nn ในยามนี้ต้องบอกว่าต้องหวังพึ่ง “ภาคการท่องเที่ยว” เพื่อพยุงภาวะเศรษฐกิจไทย...แต่ด้วยผลจากเศรษฐกิจโลกและค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น...ทำให้ตัวเลขการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวลดลงประกอบกับประเทศทั่วเอเชียรวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน...ก็พยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อดึงรายได้เข้าประเทศเหมือนกัน...และต้องบอกว่าล้วนเป็นคู่แข่งที่สำคัญ...ดังนั้นภาคการท่องเที่ยวไทยจะย่ำอยู่กับที่ ทำแบบเดิมๆ ไม่ได้อีกแล้ว...จะขายแค่...ทะเล ภูเขา ท่องราตรี ช็อปปิ้ง...บอกได้เลยไปไม่รอดเพราะไม่มีอะไรใหม่ดึงดูดใจอีกแล้ว...ยุคนี้ต้องขาย...สตอรี่ขายความเป็นมา ขายเรื่องราวที่น่าภาคภูมิใจ ผ่านประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน...ซึ่งประเทศไทยก็มีไม่น้อย เพราะเป็นแหล่งอารยธรรมมากว่า 1-2 พันปี....ซึ่งการดำเนินแนวทางนี้เป็นหนทางสำเร็จที่จะทำให้การท่องเที่ยวไทย เติบโตได้อย่างยั่งยืน ไม่ฉาบฉวยวูบวาบไปตามกระแสชั่วครั้งชั่วคราว...และเป้าหมายที่ต้องการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนรัฐบาลจึงได้จัดตั้งองค์การมหาชน ที่ชื่อ ...องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ...ขึ้นมาทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ...และขณะนี้กำลังหยิบเอา...เมืองโบราณอู่ทอง...มานำเสนอต่อนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ....
ถ้าพูดถึง “อู่ทอง” ต้องบอกว่านี่คือพื้นที่ที่ทางประวัติศาสตร์ที่สามารถสืบค้นย้อนไปถึง 2,000 ปี ตั้งแต่ยุคสมัยอาณาจักรทวารวดี และก่อร่างสร้างเมืองขึ้นมาตามยุคสมัยจากอดีตจนถึงปัจจุบันและยังทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ทั้งโบราณสถานโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุ โดยเฉพาะกลุ่มชนชาติพันธุ์ที่ยังคงตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่ของชุมชนต่างๆ อันได้แก่ไทยทรงดำ ลาวครั่ง ลาวพวน ลาวเวียง คนจีนและคนไทยพื้นถิ่น ชุมชนเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่สร้างความเจริญรุ่งเรืองทั้งการค้า ที่สะท้อนได้จากศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ความเป็นอยู่
จากหลักฐานที่ได้จากการขุดค้นพบในแหล่งโบราณคดีต่างๆ หรือที่เรียกในอดีตว่า “อารยธรรมสุวรรณภูมิ” ครอบคลุมพื้นที่ทั้งตำบลอู่ทอง อำเภออู่ทองจังหวัดสุพรรณบุรี มีหลักฐานทางโบราณคดีที่สันนิษฐานได้ว่า เคยเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงยุคอาณาจักรทวารวดีและเป็นศูนย์กลางของดินแดนสุวรรณภูมิ ที่ปัจจุบันยังมีการขุดค้นพบในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญของรากฐานความเป็นชาติไทยเพื่อจะถ่ายทอดไปยังชนรุ่นต่อๆ ไป
แต่ด้วยความโลกที่เปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัล แม้จะเป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วิธีการนำเสนอก็ต้องทำให้เข้ายุคสมัยและวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ด้วย...ดังนั้นองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. จึงได้นำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีการสื่อสาร พัฒนาเป็นเกม MOBA แฟนตาซี 3 มิติ ที่นำความโดดเด่นของวัตถุโบราณ สถานที่ เครื่องแต่งกายของชนชาติพันธุ์ต่างๆ ในพื้นที่อู่ทอง โดยนำข้อมูลที่มีกับสถานที่จริงมาหลอมรวมเข้าสู่ เป็นเกมในชื่อ Wars of Scramble U-Thong Kingdom :WOS
การพัฒนาเกมได้ออกแบบพื้นที่ตามเส้นทางการท่องเที่ยวที่ อพท. เข้าไปส่งเสริมและพัฒนา มาเป็นฉากการต่อสู้และนำศิลปะลวดลาย ที่ปรากฏตามโบราณสถานที่ได้ขุดค้นพบ เช่น เสาพระธรรมจักร รวมถึงเครื่องนุ่งห่มประจำชาติพันธุ์ต่างๆที่ยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่อู่ทอง เช่น ลาวครั่ง ไทยพวน ไทยทรงดำคนจีนและคนไทยพื้นถิ่น นำมาออกแบบเป็นอาวุธและเครื่องแต่งกายของตัวละครต่างๆ ซึ่งขณะนี้พัฒนาตัวละครไปแล้ว 20 ตัว แบ่งเป็นชนเผ่าที่อิงตามประวัติศาสตร์ โดยเกมทั้งหมด มี 4 ฉากเดินเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับอาณาจักรอู่ทอง ซึ่งในอดีตมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคง และอยู่รวมกันอย่างมีความสุข แต่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทำให้มีการแยกดินแดนออกเป็น 4 ส่วน มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตแบ่งแยกเป็นชนเผ่าต่างๆ เพื่อแย่งชิงและครอบครองพื้นที่ที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์
ดังนั้นฉากในเกม WOS ที่เกิดจากแหล่งเช็คอินเมืองโบราณอู่ทอง จะประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่ อพท.7 เข้าไปพัฒนา เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถตามรอยเส้นทางเกมสัมผัสวิถีชุมชนผ่านกิจกรรม ONE DAY TRIP ภายใต้แนวคิด “อู่ทองเรียนรู้อู่ทองลองสัมผัส” โดยเริ่มต้นจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง, ฉากอุทยาน พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ,สวนหินพุหางนาค และวัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม แต่ละแห่งนั้นมีประวัติศาสตร์ที่สำคัญ…ถึงตรงนี้ต้องปรบมือให้กับวิธีคิดของ อพท.ที่อยากจะดึงคนรุ่นใหม่ให้เข้าถึงประวัตศาสตร์อันน่าภาคภูมิใจผ่าน WOS ...
นอกจากเรื่องราวในเกมแล้ว..ยังมีเส้นทางนำนักท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชุมชน “วนเกษตรชุมชนดงเย็น” เป็นการรวมตัวกันของชาวบ้านหลายครัวเรือนเพื่อทำเกษตรอินทรีย์ โดยกำหนดเป็นฐานกิจกรรมที่ใช้เป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง เป็นแหล่งเรียนรู้ศาสตร์พระราชา การปลูกผักปลอดสารพิษ เรียนรู้อาหารพื้นถิ่นมีเมนูอาหารแนะนำไว้รองรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นผัดไฟแดงดอกชมจันทร์ ผัดผักคะน้าเม็กซิกันยำวอเตอร์เครส เป็นต้น
และอีกฐานกิจกรรมหนึ่งน่าสนใจไม่น้อยคือ “ยาดมหัวโตป้าต้อย” เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวของวิสาหกิจชุมชน นักท่องเที่ยวจะได้ทำกิจกรรมเพ้นท์สีฝาขวดที่เป็นตุ๊กตาหัวโต โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการนำเอาวัตถุโบราณที่เป็นรูปปั้นคนแคระ และรูปปั้นคนในสมัยทวารวดี มาออกแบบเป็นฝาขวดยาดม โดยการนำสูตรสมุนไพรโบราณที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นปู่ย่าตายาย มาผลิตเป็นยาดมสมุนไพร ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที่หาได้เพียงที่เดียว และจะส่งเสริมให้เป็นสินค้าที่ระลึกประจำจังหวัดสุพรรณบุรีอีกด้วย
ยังมีแหล่งอารยธรรมเก่าแก่อื่นๆ อีกในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย ที่ อพท.เตรียมจะนำเสนอนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ในโอกาสต่อจากนี้ไป เพื่อกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปยังทุกชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายสำคัญของคำว่า “การพัฒนาท่องเที่ยวแบบยั่งยืน”
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี