ประเทศเวียดนามได้พัฒนาอุโมงค์ประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นทรัพยากรท่องเที่ยวสำคัญให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อลือชามากที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อลือชาติดระดับโลกด้วย โดยในแต่ละปีแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ ได้สร้างรายได้จำนวนมหาศาลให้แก่ภาคการท่องเที่ยวของเวียดนาม
ในขณะเดียวกัน แหล่งท่องเที่ยวนี้ก็ได้สะท้อนและตรึงตาตรึงใจ ให้กับนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนให้เห็นถึงวีรกรรมอันเสียสละกล้าหาญอย่างยิ่งของประชาชาติเวียดนามในการทำสงครามต่อต้านการยึดครองของอเมริกา ซึ่งเป็นสงครามที่โหดเหี้ยมอำมหิตที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่มีการสังหารประชาชาติเวียดนามและทำลายทรัพย์สินมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
โดยที่ประชาชาติเวียดนามไม่เคยมีความขัดแย้ง และไม่เคยสร้างกรรมทำเข็ญ หรือทำสงครามรุกรานอเมริกามาก่อนเลย แต่ในที่สุดเวียดนามก็ชนะสงคราม เพราะสงครามรุกรานที่ไม่เป็นธรรมนั้นจะต้องถูกทำลาย และต้องพ่ายแพ้แก่สงครามประชาชาติที่พิทักษ์รักษาเอกราชของชาติ ซึ่งเป็นสงครามที่เป็นธรรมเสมอไป
ก็ต้องบอกให้ชาวไทยทั้งประเทศ ได้รับทราบโดยทั่วกันว่า อุโมงค์ประวัติศาสตร์ของเวียดนามดังกล่าวนั้น พี่น้องนักรบชาวเวียดนามมาเรียนและทำเลียนแบบสงครามอุโมงค์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
อุโมงค์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยนั้น ทำขึ้นโดยกองทัพปลดแอกประชาชนมลายา ที่ทำสงครามต่อสู้กับสงครามรุกรานของญี่ปุ่นและอังกฤษ ต้องเผชิญหน้ากับแสนยานุภาพที่เข้มแข็งเกรียงไกรของกองทัพญี่ปุ่นและอังกฤษ จึงได้ใช้สงครามอุโมงค์ในการรับมือ
โดยได้รับการช่วยเหลือแนะนำจากกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ภายใต้บัญชาการของ จอมพล หลิว ป๋อ เฉิง อดีตแม่ทัพใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอันลือลั่นที่ชื่อว่ากองทัพหลิวเติง ซึ่งเป็นชื่อย่อของ จอมพลหลิว ป๋อ เฉิง ผู้บัญชาการใหญ่ และเติง เสี่ยว ผิง เสนาธิการทัพ ซึ่งรับผิดชอบปลดแอกภาคกลางของจีน ในยุทธการหวายไฮ
กองทัพปลดแอกประชาชนมลายา ได้ร่วมกับกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทยทำสงครามต่อต้านการลุกลามจนได้รับชัยชนะ แต่เพราะหลงเชื่อการหลอกลวงทางการเมือง และเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้งจึงถูกหักหลังและถูกจับฆ่ากว่า 120,000 คน จึงต้องมาตั้งฐานที่มั่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
ชาวพรรคคอมมิวนิสต์มลายา และพรรคคอมมิวนิสต์ไทย ได้ประสานงานกันขุดอุโมงค์หลายเส้นทางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย บางเส้นทางก็เชื่อมต่อเข้าไปประเทศมาเลเซียปัจจุบันด้วย
หลังมีการเจรจาสงบศึก 3 ฝ่าย ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์มลายา รัฐบาลมาเลเซีย และรัฐบาลไทย ที่หาดใหญ่แล้ว ทางราชการได้อนุญาตให้ชาวพรรคคอมมิวนิสต์มลายาที่ได้สัญชาติไทย และรัฐบาลไทยได้จัดสรรที่ทำกินให้ พัฒนาอุโมงค์ประวัติศาสตร์บางจุดในพื้นที่จังหวัดสงขลา คือ พื้นที่อำเภอเบตง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
ในแต่ละปีจึงมีนักท่องเที่ยวจากประเทศที่เกี่ยวข้องกับสงคราม ไม่ว่า สหรัฐ อังกฤษ ญี่ปุ่น ออสเตรีย นิวซีแลนด์ จีน เวียดนาม และไทย เดินทางมาเยี่ยมชมอุโมงค์ประวัติศาสตร์นี้อย่างคึกคัก
แต่ทว่า แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์นี้ ยังขาดการรองรับไม่ว่า ด้านคมนาคม ด้านการท่องเที่ยว และอื่นๆ จึงเป็นการท่องเที่ยวแบบซังกะตาย มากกว่าที่จะเป็นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
ที่สำคัญคือ เส้นทางอุโมงค์ขนาดใหญ่ ขนาดยาว ที่สวยงามและสะท้อนถึงประวัติศาสตร์สงครามอันล้ำค่า ยังคงถูกทอดทิ้ง และปล่อยให้เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา โดยหามีผู้ใดไยดีไม่
จึงเป็นเรื่องที่ ประเทศไทยจะต้องพิจารณาใคร่ครวญถึงทรัพยากรท่องเที่ยวอันล้ำค่าแห่งนี้ ว่าจะปล่อยให้เสื่อมสลายไปตามยถากรรม หรือว่าจะทำให้เป็นแหล่งเศรษฐกิจท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ของประเทศไทย และคนไทยต่อไป
เรื่องดีงามแบบนี้ น่าจะมีเขียนไว้ในยุทธศาสตร์ชาติบ้างไม่ใช่หรือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี