กลุ่มประเทศอาเซียนเป็นกลุ่มประเทศที่มีความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและอื่นๆ ต่อเนื่องมายาวนานหลายสิบปีแล้ว มีประเทศสมาชิก 10 ประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
อาเซียนมีประชากรรวมกันราว 650 ล้านคน และเกือบครึ่งหนึ่งเป็นประชากรของอินโดนีเซียที่นับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้นโดยขนาดของกลุ่มประเทศอาเซียน และจำนวนประเทศจึงมีความพอเหมาะพอดีที่จะดำเนินการร่วมกันในด้านต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว
และอาเซียนเป็นประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนาด้วยกันดังนั้นพลังทางเศรษฐกิจและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน จึงมีเสถียรภาพ มีความมั่นคง และมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นขุมพลังแห่งการพัฒนาขุมหลักของโลกปัจจุบันนี้
หลายสิบปีที่ผ่านมา อาเซียนได้ขยายความร่วมมือในระดับกลุ่มกับประเทศอื่น ในระดับกลุ่ม เช่น อาเซียน +3 เป็นต้น ทำให้อาเซียนสามารถมีความสัมพันธ์และความร่วมมือกับประเทศนอกกลุ่ม ทั้งในลักษณะทวิภาคี และพหุภาคีได้อย่างคล่องตัว
นอกจากอาเซียนจะมีการประชุมสุดยอดระดับผู้นำแล้ว ยังได้ขยายความร่วมมือให้มีความกระชับในด้านอื่นๆ ที่ลักษณะเฉพาะด้วย ดังเช่น การจัดประชุมร่วมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระดับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ
จึงมีผลทำให้ความร่วมมือในกลุ่มอาเซียนอย่างลึก และมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านความมั่นคงนั้น มีการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอย่างต่อเนื่อง และยังมีการพบปะอย่างไม่เป็นทางการอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
อาเซียนแม้ร่วมมือกันมายาวนาน แต่กลับมีความแตกต่าง หลากหลายผสมผสานอยู่ ดังเช่น อาเซียนแต่ละประเทศส่วนใหญ่มีภาษาเป็นของตนเอง แต่ไม่สามารถหาข้อยุติที่จะใช้ภาษาของชาติใดชาติหนึ่งเป็นภาษาทางการได้ จึงยังคงต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการของอาเซียน
อาเซียนมีผู้นับถือศาสนาหลัก 3 ศาสนา คือ ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม และศาสนาคริสต์ โดยมีผู้นับถือศาสนาอิสลามมากที่สุด ศาสนาพุทธเป็นลำดับที่สอง ทั้งนี้ โดยรวมศาสนาพุทธทั้งนิกายหินยาน และมหายาน ความแตกต่างทางศาสนาแม้มีอยู่แต่ในอดีตก็ไม่ได้เป็นปัญหาความร่วมมือในอาเซียน
และแม้ว่าประเทศอาเซียน จะมีการปกครองแบบประชาธิปไตยแต่ก็เป็นประชาธิปไตยในรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยความแตกต่างที่เหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือ ฐานะและบทบาทของฝ่ายทหาร ที่ได้รับการยอมรับและย้ำเกรงจากฝ่ายรัฐบาล และทุกประเทศของอาเซียน
เพราะเหตุนี้การที่อาเซียนได้ดำเนินการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด จึงเป็นรากฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งของความเป็นเอกภาพของอาเซียน
ในหลายครั้งที่ความคิดเห็นในรัฐบาลแตกต่างกัน หรือกระทั่งเกิดความขัดแย้งขึ้น อาเซียนก็ได้ใช้กลไก ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะเชื่อมโยงไปยังฝ่ายทหารของประเทศอาเซียนด้วย ครั้นทางฝ่ายทหารและกลาโหมเห็นต้องพร้อมกันแล้ว ก็ย่อมส่งผลต่อการปรับท่าทีต่างๆ ของรัฐบาล ของทุกประเทศ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ในเรื่องนี้ ต้องถือว่าเป็นผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเฉพาะความทุ่มเทอย่างหนักในการประสาน และกระชับความสัมพันธ์ของอาเซียน ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการยอมรับนับถือจากทุกประเทศอาเซียนว่าเป็นพี่ใหญ่ที่ใส่ใจต่อความร่วมมือ และกระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในหมู่ประเทศอาเซียน
เมื่อแรกเริ่มจัดตั้งรัฐบาล คสช. นั้น ประเทศไทยถูกกดดันแทรกแซงอย่างหนัก จนแทบยืนอยู่กับขาตัวเองไม่ได้ แต่ด้วยความเป็นเอกภาพของฝ่ายกลาโหมและทหารของอาเซียน ที่ขับเคลื่อนอย่างแข็งขัน โดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงเป็นผลให้ประเทศไทยยืนอยู่ได้ และในที่สุดบรรดาประเทศที่เคยกดดัน แทรกแซง หรือบังคับประเทศไทยด้วยประการต่างๆ ก็ต้องปรับท่าทีมาเป็นมิตรมากขึ้น ร่วมมือกันมากขึ้น ทำให้ประเทศไทยยืนขึ้นในเวทีโลกที่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
เพราะเหตุที่อาเซียนมีเอกภาพที่แข็งแกร่ง และกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทั้งมีภูมิยุทธศาสตร์อยู่ในจุดสำคัญของโลก ดังนั้นบรรดาชาติมหาอำนาจทั้งหลาย จึงต่างหมายปองและมุ่งสร้างสัมพันธ์พิเศษกับอาเซียน หรือพยายามที่จะใช้อาเซียนเป็นเครื่องมือมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงใหญ่นี้ อาเซียนได้กลายเป็นพื้นที่ช่วงชิงจากมหาอำนาจต่างๆ ทั้งความพยายามที่จะช่วงชิงเข้าเป็นพวก และความพยายามช่วงชิงที่ต้องการให้อาเซียนแตกสลาย ในลักษณะแบ่งแยกแล้วครอบครอง
เพราะเหตุปัจจัยเช่นนั้น เอกภาพของอาเซียนจึงถูกท้าทายครั้งสำคัญ นั้นคือ การสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในกลุ่มอาเซียนโดยใช้วิธีการที่หลากหลายแต่ส่วนใหญ่แทบไม่ได้ผล
จึงมีการใช้กลโยบายสร้างความขัดแย้งทางศาสนา และใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ ในการบ่อนทำลายอาเซียน ยุยงปลุกปั่นให้ชาวมุสลิมในอาเซียน เครียดแค้นชิงชังชาวพุทธ และยุยงชาวพุทธในอาเซียนให้รังเกียจเครียดแค้นชาวมุสลิม
ประเทศที่ตกเป็นเป้าหมายการบ่อนทำลายที่สำคัญคือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และพม่า แต่ดูเหมือนว่า นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ ของมาเลเซีย จะรู้เท่าทันจึงได้เรียกร้องให้มุสลิมทั้งหลายยืนยันปฏิบัติอย่างซื่อตรงในองค์การแห่งพระเป็นเจ้า ประกาศอย่างหนักแน่นว่า อิสลามไม่ใช่สัญลักษณ์ของการฆ่าหรือสงคราม แต่เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและมนุษยธรรมอันประเสริฐ
แต่ทว่าประชากรในอินโดนีเซียและพม่า กลับตกอยู่ในกลโยบายที่ร้ายกาจด้วยวิธีการเพียงแค่ ระดมเอาชาวโรฮีนจาเข้าไปในพม่า ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งกับพม่า และเป็นความขัดแย้งที่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ แล้วลุกลามไปยังอินโดนีเซียที่สนับสนุนโรฮีนจาในฐานะที่เป็นมุสลิมด้วยกัน
นี่เป็นความท้าทายครั้งสำคัญต่อเอกภาพของอาเซียน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี