สถานการณ์ของประเทศเราขณะนี้ ยังตกอยู่ในความวิกฤติหนักหลายด้านที่ต้องแก้ไข ไม่ว่าความวิกฤติทางด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจสังคม และความมั่นคงภายในและผลกระทบจากภายนอกประเทศ ซึ่งต้องช่วยกันหาทางออกให้ถูกต้องอย่างถูกทิศถูกทางไม่ใช่เดินกันไปอย่างส่งเดช โดยไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักทำ อย่างที่กำลังเห็นกันอยู่ในขณะนี้
84 ปีของการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในบ้านเรา ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องของอำนาจที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้องตามกระบวนการของระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติรัฐประหาร หรือการใช้อำนาจที่ได้มาตามกระบวนการประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์ตน ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวนี้ ล้วนเป็นสิ่งปิดกั้นทางออกไปสู่สิ่งที่ดีและถูกต้องของชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด
ถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ต้องรู้จักคิด รู้จักทำ กันใหม่
ต้องรู้จักคิดว่า อะไรที่เป็นสาเหตุหรืออุปสรรคสำคัญในการทำให้การบริหารจัดการสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวระบบหรือตัวคนมีความผิดเพี้ยนไม่เกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่ “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน” แต่บนความเป็นจริงแล้วได้เป็นไปอย่างนั้นมากน้อยแค่ไหน หรือผู้บริหารปกครองบ้านเมืองมิได้มาจากประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ว่าจะมาจากปากกระบอกปืนหรือมาจากการเลือกตั้งที่ยังเต็มไปด้วยการซื้อสิทธิขายเสียง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้บ้านเมืองเดินหน้าวนไปวนมาอยู่โดยตลอดอย่างนี้ มากว่า 84 ปี หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475
มีความพยายามแก้ไขในบางยุคบางสมัยก็จริง แต่ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง เหมือนลิงแก้แหจนลิงต้องตกน้ำตาย ปัญหาใหม่ๆ มีเพิ่มเข้ามาอีกให้แก้ไข มีการใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้น และมีเงื่อนปมซับซ้อนมากขึ้น อย่างที่เห็นกันอยู่ในขณะนี้
ประชาชนบางกลุ่มบางพื้นที่ของประเทศขณะนี้ก็ตื่นตัวมากขึ้น ไม่ได้ล้าหลังเหมือนอดีต ต้องการความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า นำไปสู่การเกิดขึ้นขององค์กรภาคประชาชนในชื่อต่างๆ มากมายหลายองค์กร เพราะผู้คนหลากหลายในองค์กรต่างๆ เหล่านี้ ไม่เห็นดีเห็นชอบด้วยกับการบริหารปกครองของผู้มีอำนาจในขณะนั้น ซึ่งเป็นไปเพื่อประโยชน์ตนมากกว่าประโยชน์ของส่วนรวม ซึ่งถ้ามองให้ดีแล้วก็เข้าตำราที่ว่า “ผู้มีอำนาจในการปกครอง แต่ประชาชนไม่ยินยอมให้ปกครอง”นั่นเอง ความต้องการเปลี่ยนแปลงโดยประชาชนปรากฏให้เห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆในขณะนี้
ใครที่กำลังถือปืนปกครองประเทศขณะนี้ต้องรู้จักคิด
แม้กระทั่งกลุ่มการเมืองทั้งหลายก็ต้องหยุดและคิด
เพราะทั้งคนถือปืนและกลุ่มการเมืองดังกล่าวที่มองข้ามความสำคัญของการตื่นตัวของผู้คนในบ้านเมืองขณะนี้ โดยไม่หยุดคิดเพื่อแก้ไขตัวเอง คิดแต่จะใช้อำนาจในมือเพื่อประโยชน์ตนและหมู่คณะของตนต่อไปอย่างเดิมแล้ว บอกได้คำเดียวว่า มิคสัญญี กลียุค รออยู่
มิคสัญญีหรือกลียุคที่ว่านี้ ก็คือความวุ่นวายอันจะก่อให้เกิดความรุนแรงถึงขึ้นเสียเลือดเสียเนื้อ จากความไม่เข้าใจระหว่างกัน หรือจากการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนต่อผู้ปกครองประเทศ ทำให้คนไทยแบ่งแยกออกเป็นฝักเป็นฝ่าย จนนำไปสู่ “สงครามกลางเมือง”
กระแสความเปลี่ยนแปลงในทิศทางนี้ กำลังโน้มเอียงไปในลักษณะนี้อย่างน่าเป็นห่วง ยิ่งตอกย้ำให้ได้ยินคำพูดของใครก็ตามที่ถืออำนาจอยู่ในขณะนี้ ใช้คำพูดที่ฟังแล้วไม่เพราะหู หรือมีท่าทาง อากัปกิริยาที่ไม่น่าดูด้วยแล้ว ก็จะเป็นสิ่งที่จะนำไปขยายผลให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้เรื่อยๆต่อจากนี้
ถ้าผู้รับผิดชอบบ้านเมืองไม่เข้าใจ หรือไม่หยุดคิดให้ดีในสิ่งต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นดังกล่าว ว่าสมควรจะได้มีการทำงานกันอย่างไรจึงจะถูกต้องกว่านี้แล้ว ก็คงจะอยู่ต่อไปอย่างสงบสุขไม่ได้ เพราะทุกทิศทุกทางจะพุ่งเข้าหาตัวในทางที่ไม่เป็นคุณ
การทำงานที่ถูกต้องจะเป็นทางออกจากวิกฤตการณ์
“เป้าหมาย” ต้องกำหนดชัดเจนในการทำงาน นั่นก็คือ ทำอย่างไรจึงจะทำให้ประชาชนคนไทยในประเทศ ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคง แข็งแกร่ง ของประเทศได้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่ตัวหนังสือที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ
ทำอย่างไร ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยดังกล่าว จะมีส่วนร่วมในการคิด การทำ อย่างแท้จริงในบริหารปกครองบ้านเมือง โดยไม่ต้องตกอยู่ใต้คำสั่งหรือนโยบายใดๆ ที่กำหนดขึ้นฝ่ายเดียวจากผู้มีอำนาจ
ทำอย่างไร หลักนิติรัฐนิติธรรม จึงจะสร้างความเป็นธรรม ให้เกิดขึ้นกับประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ ไม่ว่าจะเป็นคนยากจนหรือเป็นเศรษฐี
ทำอย่างไร จะกระจายอำนาจอธิปไตย ที่จะยับยั้งและยุติความหลงผิดในเรื่องทางการเมือง การปกครอง ได้ในทุกระดับ
ทำอย่างไร ในการแก้ปัญหาความอดอยากยากแค้นของคนส่วนใหญ่ในระดับล่าง ให้มีสภาพที่ดีขึ้นได้ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เคยพระราชทานไว้ มาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมจริงๆ ไม่ใช่เพียงแต่พูด
และทำอย่างไร กองทัพจะเป็นเนื้อเดียวกับประชาชนจริงๆ ในจิตสำนึกแห่งความรักชาติและการรักษาราชอาณาจักรไทยให้มั่นคง ด้วยการเมืองการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
รู้จักคิด รู้จักทำ เพียงแค่นี้ก็เห็นทางออกของบ้านเมือง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี