วันศุกร์ ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันพุธ ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560, 02.00 น.
กรรมหุ้นชิน… ตามเรียกภาษีจากทักษิณ

ดูทั้งหมด

  •  

เมื่อวานนี้ (14 มี.ค. 2560) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงกรณีการเรียกเก็บภาษีการขายหุ้นชินคอร์ป เมื่อปี 2549 ยืนยันว่า การดำเนินการต้องไม่ขัดต่อกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช้มาตรา 44


“สรุปว่า กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง จะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวเอง ถ้าทำไม่ได้ก็อุทธรณ์ให้ทันก่อนวันที่ 31 มี.ค. 2560 ซึ่งเป็นวันหมดอายุความคดีนี้ ทั้งหมด เป็นผลจากการประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเป็นไปตามข้อสังเกตของ สตง. ที่เสนอมา ถ้าไม่ทำอะไรเลย เดี๋ยวเป็นปัญหาเหมือนกับคดีอื่นๆ อีก ไม่ได้เป็นการรังแกใคร แต่ให้ดูคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ที่ตัดสินแล้ว พบว่า มีการวางแผนแยบยล หลายทอด เดี๋ยวให้กรมสรรพากรดำเนินการต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

1) เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2560 ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้มีการประชุมร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

มีการพิจารณาคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลภาษีอากรกลางด้วย ก่อนจะนำมาซึ่งการตัดสินใจ ตามข้อสังเกตของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คือ ให้ใช้กฎหมายปกติในการเรียกเก็บภาษี โดยกระทรวงการคลัง และกรมสรรพากรดำเนินการ

ส่วนจะเรียกเก็บภาษีได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรมในศาล

2) ประเด็นหลังจากนี้ คือ กระทรวงการคลัง กรมสรรพากร จะสู้เต็มที่ สู้สุดใจ สู้สมศักดิ์ศรีแค่ไหน?

เงินภาษีในกรณีนี้ รวมแล้วประมาณ 12,000 ล้านบาท จะได้เข้ามาเป็นเงินแผ่นดิน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไปหรือไม่?

เชื่อว่า ไม่เกินความสามารถของมืออาชีพในกรมสรรพากรแน่นอน

แนวทางน่าจะเป็นการใช้มาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากร ภายในวันที่ 31 มี.ค. 2560 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของอายุความ 10 ปี โดยกรมสรรพากรสามารถทำหนังสือแจ้งการประเมินภาษีนายทักษิณได้โดยไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียกตรวจสอบก่อน

หรือในอีกทางหนึ่ง อาจพิจารณาได้ว่า กรมสรรพากรเคยออกหมายเรียกนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ไปแล้วก่อนหน้านี้ ถือว่าทั้งสองคนเป็นตัวแทนของนายทักษิณ ย่อมมีผลผูกพันกับนายทักษิณ จึงถือเป็นการออกหมายเรียกและตรวจสอบการเสียภาษีของนายทักษิณ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตัวการและตัวแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปีอยู่ดี

3) คำพิพากษาศาลฎีกาฯ คดียึดทรัพย์ ปรากฏว่าทั้งพานทองแท้และพินทองทาอ้างต่อศาลว่า ตนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หุ้น นั่นก็เพราะไม่อยากจะถูกยึดทรัพย์ตามที่ศาลฎีกาฯ ไต่สวนว่าแท้จริงแล้ว ทักษิณเป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ปตัวจริง แค่ซุกใส่ชื่อลูกๆ และแอมเพิลริชไว้ เท่านั้นเอง

ในคดีดังกล่าว ฝ่ายพจมาน พานทองแท้ และพินทองทา มีการคัดค้านต่อศาลฎีกาฯ ทำนองว่า คตส.เห็นว่าเป็นหุ้นของทักษิณ แต่ทำไมยังจะให้เก็บภาษีจากลูกๆ อีกเล่า ซึ่งศาลฎีกาฯ ได้วินิจฉัยประเด็นนี้ไว้แล้วว่า

“..ส่วนข้อต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหา (ทักษิณ) และผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 3 (พจมาน-พานทองแท้-พินทองทา) ว่า คตส. ดำเนินการสองมาตรฐาน นอกจากให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีจากผู้คัดค้านที่ 2 (พานทองแท้) และที่ 3 (พินทองทา) แล้ว กลับกล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหายังคงถือหุ้นบริษัทชินคอร์ปในหุ้นจำนวนเดียวกันเป็นคดีนี้อีก เห็นว่า การให้เรียกเก็บภาษีอากรจากผู้คัดค้านที่ 2 (พานทองแท้) และที่ 3 (พินทองทา) ที่ซื้อหุ้นบริษัทชินคอร์ปจากบริษัทแอมเพิลริช เป็นการดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรอันเป็นกฎหมายพิเศษที่กำหนดให้ผู้มีเงินได้พึงประเมินมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ประมวลรัษฎากรกำหนด นอกจากนี้ มาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากรก็บัญญัติหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไว้ว่า บุคคลใดมีชื่อในหนังสือสำคัญใดๆ แสดงว่า (1) เป็นเจ้าของทรัพย์สินอันระบุไว้ในหนังสือสำคัญและทรัพย์สินก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมิน หรือ (2) เป็นผู้ได้รับเงินได้พึงประเมินโดยหนังสือสำคัญเช่นว่านั้น เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเรียกเก็บภาษีทั้งหมดจากผู้มีชื่อในหนังสือสำคัญนั้นก็ได้ การดำเนินการทางภาษีอากรกับผู้คัดค้านที่ 2 (พานทองแท้) และที่ 3 (พินทองทา) จึงเป็นการดำเนินการตามหลักการแห่งประมวลรัษฎากร ส่วนการกล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหา (ทักษิณ) ร่ำรวยผิดปกติในคดีนี้เป็นการดำเนินการกับเจ้าของที่แท้จริงในหุ้นบริษัทชินคอร์ป ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับความรับผิดทางภาษีอากร โดยมีหลักกฎหมายในการพิจารณาที่แตกต่างกัน ข้อต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหา (ทักษิณ) และผู้คัดค้านที่ ๑ ถึงที่ ๓ (พจมาน-พานทองแท้-พินทองทา) จึงฟังไม่ขึ้น”

การยึดทรัพย์ที่ศาลฎีกาฯ พิจารณานั้น ยึดตามความเป็นเจ้าของแท้จริง (ไม่ว่าจะไปซุกไว้ในชื่อใคร)

4) หลังคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ปรากฏว่า มีคำตัดสินของศาลภาษีอากรกลาง ในคดีที่พานทองแท้ และพินทองทา ชินวัตร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมสรรพากร สืบเนื่องจากกรณีมีชื่อซื้อหุ้นชินคอร์ป มาจากแอมเพิลริชในราคาพาร์ 1 บาท ขณะที่ราคาหุ้นในตลาดขณะนั้นอยู่ที่ 49.25 บาทต่อหุ้น

ผลส่วนต่างที่คำนวณได้เป็นเงินรายละ 7,941 ล้านบาท

สรรพากรประเมินภาษีของนายพานทองแท้ 5,677 ล้านบาท และของน.ส.พินทองทา 5,675 ล้านบาท

ฝ่ายโจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งปลดภาษี และเพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงาน และขอเพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ฯ พร้อมขอลดเบี้ยปรับด้วย

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ อม.1/2553 ระหว่างอัยการสูงสุด ผู้ร้อง, พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกกล่าวหา, คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา (ขณะนั้น) ผู้คัดค้านที่ 1 นายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้คัดค้านที่ 2 น.ส.พินทองทา ชินวัตร ผู้คัดค้านที่ 3 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้คัดค้านที่ 4 กับพวกรวม 22 คน โดยศาลฎีกาฯ ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวว่า หุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,419,490,150 หุ้น ที่พิพาทในคดีดังกล่าว (ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นหุ้นที่พิพาทในคดีนี้) ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของพ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน โดยให้นายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา เป็นผู้ถือหุ้นแทนในระหว่างที่พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณได้โอนหุ้นจำนวน 32,900,000 หุ้น ให้แก่บริษัท แอมเพิลริชฯ โดยพ.ต.ท.ทักษิณยังคงเป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริงอยู่ ไม่ต้องออกหมายเรียกอีก

ต่อมาบริษัท แอมเพิลริชฯ ได้มีการจดทะเบียนลดมูลค่าหุ้นจากที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เหลือหุ้นละ 1 บาท ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า และเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2549 บริษัท แอมเพิลริชฯ ได้โอนหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดให้นายพานทองแท้และน.ส.พินทองทาคนละ 164,600,000 หุ้น ต่อมาในวันที่ 23 ม.ค. 2549 พ.ต.ท.ทักษิณได้รวบรวมหุ้นของบริษัทชินคอร์ป ที่ตนยังคงเป็นเจ้าของที่แท้จริง ขายให้แก่เทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ เงินที่ได้มาจากการขายหุ้นดังกล่าว ตลอดจนเงินปันผลของหุ้น
ที่พ.ต.ท.ทักษิณได้รับ เป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่สมควรจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ และได้มาเนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลและผลประโยชน์ส่วนรวมในขณะที่ดำรงตำแหน่ง และศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาให้ยึดเงินที่ได้จากการขายหุ้น รวมทั้งเงินปันผลของหุ้นดังกล่าวให้ตกเป็นของแผ่นดิน

ข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัยไว้ว่า หุ้นที่พิพาทยังคงเป็นของพ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน จึงมีผลผูกพันคู่ความในคดีนี้ ด้วยตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 และพ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29

ดังนั้น จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่า นายพานทองแท้และน.ส.พินทองทา มิใช่บุคคลที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในหุ้นที่พิพาท เงินได้ที่เกิดขึ้นจากการขายหุ้นดังกล่าว จึงเป็นของพ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน โจทก์ทั้งสองจึงมิใช่ผู้ที่ได้รับประโยชน์ที่อาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน อันเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 39 และมิใช่ผู้มีเงินได้พึงประเมินที่จะมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 41 แห่งประมวลรัษฎากร

พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์

คดีนี้ กรมสรรพากรไม่ได้ยื่นอุทธรณ์

5) คำพิพากษาทั้งสองคดีข้างต้น ยืนยันว่า เจ้าของหุ้นตัวจริง คือ ทักษิณ ชินวัตร

เงินขายหุ้น แท้จริงเป็นรายได้ของทักษิณ

พานทองแท้และพินทองทาเป็นเพียงผู้ถือหุ้นแทน

จากข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติตรงนี้ จึงนำมาสู่การดำเนินการเรียกประเมินภาษีจากนายทักษิณ ก่อนจะหมดอายุความ 10 ปี ในวันที่ 31 มี.ค. 2560 นี้

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:05 น. ครูสาวน้ำใจงาม เก็บแหวนทองฝังเพชรได้ ประกาศหาเจ้าของตัวจริง
22:00 น. อดีตหลานสาวโต้'หลวงตาสุจ' อย่าหิวแสงให้มันมาก หลังจะปิดร้านกาแฟคนไทยในกัมพูชา
21:45 น. โจรแสบ! ขโมยท่อแก๊สเมรุเผาศพ ชาวบ้านเดือดร้อน ต้องขนไปเผาวัดต่างตำบล
21:35 น. 'ปราชญ์ สามสี'งัดความรู้ฉะหน้าเขมร ลั่นนี่คือ'ประวัติศาสตร์ที่กัมพูชาอยากลืม'
21:33 น. แต้มทาบฝูง! บอลไทยได้เฮทุบไต้หวัน2-0
ดูทั้งหมด
สะใภ้หมื่นล้าน! 'มายด์ ลภัสลัล'สวมชุดไทยสวยสง่า เข้าพิธีแต่งงานกับ'พาย สุนิษฐ์'ทายาทภิรมย์ภักดี
แฟนคลับส่งกำลังใจ 'ปู กนกวรรณ' โพสต์ถึงอาการป่วยสามี 'เด๋อ ดอกสะเดา' ฟื้นฟูร่างกายต้องใช้เวลา
'บุ๋ม ปนัดดา'เปิดจำนวนเงิน 'แก้มบุ๋ม'บริจาคค่าน้ำมันรถตักรถขุดช่วยน้ำท่วม
'หมอปานเทพ'ทายาท'คณานุรักษ์' ออกโรงสยบดราม่าเหรียญดัง! ลั่นปู่'อนันต์' ไม่เคยมีส่วนรู้เห็น
'ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์'ปรากฎตัวครั้งแรกในปารีสแฟชั่นวีค เดินทางลำพังไร้เงา'เจ้าชายแฮร์รี'
ดูทั้งหมด
ตีงูต้องตีที่หัวเฉกเช่นปราบ‘อสรพิษเขมร’
ฤานายอันวาร์เอาชื่อประเทศไทยไปขายให้ทรัมป์
‘มนุษยธรรมที่ความฉ้อฉล’
หวยรัฐ เจ้าปัญหา
เส้นตาย
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'ปราชญ์ สามสี'งัดความรู้ฉะหน้าเขมร ลั่นนี่คือ'ประวัติศาสตร์ที่กัมพูชาอยากลืม'

แต้มทาบฝูง! บอลไทยได้เฮทุบไต้หวัน2-0

'อนุทิน'ลงนามตั้ง7ที่ปรึกษาของนายกฯ 'สรอรรถ-สมคิด-วุฒิสาร'ทำหน้าที่เสนอความเห็น-ข้อเสนอแนะ

ครูสาวน้ำใจงาม เก็บแหวนทองฝังเพชรได้ ประกาศหาเจ้าของตัวจริง

สยบข่าว'แคนดิเดต พท.' 'วราวุธ'ยันชาติไทยพัฒนา 10 เสียงยังเหนียวแน่น

‘ผบ.ตร.’ตั้งทีมโฆษก ‘พล.ต.ท.ยิ่งยศ’นำทัพ-เสริม 4 รองโฆษก ‘บิ๊กจ๋อ’ร่วมด้วย

  • Breaking News
  • ครูสาวน้ำใจงาม เก็บแหวนทองฝังเพชรได้ ประกาศหาเจ้าของตัวจริง ครูสาวน้ำใจงาม เก็บแหวนทองฝังเพชรได้ ประกาศหาเจ้าของตัวจริง
  • อดีตหลานสาวโต้\'หลวงตาสุจ\' อย่าหิวแสงให้มันมาก หลังจะปิดร้านกาแฟคนไทยในกัมพูชา อดีตหลานสาวโต้'หลวงตาสุจ' อย่าหิวแสงให้มันมาก หลังจะปิดร้านกาแฟคนไทยในกัมพูชา
  • โจรแสบ! ขโมยท่อแก๊สเมรุเผาศพ ชาวบ้านเดือดร้อน ต้องขนไปเผาวัดต่างตำบล โจรแสบ! ขโมยท่อแก๊สเมรุเผาศพ ชาวบ้านเดือดร้อน ต้องขนไปเผาวัดต่างตำบล
  • \'ปราชญ์ สามสี\'งัดความรู้ฉะหน้าเขมร ลั่นนี่คือ\'ประวัติศาสตร์ที่กัมพูชาอยากลืม\' 'ปราชญ์ สามสี'งัดความรู้ฉะหน้าเขมร ลั่นนี่คือ'ประวัติศาสตร์ที่กัมพูชาอยากลืม'
  • แต้มทาบฝูง! บอลไทยได้เฮทุบไต้หวัน2-0 แต้มทาบฝูง! บอลไทยได้เฮทุบไต้หวัน2-0
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

MOU43-44 ประชามติบอกความต้องการ  แต่ไม่ได้บอกความรู้ความเข้าใจ

MOU43-44 ประชามติบอกความต้องการ แต่ไม่ได้บอกความรู้ความเข้าใจ

10 ต.ค. 2568

ปฏิบัติ เมื่อเราได้เปรียบ

ปฏิบัติ เมื่อเราได้เปรียบ

9 ต.ค. 2568

เพื่อไทยอาจถึงทางตัน  แต่แน่ๆ ประเทศไทยไม่ได้ถึงทางตัน

เพื่อไทยอาจถึงทางตัน แต่แน่ๆ ประเทศไทยไม่ได้ถึงทางตัน

8 ต.ค. 2568

ทวงค่าเสียหายข้าวจีทูจีเก๊คืนแผ่นดิน  รวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท

ทวงค่าเสียหายข้าวจีทูจีเก๊คืนแผ่นดิน รวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท

7 ต.ค. 2568

อย่าบังอาจ  เอื้อประโยชน์นายใหญ่ไม่รู้จบรู้สิ้น

อย่าบังอาจ เอื้อประโยชน์นายใหญ่ไม่รู้จบรู้สิ้น

6 ต.ค. 2568

ทักษิณจะขอเบิ้ลอภัยโทษ ?!?!

ทักษิณจะขอเบิ้ลอภัยโทษ ?!?!

3 ต.ค. 2568

เพิ่มทางเลือกในการออมให้ประชาชน

เพิ่มทางเลือกในการออมให้ประชาชน

2 ต.ค. 2568

ทองคำทะลุ 6 หมื่นบาท  แล้วไงต่อ?

ทองคำทะลุ 6 หมื่นบาท แล้วไงต่อ?

1 ต.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved