วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
** เห็นข้อเขียนของนักวิชาการดัง ดร.แดน-เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ (NBI) และประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) ที่ออกมาสะท้อนมุมมองเรื่องของระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้า ในหัวข้อ“ต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว “ปังหรือพัง”..ที่กำลังเป็นประเด็นสุดฮอต เป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ของคนกรุงอยู่เวลานี้..ก็น่าจะมาขยายความต่อ
ดร.เกรียงศักดิ์ ได้หยิบยกข้อดี-ข้อเสียของการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ ระหว่างรูปแบบที่รัฐดำเนินโครงการเอง กับการให้สัมปทานเอกชนลงทุน ก่อนจะสรุปว่ารูปแบบที่ดีที่สุดคือ การที่ภาครัฐควรลงทุนเอง และใช้เครื่องมือทางการเงินการคลังเพื่อคลายข้อจำกัดด้านเงินลงทุน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินโครงการเพื่อให้ต้นทุนดำเนินงานต่ำสุด ทั้งยังได้แนะนำให้รัฐบาลควรต้องทบทวนการจะต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้า สายสีเขียว ที่จะสิ้นสุดสัมปทานใน 8-9 ปีข้างหน้าเสียใหม่ โดยรอให้สัมปทานสิ้นสุดลงแล้วนำมาบริหารจัดการเอง เพราะจะทำให้สามารถกำหนดนโยบายรถไฟฟ้าได้เอง มีความยืดหยุ่นในเรื่องการกำหนดอัตราค่าโดยสาร สามารถจะนำเอาดอกผลกำไรที่ได้จากการเดินรถ หรือบริการที่เกี่ยวเนื่องมาชดเชยและปรับค่าโดยสารให้ถูกลงให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย…เป็นการนำเสนอโมเดลรถไฟฟ้าประชารัฐโมเดลเดียวกับที่เครือข่ายของผู้บริโภคเรียกร้องนั่นแหล่ะ
อ่านแล้วก็ให้นึกย้อนไปถึงรถไฟฟ้า “แอร์พอร์ตเรลลิงค์” ที่น่าจะถือว่าตรงคอนเซ็ปต์ โครงการรถไฟฟ้าของรัฐตามที่ประธานสถาบันสร้างชาติกำลังกล่าวถึงเป๊ะๆ เพราะการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เจียดเอาเงินลงทุนที่เหลือจากโครงการรถไฟทางคู่ไปลงทุนเอง 35,000 ล้านบาท ก่อนจะตั้งบริษัทลูก บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ทำการบริหารจัดการเดินรถเองแบบเบ็ดเสร็จ กำหนดค่าโดยสารได้ต่ำเพราะไม่ต้องแสวงหากำไรที่ไหน เนื่องจากเป็นบริการของรัฐที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต ตอบสนองความต้องการของผู้คน และเป็นบริการเสริมศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นหลัก…. แล้ววันนี้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์เป็นอย่างไร ???? เท่าที่ทราบล่าสุด รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และการรถไฟฯเพิ่งจับแอร์พอร์ตลิงค์ ใส่ตะกร้าล้างน้ำ พ่วงไปกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินไปแล้ว เพราะ ร.ฟ.ท.แบกรับภาระขาดทุนไม่ไหว…
หากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ยังไม่ชัดเจนพอ ยังไม่สะท้อนสิ่งที่ประชาชนคนไทยคาดหวังได้ ไม่ต้องไปรอให้สัมปทานรถไฟฟ้า BTS สิ้นสุดลงในอีก 8-9 ปีข้างหน้าเลยท่านประธานสถาบันสร้างชาติ แค่ไปบอก “บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ทั่น รมว.คมนาคม “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ให้นำเอารถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่ “การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย” หรือ รฟม.กำลังโม่แป้งอยู่เวลานี้มาทำได้เลย ไม่ต้องไปเปิดประมูลหาเอกชนมาร่วมลงทุนในโครงการให้มันยุ่งเป็นยุงตีกันอะไรหรอก
เพราะเปิดประมูลไปก็เห็นๆ กันอยู่ว่ามีแต่ยุ่งกับยุ่ง วันดีคืนดีตัวผู้บริหาร รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกก็ลุกขึ้นมาแก้ไขเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกกันกลางอากาศ จนทำเอาโครงการประมูลสะดุดกึกเกิดการฟ้องร้องกันวุ่นวายอย่างที่เห็น ตอนนี้ยังจ่อจะเรียกแขกให้งานเข้าเพราะไหนจะถูกพลพรรคฝ่ายค้านร้องให้ ป.ป.ช.เข้าสอบสวน แถมพ่วงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังมาสำทับส่งสำนวนผลสอบสวนเอาผิด ผู้ว่าฯ รฟม.และกรรมการคัดเลือกอีกกว่า 1,000 หน้าไปให้ ป.ป.ช.คุ้ยต่ออีกระลอก...ล่าสุดนั้นก็ยังถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤตมิชอบมีคำสั่งให้รับคำฟ้องที่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัดหรือ BTS ฟ้องเอาผิดผู้ว่า รฟม.และกรรมการคัดเลือกกรณีรื้อเกณฑ์พิจารณาคัดเลือก และยกเลิกการประมูลโดยไม่ชอบเอาด้วยอีก
มาถึงตรงนี้ก็สู้จับมาเป็น Model ต้นแบบรถไฟฟ้าให้รัฐหรือ รฟม.โม่แป้งบริหารจัดการเดินรถเสียเองให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป อย่างที่ท่านประธานสถาบันสร้างชาติท่านว่าไว้ เพราะรถไฟฟ้าสายนี้ รัฐ/รฟม.ก็ลงทุนงาน Civil work ในส่วนโครงการสายตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ไปแล้ว นับ 100,000 ล้านบาท เหลือแค่จัดซื้อระบบรถไฟฟ้ากับขบวนรถไฟฟ้ามาวิ่งก็จบแล้ว ส่วนสายสีส้ม ตะวันตกอีก 110,000 ล้านนั้น จะทำเป็นเฟส 2 อย่างไรก็ค่อยมาว่ากัน.....จับเอาโครงการนี้มาเป็น Model ต้นแบบซะก็สิ้นเรื่อง ให้ รฟม.บริหารจัดการเดินรถเองจะตั้งบริษัทลูกขึ้นมาดำเนินการแบบการรถไฟฯ หรือให้บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.มาบริหารจัดการเดินรถให้ก็ทำได้อยู่แล้ว จะกำหนดค่าโดยสารต่ำติดดินยังไงก็ทำได้อยู่แล้ว เพราะเป็นโครงการของรัฐที่รัฐจ่ายเงินลงทุนค่าก่อสร้างไปกว่า 70-80% แล้ว จะกำหนดค่าโดยสารให้มันถูกเป็น “รถไฟฟ้า ประชารัฐ” เพื่อคนกรุงเลย 10-25 บาทก็จบแล้ว หรือจะให้ดีเก็บสัก 5-15 บาทได้ยิ่งดี..จริงไม่จริง ครับ ฯพณฯท่าน!
จริงอยู่การให้สัมปทานรถไฟฟ้าอาจไม่ทำให้ราคาค่าโดยสารต่ำกว่า เนื่องจากเอกชนย่อมมีเป้าหมายในการแสวงหากำไร แต่กระนั้นการกำหนดค่าโดยสารรถไฟฟ้า จะของ BTS หรือรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน/สายสีม่วงของ รฟม.นั้น รัฐเป็นผู้กำหนดค่าโดยสารมาแต่แรก และมีกลไกการปรับค่าโดยสารให้สอดคล้องกับเงินเฟ้อ หรือค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขึ้น หาใช่เอกชนจะกำหนดได้เองตามอำเภอใจ.... และหากจะย้อนไปดูไส้ในโครงการเหล่านี้ ก็ล้วนมีการกำหนดทางหนีทีไล่กรณีปริมาณผู้โดยสารในอนาคตไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างกรณีที่ปริมาณผู้โดยสารสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ทุกโครงการก็มักจะมีเงื่อนไขและข้อกำหนดให้เอกชนต้องแบ่งผลประโยชน์ตอบแทนแก่รัฐเพิ่ม แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นและเป็นไปนั้นเกือบทุกโครงการต่างมีปริมาณผู้โดยสารต่ำกว่าคาดการณ์ทั้งสิ้น แต่ก็ยังไม่เห็นมีเอกชนรายใดหยุดให้บริการ
ต่างประเทศอย่างญี่ปุ่นนั้น รัฐบาลเขาอุดหนุนบริการสาธารณะอย่างรถไฟฟ้านี้ ในส่วนงานที่เป็น Civil work แบบเดียวกับที่รัฐบาลให้กับ รฟม.นั้นแหล่ะ เพื่อที่บริษัทเอกชนหรือบริษัทมหาชนที่ให้บริการสามารถจัดเก็บค่าโดยสารในราคาที่เหมาะสมหรือราคาถูกลงได้ ก่อนที่ภายหลังจะมีการแปรรูปกิจการเป็นบริษัทมหาชนจนสามารถยืนบนขาตนเองได้ไม่ต้องแบมือขอเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐ แต่บ้านเรานั้นไม่รู้เป็นไงหลักการนี้ ถึงได้บิดเบี้ยวไปจากที่ควรจะเป็น เพราะขนาดเป็นโครงการรถไฟฟ้าที่รัฐบาล จัดงบลงทุนค่าค่าก่อสร้างที่เป็นงาน Civil work ให้ทั้งหมดไปแล้ว บริษัทเอกชน เพียงจัดหาระบบรถไฟฟ้าและจัดซื้อขบวนรถมาวิ่งให้บริการและรับสัมปทานอันเป็นงาน Long term maintenance แต่ก็กลับจัดเก็บค่าโดยสารราวกับว่า เป็นผู้ลงทุนเองซะงั้น…เท็จจริงประการใด ท่านนายกรัฐมนตรี...ท่านประธานสถาบันการสร้างชาติ....ก็ลองถามผู้ว่า “ภัคพงศ์ ศิริกันทรมาศ” ผู้ว่าการรฟม.ดูเอาเองก็แล้วกัน!
กระบองเพชร

‘อธิบดีศาลอาญา’ชูสมดุลคุ้มครองสิทธิปชช.ควบคู่ปกป้องสังคม ตั้งศูนย์คุ้มครองจากภัยออนไลน์
‘ศาลอุทธรณ์ฯ’พิพากษากลับ ยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ JKN พร้อมจำหน่ายคดี
เด็กเทคนิคบุรีรัมย์โชว์แกร่ง ‘รด.' จำลองสมรภูมิเดือด ลั่นพร้อมรบช่วยทหารกล้าป้องกันแผ่นดิน
‘ไทยสร้างไทย’ตั้งเป้า 25 เก้าอี้ สส.ดันแคนดิเดตนายกฯ ย้ำร่วมรัฐบาลได้ ต้องเป็น‘พรรคสีขาว’
‘ไทยสร้างไทย’ประกาศ Restart ประเทศไทย ชูโมเดลเศรษฐกิจยุคใหม่ ล้างบางคนโกง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี