พักนี้ตามโซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยความคิดความเห็นเกี่ยวกับการประเมินเรียกเก็บภาษี เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นชิน โดยมีการระบุว่า ถ้าไม่เรียกเก็บเสียภายในวันที่ 31 มีนาคม 2560 แล้วจะเป็นอันขาดอายุความ
ในขณะที่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องก็แถลงว่า เรื่องนี้จบไปตั้งแต่ปี 2555 แล้ว และคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีก็ได้วินิจฉัยแล้วว่าไม่สามารถขยายระยะเวลาการตรวจสอบได้
จึงเกิดความสับสนปนเปกันในสองเรื่องที่ถูกยำให้เป็นเรื่องเดียวกัน คือเรื่องระยะเวลาการตรวจสอบประเมินภาษีอย่างหนึ่ง กับอายุความในการเรียกเก็บภาษีอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละเรื่อง แต่เพราะไม่ยอมทำความเข้าใจกัน จึงสับสนอลเวงไปทั้งบ้านทั้งเมือง
ดังนั้นมาทำความเข้าใจกันเสียหน่อยก็จะเป็นประโยชน์ต่อการบำรุงความรู้ ความคิดและสติปัญญา จะได้เข้าใจในเรื่องราวและจะได้แสดงจุดยืนหรือท่าทีที่ถูกต้องต่อไป
ก่อนอื่นก็ต้องขอให้จำแนกแยกแยะให้ดีว่าเรื่องระยะเวลาในการตรวจสอบเพื่อประเมินภาษีเป็นเรื่องหนึ่ง และเรื่องอายุความในการจัดเก็บภาษีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจักได้แสดงไปโดยลำดับ
กรณีแรก คือระยะเวลาในการตรวจสอบประเมินภาษีอากร ซึ่งต้องถือหลักตามที่ประมวลรัษฎากรบัญญัติว่า หนี้ภาษีอากรนั้นมีอายุความ 10 ปี ดังนั้นภายใต้อายุความ เจ้าพนักงานประเมินจึงสามารถตรวจสอบและประเมินภาษีได้
คำประเมินหรือการประเมินภาษีอากรนั้นมีฐานะใกล้เคียงกับคำพิพากษาของศาล คือเมื่อมีการประเมินภาษีแล้วกรมสรรพากรก็มีอำนาจติดตามจัดเก็บภาษีภายใน 10 ปีนับแต่วันประเมิน พ้นจากนั้นเป็นอันขาดอายุความ
เว้นแต่มีการอุทธรณ์ต่อศาลและถ้าหากศาลพิพากษาให้ผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษี ต้องชำระค่าภาษี อายุความในการบังคับคดีเรียกเก็บภาษีก็จะมีอายุความ 10 ปีนับแต่ศาลพิพากษาถึงที่สุด นี่เรียกว่าเป็นอายุความในการบังคับคดี
ระยะเวลา 10 ปีในการตรวจสอบประเมินภาษีเป็นหลักการใหญ่ที่กฎหมายบัญญัติไว้ แต่ก็ให้อำนาจอธิบดีกรมสรรพากรในการวางระเบียบในเรื่องนี้ ซึ่งได้มีการร่นระยะเวลาในการตรวจสอบประเมินให้สอดคล้องกับยุคสมัย
มีการวางระเบียบให้เจ้าพนักงานมีอำนาจเรียกตรวจสอบและประเมินภาษีได้ภายในระยะเวลา 2 ปีนับแต่วันยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี แต่ในกรณีที่จำเป็นเพื่อการตรวจสอบภาษี ก็สามารถเรียกตรวจสอบได้ภายใน 5 ปี
นั่นเป็นระเบียบปฏิบัติซึ่งใช้บังคับได้ แต่ยังคงอยู่ภายใต้กฎหมาย คือ 10 ปี เพียงแต่เจ้าหน้าที่จะไปตรวจสอบไม่ได้เท่านั้น ดังนั้นแม้พ้น 5 ปีแล้วแต่ถ้าเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี ผู้มีอำนาจก็สามารถสั่งขยายระยะเวลาไปได้แต่ไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี ซึ่งเป็นไปดังที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ท้วงติงไว้นั่นเอง
เพราะเหตุนี้เจ้าพนักงานจึงสามารถตรวจสอบและประเมินภาษีได้ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 มีนาคมนี้ส่วนการที่ไม่ได้ทำการประเมินมาก่อนนี้จะเป็นเวรกรรมของใครก็สุดแต่วิบากกรรมที่ทำไว้เถิด
กรณีที่สอง เป็นกรณีอายุความซึ่งมีอยู่สามชนิด คือ
ชนิดที่หนึ่ง คืออายุความของภาระหนี้ภาษีอากรที่เจ้าพนักงานจะต้องตรวจสอบและประเมินเสียภายใน 10 ปี หากพ้น 10 ปีแล้วเป็นอันขาดอายุความ จะตรวจสอบหรือประเมินไม่ได้อีกเป็นเด็ดขาด ซึ่งกรณีหุ้นชินนั้นก็จะครบกำหนดในวันที่ 31 มีนาคม 2560
ชนิดที่สอง คืออายุความในการติดตามเรียกเก็บภาษีอากร เป็นอายุความที่ก่อตั้งขึ้นหลังจากเจ้าพนักงานได้ประเมินเรียกเก็บภาษีแล้ว นั่นคือเมื่อมีการประเมินเรียกเก็บภาษีอากรเมื่อใด เจ้าพนักงานต้องติดตามเรียกเก็บให้ชำระค่าภาษีอากร ค่าเงินเพิ่มและเบี้ยปรับเสียภายใน 10 ปีนับแต่วันที่แจ้งประเมินภาษี มิฉะนั้นก็เป็นอันขาดอายุความในการเรียกเก็บภาษีอากร
ชนิดที่สาม เนื่องจากการประเมินภาษีอากรนั้นเป็นกระบวนการพิเศษที่ก่อตั้งขึ้นตามประมวลรัษฎากร และเชื่อมโยงไปถึงวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยสรุปก็คือเมื่อเจ้าพนักงานประเมินภาษีแล้ว ผู้ถูกประเมินมีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์ต่ออธิบดีกรมสรรพากรได้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ถ้าอธิบดีเห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ กรณีก็เป็นอันเสร็จสิ้นไป ซึ่งต้องเข้าใจว่าต้องเป็นกระบวนการภายหลังการประเมินภาษีอากร เป็นคนละกรณีกับระยะเวลาการตรวจสอบเพื่อประเมินภาษี อย่าได้ปนเปกันให้ได้ไขว้เขวเป็นอันขาด
แต่ในกรณีที่มีคำวินิจฉัยว่าการประเมินของเจ้าพนักงานถูกต้องแล้ว กฎหมายก็ให้สิทธิ์แก่ผู้ถูกประเมินภาษีที่จะอุทธรณ์ต่อศาลภาษีอากรกลางไปตามที่กฎหมายบัญญัติอีกชั้นหนึ่ง
ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีต้องเสียภาษีคือยกอุทธรณ์ กรมสรรพากรก็มีอำนาจที่จะเรียกเก็บภาษีได้ภายใน 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งอายุความนี้ก็คืออายุความในการบังคับคดี
เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้ว ก็จะได้พิจารณาตัดสินใจกันเองว่าเรื่องภาษีหุ้นชินที่วุ่นวายกันอยู่นี้เป็นเรื่องอะไร และจะต้องทำอะไรกัน!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี