เป็นที่ทราบกันดีว่า ในประเทศมุสลิมต่างๆ ทั่วโลก จะไม่ใช้ระบบประมวลกฎหมายแบบบ้านเราและประเทศทางยุโรป หรือกฎหมายจารีตประเพณีแบบทางอังกฤษ หรือสหรัฐอเมริกา แต่จะใช้กฎหมายอิสลาม ซึ่งถอดแบบมาจากหลักคำสอนในศาสนาอิสลาม
ประเทศที่ใช้กฎหมายอิสลามนั้นมีอยู่มากมาย ทั้งในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบีย จนถึงประเทศในแถบเอเชีย เช่น มาเลเซีย บรูไน และอินโดนีเซีย
เมื่อไม่นานมานี้ ดาราชายฮอลลีวู้ดชื่อดัง คือ นายจอร์จ คลูนีย์ ประกาศคว่ำบาตร ไม่ใช้บริการโรงแรมจำนวน 9 แห่ง และชักชวนเพื่อนดารากับประชาชน ไม่ให้ใช้บริการโรงแรมดังกล่าวด้วย โรงแรมดังกล่าวตั้งอยู่ในหลายประเทศ กล่าวคือในประเทศอังกฤษ 3 โรงแรม ในประเทศสหรัฐอเมริกา 2 แห่ง ในประเทศฝรั่งเศส 2 แห่ง และในประเทศอิตาลี 2 แห่ง
โรงแรมดังกล่าว ได้แก่ The Dorchester, 45 Park Lane, Coworth Park ในประเทศอังกฤษ The Beverly Hills Hotel, Hotel Bel-Air ในประเทศสหรัฐอเมริกา Le Meurice, Hotel Plaza Athenee ในประเทศฝรั่งเศส และ Hotel Eden, Hotel Principe di Savoia ในประเทศอิตาลี
สาเหตุแห่งการคว่ำบาตรดังกล่าวไม่ได้เกิดจากโรงแรมให้บริการไม่ดี อาหาร หรือราคาห้องพักไม่ถูกใจแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะโรงแรมเหล่านี้เป็นของบริษัท Brunei Investment Agency ซึ่งรัฐบาลประเทศบรูไน เป็นเจ้าของโรงแรมเหล่านี้
สิ่งที่นายจอร์จ คลูนีย์ ไม่พอใจนั้นคือ การที่รัฐบาลประเทศบรูไนได้ประกาศใช้กฎหมายอิสลามเกี่ยวกับการรักร่วมเพศในประเทศบรูไน ซึ่งการรักร่วมเพศถือเป็นความผิดตามกฎหมายอิสลาม และให้ใช้กฎหมายดังกล่าวกับการกระทำรักร่วมเพศที่เกิดขึ้นในโรงแรมดังกล่าวด้วย ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นชาวมุสลิม และชาวบรูไนหรือไม่ก็ตาม
บทลงโทษสำหรับการรักร่วมเพศตามกฎหมายที่ประกาศนี้นั้นรุนแรงมาก กล่าวคือผู้ที่รักร่วมเพศจะถูกลงโทษด้วยการปาด้วยก้อนหินใส่ และเฆี่ยนด้วยแส้จนตาย มิได้เป็นการลงโทษด้วยวิธีจำคุกหรือจ่ายค่าปรับ เช่นดังระบบกฎหมายอื่นๆ
โทษตามที่กฎหมายอิสลามกำหนดนั้นแตกต่างจากโทษตามระบบประมวลกฎหมาย และระบบกฎหมายจารีตประเพณีอยู่แล้ว เช่นผู้ที่ลักทรัพย์จะถูกลงโทษด้วยการตัดมือ เป็นต้น คนไทยจึงมักได้รับการเตือนเวลาเดินทางไปยังประเทศอิสลามว่าถ้ากระทำผิดจะต้องถูกลงโทษอย่างไรบ้าง เพราะระบบกฎหมายแตกต่างกันกับระบบกฎหมายของประเทศไทย
ในประเทศอิสลามนั้น การรักร่วมเพศเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะตามศาสนาอิสลาม พระเจ้าสร้างมนุษย์ผู้ชายให้คู่กับมนุษย์ผู้หญิง การรักร่วมเพศจึงเป็นสิ่งที่ขัดกับสิ่งที่พระเจ้าสร้าง เป็นการผิดธรรมชาติ เสมือนคนเหล่านี้ไม่เห็นด้วยกับการสร้างของพระเจ้า
ในทางศาสนา การรักร่วมเพศในลักษณะการสมสู่ผู้ชายด้วยกันนั้น เคยเกิดขึ้นในเมืองสะดูม ซึ่งในยุคนั้น พระเจ้าของศาสนาอิสลามคือพระองค์อัลลอฮ์ ได้ทรงส่งท่านนบีลูฏ อะลัยฮิสลาม มาประกาศศาสนา ท่านนบีลูฏ อะลัยฮิสลาม ได้แจ้งให้ชาวเมืองสะดูมระวังการลงโทษที่ยิ่งใหญ่จากพระเจ้า เนื่องด้วยกับพฤติกรรมรักร่วมเพศ ที่ทำลายกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติที่พระองค์อัลลอฮ์ ทรงสร้างผู้ชายคู่กับผู้หญิง แต่ชาวเมืองไม่เชื่อฟัง และยังคงฝ่าฝืน ดังนั้น พระองค์อัลลอฮ์ จึงทรงลงโทษชาวสะดูม โดยส่งพายุหินจากท้องฟ้าร่วงลงบนพวกเขา
จะเห็นได้ว่ากรณีประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งใช้กฎหมายอิสลาม และการรักร่วมเพศเป็นสิ่งต้องห้าม เมื่อเกิดมหันตภัยคลื่นสึนามิทำให้อินโดนีเซียได้รับความเสียหายรุนแรง ผู้นำฝ่ายค้านของประเทศมาเลเซีย ซึ่งใช้กฎหมายอิสลามออกมาให้สัมภาษณ์ว่า คลื่นยักษ์สึนามิ
นั้นเกิดจากการลงโทษพวกรักร่วมเพศในประเทศอินโดนีเซียเช่นกัน
สำหรับกรณีของการคว่ำบาตรโรงแรมนั้น จอร์จ คลูนีย์ นั้นเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มรักร่วมเพศ หรือ LGBT ทั่วโลก ด้วยการจัดตั้งมูลนิธิ Clooney Foundation for Justice เมื่อปี 2016 เพื่อเรียกร้อง
หาความยุติธรรมให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ที่สังคมไม่ยอมรับ โดยอ้างว่าคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ในโลกตะวันตกนั้น แต่เดิมมีการใช้กฎหมายคริสต์ แม้ในทางศาสนาคริสต์ พระเจ้าได้สั่งให้โมเสสแจ้งชาวอิสราเอลห้ามไม่ให้มีเพศสัมพันธ์กับชายด้วยกัน เพราะเป็นสิ่งน่ารังเกียจ แต่ปัจจุบัน ประเทศตะวันตกได้มีการใช้ระบบกฎหมายแบบประมวล หรือแบบจารีตประเพณีเพราะศาสนจักรเสื่อมอำนาจลง รักร่วมเพศในสังคมตะวันตกจึงมักไม่ใช่สิ่งต้องห้ามทางกฎหมาย และบางประเทศยังถือว่าเป็นสิทธิมนุษยชน
ศาลสูงของประเทศสหรัฐอเมริกานั้นเคยตัดสินในคดี Lawrence v. Texas เมื่อปี ค.ศ. 2003 ให้การกระทำรักร่วมเพศไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย ไม่ว่าในมลรัฐใดๆในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นสิทธิทางรัฐธรรมนูญ และให้กฎหมายของ 13 มลรัฐ ที่ห้ามการรักร่วมเพศนั้นไม่มีผลใช้บังคับ
ปัจจุบัน ในประเทศตะวันตกบางประเทศ ได้ยอมรับให้กลุ่มรักร่วมเพศจดทะเบียนการกินอยู่ใช้ชีวิตร่วมกันเสมือนการจดทะเบียนสมรสได้
นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาเองเคยมีปัญหาโต้แย้งทางกฎหมายเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิด เพราะการคุมกำเนิดขัดกับหลักศาสนาคริสต์ กล่าวคือการคุมกำเนิดถือเป็นบาป เช่นเดียวกับการหย่า ศาสนาคริสต์อนุญาตให้คุมกำเนิดได้แต่ด้วยวิธีธรรมชาติเท่านั้น บางมลรัฐได้ออกกฎหมายห้ามใช้ยาคุมกำเนิด จนเมื่อมีคดี Griswold v.Connecticut ในปี ค.ศ.1965 ศาลสูงของสหรัฐจึงตัดสินว่ากฎหมายของมลรัฐที่ห้ามพลเมืองใช้ยาคุมกำเนิดนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญของสหรัฐ ไม่สามารถใช้บังคับได้ จากประเด็นดังกล่าวนี้จะเห็นได้ว่า แต่ละประเทศมีกฎหมายที่ใช้บังคับแตกต่างกัน ตามศาสนาและวัฒนธรรมของตนเอง กฎหมายของประเทศหนึ่งอาจเหมาะสมสำหรับประเทศนั้น แต่อาจไม่เหมาะสมกับประเทศอื่น จะไปจัดการให้ใช้กฎหมายแบบเดียวกับประเทศตนไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องภายในของประเทศนั้นๆ ที่ประชาชน ตลอดจนผู้ออกกฎหมาย และศาลจะพิจารณากันเองตามความเหมาะสม ดังนั้น จอร์จ คลูนีย์ จึงไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของประเทศอื่น ถ้าหากตนไม่พอใจกฎหมายดังกล่าวเป็นส่วนตัว ควรไม่ใช้บริการโดยส่วนตัว ไม่ควรถึงขั้นชักชวนให้ผู้อื่นไม่ไปใช้บริการ ด้วยการคว่ำบาตร
ประเทศบรูไน ยังปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กษัตริย์ทรงเป็นผู้บริหารประเทศเอง แต่เดิมประเทศบรูไนเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซีย ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ประเทศมาเลเซียไม่ได้คัดค้านที่ประเทศบรูไนจะแยกตัวออกมา กลับยินดีเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม บังเอิญดินแดนส่วนที่ประเทศบรูไนแยกตัวออกมามีทั้งแก๊สและน้ำมันมหาศาล จึงทำให้ประเทศบรูไนกลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยมหาศาล ประชาชนอยู่ดีกินดี การศึกษาฟรี สวัสดิการอย่างดี ประชาชนมีความสุขไม่ทุกข์ร้อน อาชีพที่มั่นคงคือ ข้าราชการและครู
ดังนั้น เมื่อกฎหมายอิสลามเป็นระบบกฎหมายหลักระบบหนึ่งของโลก บทบัญญัติของกฎหมายบรูไนดังกล่าวจึงควรเป็นที่ยอมรับ
แม้กฎหมายของประเทศหนึ่งอาจเหมาะสมใช้บังคับกับคนในประเทศ แต่เมื่ออยู่ในยุคโลกาภิวัตน์ อาจเป็นไปได้ที่มีผู้ไม่เห็นด้วยแม้ไม่อยู่ในประเทศนั้นก็ตาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี