นายแพทย์อุดม ตันติพันธุ์พิพัฒน์ อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดข้อเข่า ข้อสะโพกเทียม ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เผยว่า โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นเกิดจากความผิดปกติที่กระดูกอ่อนผิวข้อและกระดูกบริเวณใกล้ข้อ โดยจะมีการทำลายของกระดูกอ่อนผิวข้อเกิดขึ้นอย่างช้าๆ กระดูกอ่อนผิวข้อจะบางลงทำให้การทำงานของกระดูกอ่อนผิวข้อเสียไป ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นข้อเข่าเสื่อมเกิดจาก อายุ การเล่นกีฬา ความอ้วน การดำเนินชีวิตประจำวัน พันธุกรรมและโรคเมตาบอลิซึม การได้รับบาดเจ็บของข้อ และฮอร์โมน
นอกจากนั้นยังมีปัจจัยจากอายุ ซึ่งการเกิดข้อเข่าเสื่อมจะพบมากตามอายุที่เพิ่มขึ้น โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นสาเหตุอันดับแรกของอาการปวดข้อในผู้ชายและผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป พบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า และคนที่มีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป จะมีข้อเสื่อมมากกว่าร้อยละ 80 – 90% ถ้าคำนวณอย่างคร่าวๆ ในประเทศไทยจะพบประมาณ 2 – 5% หรือเฉลี่ยราว 3.5% จากประชากรไทย 60 ล้านคน จะมีโอกาสเป็นโรคปวดข้อ 2.1 – 3 ล้านคน
อาการข้อเสื่อมในระยะแรกจะพบว่าขณะเคลื่อนไหวจะเกิดเสียงดังภายในข้อเข่าขึ้น อาการเริ่มต้นจะรู้สึกตึงบริเวณด้านหลังของข้อเข่าหรือบริเวณน่อง ต่อมาจะเริ่มมีอาการปวดบริเวณข้อเข่าขณะเคลื่อนไหว ขึ้นหรือลงบันไดได้ไม่เหมือนเดิม การอักเสบทำให้ข้อเข่าบวม เนื่องจากมีการสร้างน้ำในเข่ามากกว่าปกติทำให้รู้สึกตึง บางรายอาจไม่สามารถเหยียดขาได้สุดโดยอาจติดอยู่ในท่างอเข่า และเมื่อมีอาการของโรคมากขึ้นจนข้อเข่าผิดรูป ทำให้มีการทรุดตัวของกระดูกและข้อเข่าครึ่งด้านในหรือด้านนอก จนทำให้เข่าโก่งงอ ที่พบบ่อยคือขาจะโก่งออกด้านนอก ทำให้ขาสั้นลง เดินได้ลำบาก
การป้องกันภาวะข้อเข่าเสื่อมให้เกิดช้าที่สุด คือ ลดน้ำหนักตัวในรายที่อ้วน โดยอย่ากินจุกจิก ลดอาหารไขมัน แป้ง และน้ำตาล รับประทานผัก ผลไม้เพิ่มขึ้น ดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหาร ประมาณ 1 - 2 แก้ว ลดอาหารมื้อเย็น งดขนมหวานและผลไม้ที่มีรสหวาน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ปรับพฤติกรรมในการใช้ข้อเข่า เช่น นั่งคุกเข่า นั่งยองๆ นั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ หลีกเลี่ยงการใช้ข้อเข่ามากเกินไป เช่น การยืนนานๆ การขึ้นลงบันได การยกของหนัก การเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ควรรับประทานแคลเซียมอย่างเพียงพอ
การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม แบ่งเป็น 1. การรักษาโดยไม่ใช้ยา ลดน้ำหนัก ทำกายภาพบำบัด ออกกำลังกายและบริหารกล้ามเนื้อ ใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน สวมใส่รองเท้าที่เหมาะสม ประคบร้อนช่วยลดอาการปวด ฝังเข็ม 2. การรักษาโดยใช้ยา ได้แก่ ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาชนิดทาภายนอก ยาบำรุงผิวข้อ ยาฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียม ยาฉีดไม่ใช่สเตียรอยด์ 3. การรักษาโดยการผ่าตัด อาทิ ผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้องเพื่อล้างข้อ ผ่าตัดด้วยวิธีเปลี่ยนแนวแกนขา ผ่าตัดด้วยวิธีเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี