ช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวของชาวนาการตากข้าวบนถนนในหมู่บ้านถนนสายหลัก มีให้พบเห็นอยู่บ่อยครั้ง
การตากข้าวเปลือกหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิต ถือเป็นการลดความชื้นในเมล็ดข้าวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะความชื้นจะทำให้เชื้อราต่างๆ ที่ติดมากับเมล็ดขยายพันธุ์ได้ จนสามารถทำลายเมล็ดข้าวเปลือกได้เป็นจำนวนมาก ความชื้นยังทำให้ข้าวเปลือกเสียราคา เพราะเมื่อนำไปจำหน่ายให้แก่โรงสีจะถูกหักค่าความชื้นในเมล็ดข้าวการตากข้าวยังสามารถรักษาคุณภาพของข้าวไว้ได้นานยิ่งขึ้น
การตากข้าวเปลือกบนถนนจะใช้เวลาตากข้าวประมาณ 2-3 วัน จึงจะแห้งและจัดเก็บได้ส่วนการตากในลานดินชาวนาจะต้องเตรียมลานดินให้พื้นดินแข็งและเรียบใช้เวลาในการตาก 5-10 วัน และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเตรียมลานดินชาวนาจึงไม่นิยมใช้ลานดินในการตาก
นอกจากการลดความชื้นโดยวิธีการตากข้าวเปลือกบนถนน บางแห่งจะมีการใช้เครื่องอบ แต่จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้ชาวนาส่วนใหญ่เลือกที่จะตากข้าวบนถนน
ลักษณะการตากข้าวเปลือกชาวนาจะใช้ตาข่ายวางไว้บนพื้นถนนและเทข้าวเปลือกลงไปในช่วงกลางวันจะเกลี่ยข้าวเปลือกให้แสงแดดส่องถึงพอตกกลางคืนจะทิ้งข้าวเปลือกไว้ที่ถนนโดยใช้ตาข่ายคลุมไว้และใช้วัสดุอื่นๆ วางทับ
ชาวนาบางรายอาจต้องการให้คนขับรถรู้ว่ามีการตากข้าว เช่น ทำป้ายเตือน วางกรวยสะท้อนแสง แต่บางครั้งตากโดยไม่มีการแจ้งเตือน และมองข้ามไปว่า อันตรายอาจเกิดต่อผู้ขับรถ
นักวิชาการได้อธิบายว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่มีขึ้นกับคนขับรถผ่านพื้นที่ที่มีการตากข้าวบนถนนเกิดขึ้นได้ แม้คนขับจะไม่ได้ใช้ความเร็วมาก เช่น 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมองเห็นว่ามีข้าวเปลือกตากอยู่ แต่การจะตัดสินใจหยุดรถนั้น ต้องใช้เวลาตัดสินใจประมาณ 2 วินาที ช่วงเวลานั้นรถสามารถเคลื่อนไปได้อีก 32 เมตร คนขับจึงไม่สามารถหยุดรถได้ทัน
ในกรณีที่เป็นการขับตามกันมาแบบกระชั้นชิด เมื่อรถคันหน้าหยุดหรือหลบกะทันหัน รถคันหลังจะไม่มีระยะเวลาเพียงพอในการหยุดรถหรือหักหลบได้ทัน ทำให้เกิดอุบัติเหตุหมู่ได้
ทั้งกรณีที่หักหลบข้าวเปลือกที่ตากบนถนน หรือบางกรณีมีผ้ายางปูรอง ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้รถลื่นไถลหรือพลิกคว่ำได้ เพราะพื้นขาดแรงเสียดทาน และผ้าใบอาจจะม้วนไปอยู่ใต้ท้องรถ ทำให้รถพลิกคว่ำได้
การตากข้าวเปลือกบนถนนมีความผิดตามกฎหมายได้แก่ พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ. 2535 มาตรา 39 มีหลักว่าห้ามนำสิ่งใดมาวางขวางหรือวางบนทางหลวง หรือกระทำด้วยประการใดๆ บนทางหลวง ในลักษณะที่อาจเกิดอันตรายหรือเสียหายแก่ยานพาหนะหรือบุคคล หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามมาตรา 72 คือ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 114 มีหลักว่า ห้ามวางสิ่งใด หรือกระทำด้วยประการใดๆที่เป็นการกีดขวางทางจราจร เว้นแต่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามมาตรา 148 คือ ปรับไม่เกิน 500 บาท
พ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 19 57มีหลักว่า ห้ามวางหรือกองวัตถุใดๆ บนถนน หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามมาตรา 57 คือ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 ผู้ใดกีดขวางทางสาธารณะจนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของหรือกระทำด้วยประการอื่นใด ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
แม้จะมีโทษตามกฎหมาย แต่เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวทีไร ชาวนายังคงอาศัยถนนเป็นที่ตากข้าว ทำให้เกิดอุบัติเหตุเรียกได้ว่าทุกๆ ปี ความรุนแรง ความเสียหายมากน้อยต่างกัน ที่น่าเศร้า คือ บางครั้งมีผู้เสียชีวิต
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2562 เกิดอุบัติเหตุรถกระบะหักหลบกองข้าวเปลือกที่ตากบนถนนชน 3 คันรวดมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 3 ราย บนถนนสายบ้านพลจลก -สระวารี หมู่ที่ 8 ตำบลมะค่า อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2562 นักเรียน ม.3 สองคนที่ขับรถจักรยานยนต์ชนกองข้าวเปลือกที่ตากริมถนน ทำให้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 1 ราย ที่จังหวัดบุรีรัมย์
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2563 เจ้าของร้านยางที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ขับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ยี่ห้อ Ducati Multistrada Enduro กลับบ้านกลางดึก พุ่งชนกองข้าวเปลือกที่ตากบนถนน จนรถล้มพังเสียหายและได้รับบาดเจ็บบริเวณเข่า เท้า และระบมตามตัว เจ้าของร้านยางได้โพสต์เฟซบุ๊คว่า ปีที่แล้ว(พ.ศ.2562) ได้ขับชนกองข้าวเปลือก แต่ไม่เป็นอะไรมากมาปีนี้ได้รับบาดเจ็บ จึงต้องการเตือนภัยผู้ขับขี่ให้ใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้น โดยไม่คิดจะเอาเรื่องกับเจ้าของกองข้าวเปลือก แต่กลับเจอหลานเจ้าของกองข้าวเปลือกโพสต์สวนกลับว่าขับรถเร็วเอง ทำให้เจ้าของร้านยางเปลี่ยนใจ แจ้งความเอาผิดกับเจ้าของกองข้าวเปลือก
กรณีของเจ้าของร้านยาง ระยะทางที่ชาวนาตากไม่ต่ำกว่าหนึ่งกิโลเมตร บางจุดมีกรวยตั้ง แต่บางจุดมีเพียงกิ่งไม้เท่านั้น โดยส่วนใหญ่อ้างว่าไม่มีสถานที่ตาก และตากบนถนนแห้งเร็ว แม้จะรู้ว่าผิดกฎหมาย แต่เมื่อไม่มีสถานที่ให้ตาก จึงต้องใช้ถนนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มีการเสนอสำหรับทางออกในเรื่องนี้ คือ ควรหาพื้นที่ส่วนกลางเพื่อมาตากข้าว ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ลานวัด พื้นที่โล่งในชุมชน
แม้ทางออกนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาได้บ้าง แต่เป็นเพียงชั่วคราว ถ้าโรงเรียนมีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ประกอบกิจกรรม หรือวัดต้องใช้พื้นที่ประกอบศาสนพิธี ชาวนาจะทำเช่นไร
ถึงเวลาแล้วที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องหาทางออกในเรื่องนี้อย่างจริงจัง แก้ไขปัญหาอย่างถาวร จัดพื้นที่ที่ชาวนาสามารถใช้ได้ทุกปี แทนที่การตากข้าวเปลือกบนท้องถนน มิฉะนั้นอุบัติเหตุที่เกิดจากการที่ผู้ขับหลบกองข้าวเปลือกคงยังปรากฏให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี