บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นกลุ่มสถาบันการเงินหรือ Financial Sector จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รอบ 2 โดยสั่งการให้ 1.) ธนาคาร และนอนแบงก์ลดเพดานดอกเบี้ยเงินกู้ที่คิดจากสินเชื่อผู้บริโภคลง และ 2.) ธนาคารระงับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้น และระงับการซื้อหุ้นคืนเพื่อรักษาระดับเงินกองทุนเอาไว้ในภาวะที่เศรษฐกิจถูกกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์โรคระบาด
การลดเพดานดอกเบี้ยเงินกู้ที่คิดจากสินเชื่อผู้บริโภคจะส่งผลกระทบกับธนาคารน้อยมาก เพราะสินเชื่อผู้บริโภคในส่วนของบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลมีสัดส่วนแค่ 8% ของ KBANK ขณะที่ SCB และ KTB คิดเป็นแค่ 6% และการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำกว่าเพดาน ส่วน สินเชื่อจำนำทะเบียนของ TISCO และ KKP คิดที่อัตราต่ำกว่า 15% ทั้ง 2 ธนาคารจึงไม่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้เพื่อความอนุรักษ์นิยม เราได้ทดลองปรับลด yield ลง 1% จะทำให้กำไร KBANK และ TISCO ลดลงเกือบ 3% กำไร KTB และ SCB จะลดลง 2% กำไร BBL จะลดลงไม่ถึง 1%
หุ้นกลุ่มนอนแบงก์เรามองว่า MTC จะถูกกระทบเล็กน้อย KTC จะถูกกระทบปานกลาง แต่ SAWAD จะถูกกระทบหนัก โดย MTC กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อจำนำทะเบียน 20-21% และสินเชื่อ Nanao ไว้ที่ 25-26% ซึ่งเมื่อใช้อัตราดอกเบี้ยใหม่ yield ที่ลดลงจากสินเชื่อ Nano จะกระทบกับกำไร MTC ประมาณ 1-3% ส่วน KTC ต้องลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลง 2% และลดอัตราดอกเบี้ย P-Loan ลง 1% (จากปัจจุบัน 26%) ซึ่ง yield ที่ลดลงจะกระทบกำไร 5-6% ส่วนกำไร SAWAD จะถูกกระทบหนักกว่าที่7-8% หากไม่รวมสินเชื่อที่ดินหรือประมาณ >14% หากรวม yield ที่ลดลงจากสินเชื่อที่ดิน
แม้ตลาดจะกังวลว่าจะลดดอกเบี้ยสินเชื่อซื้อมาก่อนหน้านี้ แต่ ธปท. ก็ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อลิสซิ่ง และเช่าซื้อ จึงช่วยคลายกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันต่อมาร์จิ้น ของธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อ H/P สูงอย่างเช่น TISCO, KKP, TMB และ TCAP
เพื่อรักษาฐานเงินทุนเอาไว้สำหรับรองรับ NPL ใหม่ที่ตามความเสี่ยงเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น และเพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อใหม่ในวัฏจักรการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ธปท.จึงสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และเตรียมความพร้อมของทุนรองรับแผน 1-3 ปีข้างหน้า ซึ่งแสดงถึงมุมมองที่เป็นลบจากความกังวลเรื่อง NPL และการกันสำรอง เรามองว่าธนาคารที่จ่ายปันผลสูงเช่น BBL TISCOและ KKP จะเผชิญแรงขาย ขณะที่ธนาคารที่มีเงินกองทุนขั้นที่ 1 และความกังวลหนี้จะกดดัน TMB SCB KBANK
มาตรการช่วยเหลือรอบ 2 ของ ธปท. ส่งผลลบต่อธนาคาร และนอนแบงก์ซึ่งถูกบีบให้ช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่ม และสถาบันทุกแห่งต้องเตรียมรับสถานการณ์เศรษฐกิจ 1-3 ปีข้างหน้า หากโรคระบาดยืดเยื้อ
อาจจะขยายมาตรการให้ความช่วยเหลือระยะสั้นอีก เท่ากับว่าประมาณการกำไรของทั้งกลุ่มธนาคาร และ Non-Bank ยังมี downside เพิ่มอีก
ปัจจัยเสี่ยงจากกรณีที่ธปท. บังคับให้ลดอัตราดอกเบี้ยที่คิดจากลูกหนี้ NPL เกิดใหม่ ความเสี่ยงด้านการกันสำรอง
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี