บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัทสหมิตรถังแก๊ส หรือSMPC บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของปริมาณยอดขายปี 2564-65 ที่ 10-15% (8 ล้านถังในปี 2564 และ 9.2 ล้านถังในปี 2565) แม้ว่าจะทำยอดขายใน 1Q64 เพียง 1.6 ล้านถัง (เราใช้สมมุติฐานยอดขายปีนี้ที่ 8.2 ล้านถัง และปี 2565 ที่ 9.0 ล้านถัง) ยอดขายที่ต่ำใน 1Q64 เนื่องจากลูกค้าเลื่อนคำสั่งซื้อออกไปหลังจากราคาเหล็ก และต้นทุนค่าขนส่งแพงขึ้น จนถึงขณะนี้ คำสั่งซื้อดูเหมือนจะกลับมาแล้ว และผู้บริหารคาดว่าปริมาณยอดขายใน 2Q64 จะถึง 2 ล้านถัง (อัตราการใช้กำลังการผลิต QTD อยู่ที่ประมาณ 80% จากประมาณ 70% ใน 1Q64) ทั้งนี้ บริษัทได้รับคำสั่งซื้อที่แน่นอนแล้ว 65-70% ของเป้ายอดขายปีนี้ (ที่ 8 ล้านถัง)
ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์
บริษัทใช้นโยบายการตั้งราคาขายแบบ cost plus ดังนั้นราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนที่ขยับสูงขึ้นจึงไม่น่าจะกระทบกับอัตรากำไรมากนัก (ราคาเหล็กรีดร้อนขยับเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 70% จากเมื่อสิ้นปี 2563) ในขณะเดียวกัน คำสั่งซื้อประมาณ 10% ใช้ราคา CIF (ต้นทุน, ประกัน และค่าขนส่ง) ในขณะที่คำสั่งซื้อ 90% ใช้ราคา FOB (free on board) ดังนั้น ต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น(ประมาณ 125% จากสิ้นปี 2563) จึงกระทบ SMPC ในวงจำกัด ถึงแม้ปัจจัยข้างต้นอาจจะกดดัน margin ของ SMPC บ้างแต่เราคาดว่าจะถูกชดเชยไปได้บางส่วนโดยโครงสร้างยอดขายที่มีสัดส่วนของ three-piece cylinders เพิ่มขึ้น (คิดเป็น 27% ใน 1Q64 จากระดับปกติที่ 15-20%) ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นใน 1Q64 อยู่ที่ 21.5% ดีกว่าสมมุติฐานปี้นี้ของเราที่ 21.0% ดังนั้น เรายังคงสมมุติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้
ประเด็นความท้าทายที่สำคัญคือปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งจะทำให้ต้องมีการเลื่อนคำสั่งซื้อออกไป ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกคาดว่าสถานการณ์ขาดแคลนตู้นี้จะกินเวลานานไปจนถึงสิ้นปี 2565 เป็นอย่างน้อย ซึ่งการที่สถานการณ์ขาดแคลนตู้ยืดเยื้อออกไปจะทำให้คำสั่งซื้อลดลงแม้ว่าอุปสงค์จะแข็งแกร่ง ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่ออัตรากำไรเนื่องจากการประหยัดต่อขนาดลดลง
เราแนะนำให้นักลงทุนจับตาดูราคาเหล็ก และต้นทุนค่าขนส่งรวมถึงสถานการณ์ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ การจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ (บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผล 60% ของกำไรสุทธิ และผู้บริหารตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ประมาณ 6-7%) เป็นปัจจัยเดียวที่ช่วยพยุงราคาหุ้น เราคงราคาเป้าหมาย
สิ้นปี 2565 ที่ 12.00 บาท อิงจาก PER ที่ 10.5x (ค่าเฉลี่ยในอดีต)และแนะนำ “ถือ”
ปัจจัยเสี่ยงจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ, ราคาวัตถุดิบผันผวน, นโยบายการค้า, ความเสี่ยงด้านเครดิต, ความเสี่ยงจากสินค้าแทนกัน
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี