บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัททุนธนชาต หรือ TCAP ภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่แย่ลงอย่างมากจะส่งผลกระทบกับ equity income จากบริษัทในเครือหลายแห่งของ TCAP ซึ่งในบรรดาบริษัทในเครือของ TCAP เราคิดว่ามีสามแห่งที่ส่งสัญญาณว่าส่วนแบ่งผลประกอบการจะแย่ลงอย่างมาก ได้แก่ 1.) THANI 2.) MBK 3.) บ.ล.ธนชาติ (TNS) ในขณะที่เราคาดว่า กำไรจากบริษัทลูกตามสัดส่วนการถือหุ้น (equity income) จากการลงทุนใน TMB (20%) จะอยู่ที่แค่ 2.1 พันล้านบาทเท่านั้น (อิงจากประมาณการกำไรปี 2562 ของ TMB ที่ 1.04 หมื่นล้านบาท)
คาดกำไรสุทธิใน 1Q63F จะอยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท
หลังจากที่โอนกิจการ Tbank ไปอยู่ภายใต้ TMB แล้ว TCAP ก็กลายเป็นกลุ่มบริษัทโฮลดิ้งอย่างแท้จริง โดยมูลค่ากิจการจะมาจากการลงทุนในบริษัทในเครือหลักๆ (figure 1) ทั้งนี้
ภายใต้โครงสร้างบริษัทโฮลดิ้ง TCAP จะรวมผลการดำเนินงานของ THANI เข้ามาในงบรวมเท่านั้น และจะรับรู้รายได้ในรูปกำไรสุทธิ (equity income) จากบริษัทที่ถือต่ำกว่า 50% เราประเมินกำไรของ THANI จะลดลง 50% ของ MBK จะลดลง 30% และการลงทุนในกิจการอื่นๆ ลดลง 30% ขณะที่คาดว่าบริษัทจะมีกำไรพิเศษก้อนใหญ่ 3.0 พันล้านบาทจากการขายหุ้น Ajinomoto
เงินปันผลยังคงน่าสนใจในปี 2563F
TCAP จ่ายปันผลเยอะในปี 2562 ขณะที่ปันผลจะกลับมาอยู่บนฐานปกติในปี 2563 แต่เนื่องจากยังมีกำไรพิเศษจากการลงทุน เราจึงคาดว่ายอดจ่ายปันผลและอัตราผลตอบแทนจะยังคงสูงอยู่ หากใช้สมมุติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 60% จะได้ DPS ที่ 3.50 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 10%
ราคาเป้าหมายที่ 57 บาท
ราคาหุ้น TCAP ตกลงมาอย่างมากหลังจากที่บริษัทได้ข้อสรุปเรื่องแผนซื้อหุ้นคืนเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2563 ในขณะที่นักลงทุนในตลาดเป็นกังวลกับแนวโน้มผลการดำเนินงานของ THANI และการปรับลดเรตติ้ง แต่จากข้อมูลที่ได้จาก TCAP เราคิดว่าราคาหุ้นตกแรงเกินไป และผลการดำเนินงานของ THANI ใน 1Q63 ก็ไม่ได้แย่จนเกินไป นอกจากนี้ บริษัทยังมีแหล่งเงินทุนที่แน่นอนจากการสนับสนุนผู้ถือหุ้นใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังจะรับรู้กำไรก้อนใหญ่จากการขายหุ้น Ajinomoto ประมาณ 3.0 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการใน 1Q63F ในปี 2563 และทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 10% หรือมากกว่า ทั้งนี้ เนื่องจากราคาหุ้นไม่แพง และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลก็น่าสนใจ เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ และให้ราคา
เป้าหมายที่ 57 บาท
ปัจจัยเสี่ยงจากการขยายกรอบเวลาทำดีล M&A ในขณะที่ NPL และค่าใช้จ่ายในการกันสำรองเพิ่มขึ้น
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี