โรคความดันโลหิตสูงคืออะไร?
โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่ตรวจพบความดันโลหิตอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติอย่างเรื้อรังเป็นเวลานาน โดยทั่วไปหากผู้ใดวัดความดันโลหิตระหว่างหัวใจบีบตัวได้มากกว่า 140 มิลลิเมตรปรอท หรือวัดความดันโลหิตระหว่างหัวใจคลายตัวได้มากกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคนี้เป็นโรคที่พบได้บ่อย จากการสำรวจพบว่าคนไทยเป็นโรคความดันโลหิตสูงร้อยละ 20
ทำไมจึงเป็นฆาตกรเงียบ?
ปัญหาสำคัญของโรคความดันโลหิตสูงก็คือผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มากกว่าครึ่งไม่รู้ตัวว่าเป็น และถึงแม้จะรู้ตัวว่าเป็นโรคนี้แล้วก็ยังไม่ได้สนใจดูแลรักษา ส่วนหนึ่งเนื่องจากโรคความดันโลหิตสูงมักไม่มีอาการทำให้คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคนี้ไม่ได้ให้ความสนใจ เมื่อเริ่มมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อนแล้วจึงจะเริ่มสนใจตนเองและรักษา ซึ่งทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร โรคความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุสำคัญทำให้มีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายทำให้หัวใจวายและเสียชีวิตได้ รวมทั้งทำให้เกิดไตวายเรื้อรัง จนอาจต้องรับการล้างไตได้ จึงถือว่าโรคความดันโลหิตสูงเป็นเหมือน “ฆาตกรเงียบ”ที่แฝงอยู่ในตัวผู้ป่วย จากข้อมูลทางการแพทย์ระบุไว้ว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงและไม่ได้รับการรักษาจะเสียชีวิตจากหัวใจวายถึง 60-75%, เสียชีวิตจากเส้นเลือดในสมองอุดตัดหรือแตก 20-30% และเสียชีวิตจากไตวายเรื้อรัง 5-10% การลดความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติหรือน้อยกว่า 140/90 มม.ปรอท ช่วยลดการเกิดอัมพาต ร้อยละ 35-40 หัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย ลดลงร้อยละ 20-25 และทำให้เกิดหัวใจวาย ลดลงร้อยละ 50
ข้อควรปฏิบัติเมื่อมีความดันโลหิตสูง
เมื่อพบว่ามีความดันโลหิตสูง สิ่งสำคัญเพื่อลดระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติก็คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราได้แก่ การลดน้ำหนัก การลดน้ำหนัก รับประทานอาหารให้เหมาะสม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จำกัดเกลือในอาหาร งดหรือลดการดื่มแอลกอฮอล์และพบแพทย์เพื่อให้การรักษาด้วยยาลดความดันโลหิต
ยาลดความดันโลหิต
แพทย์มักให้ยาลดความดันโลหิตขั้นต้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใน4 กลุ่ม ได้แก่ ยาขับปัสสาวะ ยาต้านแคลเซียม ยาเอซีอีไอ และยาเออาร์บีเป็นยาตัวแรก หากไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตให้ปกติได้ ก็จะให้ยา2-3 ตัวร่วมกัน หากใช้ยาในกลุ่มเหล่านี้ไม่ได้ผล แพทย์จึงจะเพิ่มยากลุ่มอื่นๆ เช่น ยาต้านเบต้า และยาต้านอัลฟ่า
แพทย์จะใช้ยากลุ่มใดในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงจะพิจารณาจากการประเมินว่า มีโรคหัวใจ โรคไต เบาหวานด้วยหรือไม่การตอบสนองของยาในแต่ละคนเป็นอย่างไร เกิดผลข้างเคียงของยาหรือไม่ โดยทั่วไปผู้ป่วยมักต้องใช้ยา 2-3 ตัวขึ้นไปเพื่อให้ได้ระดับความดันโลหิตที่ต้องการการปฏิบัติที่สำคัญเมื่อได้รับการสั่งจ่ายยา ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบถ้าท่านรับประทานยาอย่างอื่นอยู่รับประทานยาโดยสม่ำเสมอตามแพทย์สั่งหากมียาชนิดใดที่ทำให้ท่านรู้สึกไม่สบาย ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพราะอาจต้องหยุดหรือลดขนาดยา และมารับการตรวจตามนัด อย่ารอให้ยาหมด
พลอากาศโท นายแพทย์ อนุตตร จิตตินันทน์
โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี