เมื่ออ่านข่าวข้อเสนอ “การปฏิรูปตำรวจ” ของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) ที่เพิ่งจะมาเสนอแก้ไขปัญหาของตำรวจที่เสนอมานั้น มิใช่เพียงย้ายไปสังกัดกระทรวงยุติธรรม เพิ่มค่าตอบแทน แล้วจะเอากล้อง cctv ไปรวมศูนย์ที่ตำรวจ ปัญหาทุกอย่างจะหมดสิ้น คิดแบบนี้น่าจะผิวเผิน และไม่ใช่ตำรวจเก่าคิด
ข้าพเจ้าขอช่วยคิดด้วยคนว่า ปัญหาที่แท้จริงในปัจจุบันคือ โครงสร้างองค์กร สายงานการควบคุมสั่งการ งบประมาณ และเครื่องมือทั้งหมด จึงนำมาซึ่งความล้มเหลวในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนโจรผู้ร้ายอาชญากรไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง เพราะอะไรการจับกุมคนร้ายผู้มีอิทธิพล จึงยากลำบากนัก
บนสายงานบังคับบัญชาที่รวมศูนย์และยาวเหยียดนั้น จึงทำให้เกิดระบบบารมีอุปถัมภ์ ค้ำชูชนิดใครใหญ่ ใครร่ำรวยก็อยู่ได้ มิใช่อยู่ด้วยกันโครงสร้างองค์กรที่มีระเบียบกฎหมายบ้านเมืองและคุณธรรม โจทย์เหล่านี้ต่างหากที่ต้องนำมาคิดและแก้ไขโครงสร้าง
ยังขอยืนยันหลักการว่า ควรนำตำรวจออกจากศูนย์รวบอำนาจสั่งการ ซึ่งทำให้การเมืองเข้าแทรกแซงได้นั้น ควรแบ่งตำรวจออกเป็นสองส่วน ตำรวจท้องถิ่น และตำรวจส่วนกลาง เหมือนเช่นสากลทั่วโลกเขาใช้กัน หยุดอ้างเหตุผลใดมาหักล้างหลอกลวงประชาชนกันได้แล้ว หากมันไม่ดีจริงทำไมทั้งอังกฤษ อเมริกา เขาจึงนิยมใช้กัน ส่วนท้องถิ่นนั้นขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย ควบคู่ไปกับการพัฒนาของฝ่ายปกครอง มีผู้ว่าราชการทุกจังหวัดเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด จึงจะสามารถหาตัวคนรับผิดชอบในชีวิตทรัพย์สินได้อย่างแจ้งชัด
ยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองบัญชาการภาคทั้ง ๙ ภาค ลง เป็นการลดสายงานบังคับบัญชาและสามารถลดอัตราตำแหน่งนายพลตั้งแต่ ผบ.สตช.รองผบ.สตช. ผช.ผบ.สตช. ผบช.ประจำ และหน่วยบัญชาการสายงานธุรการลง ตั้งแต่พลตำรวจเอกยันพลตำรวจตรี ได้ไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ นาย ข้อมูลสำคัญคือกำลังพลของตำรวจนั้น เมื่อเทียบเป็นร้อยละ ๕๕ เป็นตำรวจสายธุรการ อำนวยการ ส่วนอัตราร้อยละ ๔๕ เป็นสายปฏิบัติการ ในงานหน้าที่ตำรวจ
กำลังพลแต่ละจังหวัดเฉลี่ยเกลี่ยไปตามความเหมาะสม ขนาดของจังหวัด และปัญหาสถิติของจำนวนอาชญากรรม ตำรวจท้องถิ่นจะไม่โยกย้ายข้ามจังหวัด แต่หมุนเวียนได้ภายในจังหวัด เขาใกล้ชิดประชาชน เขาเหมือนเจ้าหน้าที่รักษาความสงบปลอดภัยให้กับหมู่บ้าน การทุจริต ฉ้อราษฎร์ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจะลดลงทันที เพราะความใกล้ชิดและรู้ชีวิตเป็นอยู่ การวิ่งเต้นแย่งชิง ทำชั่วจังหวัดนี้ ย้ายไปจังหวัดโน่น จะต้องหมดไป การสั่งคดีอาญาให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่ง เพียงเท่านี้ก็ลดการแทรกแซงการสอบสวนที่มีสายงานยาวเหยียดลงได้
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางยังคงอยู่เป็น ตำรวจส่วนกลาง ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรีเหมือนเดิม แต่ขยายอำนาจ เข้าทำการสืบสวนสอบสวน คดีส่วนกลาง องค์กรอาชญากรรมใหญ่ตามนโยบายของรัฐ และที่สำคัญสามารถสอบสวนจับกุมตำรวจท้องถิ่นและดีเอสไอได้ด้วย เพื่อเป็นการคานอำนาจซึ่งกันและกัน นี่แหละคือ โครงสร้างตำรวจ ต้องเป็นไปตามความเป็นจริงที่สามารถดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนได้แน่นอน
แต่วันนี้ ขอแค่ให้ยกเลิกการใช้ มาตรา ๔๔กับการโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจ และเลิกใช้ระบบโควตาตำแหน่ง ร้อยละ ๓๓ ความอาวุโส ร้อยละ ๖๗ความเหมาะสม ก่อนได้ไหม เพราะมันทำให้มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งกันอย่างมโหฬาร
พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี