังมีความเคลื่อนไหวของส่ำสัตว์ที่เลี้ยงไว้ให้ไล่กัดผู้บริสุทธิ์เป็นเรื่องเกินคาดหมายไม่สามารถห้ามปรามตักเตือนได้
กระทั่งฝูงส่ำสัตว์เดียรฉานได้ใจ
สร้างภาพสร้างราคาให้เห็นว่าคนที่อยู่ในประเทศไทยและคสช.กำลีงรวมหัวกันรังแกคนตระกูล”ชินวีตร”และส่ำสัตว์ที่เลี้ยงไว้ถัดจากนั้นไม่นานสัตว์บางตัวที่เลี้ยงไว้ก็ออกมาเปิดประเด็นโจมตีพล.อ.ประยุทธ์และคสช.ตาอกรณี บรรษัทพลังงานแห่งชาติจากฝีมือของอดีตผู้ว่าธปท.ม.ร.ว.ปรดิยาธรเทวกุลในยุคที่มทัษิณ เป็นผู้บริหารประเทศ เรียกง่ายๆก็อีก 1 ส่ำสัตว์ในคอก “จันทร์สาองหล้า จักเห็นว่าการลอบสังหารพล.อ.ประยุทธ์ทะยอยออกมาเป็นกระทอกเป็นขั้นเป็นตอนดิสเครดิตดิสความหวังของคนไทยที่ต้องการนายกรัฐมนตรีต้องการผู้นำประเทศที่ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงอย่างนายกฯลุงตู่เช่นนี้
แผนลอบสังหารครั้งนี้ลุงตู่แม้ไม่ตายก็อาการหนักหนาสาหัสปางตายทีเดียว
ถือเป็นครั้งแรกที่สื่อโซเชี่ยลรุมถล่มนายกฯลุงตุ่แบบไม่เผาผีกันเลย
จากกรณีคำสั่งตามมาตรา44เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก กรณีบังคับคาดเข็มขัดนิรภัยในทุกที่นาง ห้ามนั่งบริเวณท้ายกะบะและบริเวณสแปซแคป เพื่อลดสถิคิอุบัติเหตุและการเสียชีวิตจากการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นเสียงก่นด่าต่อต้านมากกว่าเสียงเชลียร์เสียงสนับสนุนเหมือนที่ผ่านๆเนื่องจากประชาชนส่วนมากได้รับผลกระทบต่อมาตรการดังกล่าว และคนส่วนใหญาถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จากมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก
แต่ด้วยสัญชาติญาณลุกผู้ชาย
ชายชาติทหาร ยืดได้หดได้
เมื่อเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รีรอที่จะแก้ไขไม่ใช่แก้ตัวแบบมหาโจรนอกประเทศโดยยอมรับฟังกระแสตาอต้านและออกคำสั่งใหม่ชะลอการดำเนินการไปหลังเทศกาลสงกรานต์ เพื่อให้คนไทยได้สนุกสนานคลายร้อนไปกับเทศกาลสงกรานต์และสามารถกลับเยี่ยมภุมิลำเนาได้โดยไม่เดือดร้อนมากนัก
การสังหารพล.อ.ประยุทธ์ให้หมดโอกาสกลับมาเป็นที่นิยมชมชอบของประดาคอการเมืองไทยของพรรคการเมืองนักเลือกตั้งที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีภายหลังการเลือกตั้งปี 2561ก็ใช่ว่าจะได้ผลเห็นผล100%
วรพจน์ แสนประเสริฐ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี