บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นบริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ หรือTACC แม้ว่าผลการดำเนินงานจะถูกกดดันจากปัจจัยฤดูกาลและ COVID-19 ใน 3Q64 แต่กำไรสุทธิยังเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ที่ 56 ล้านบาท (+20.4% YoY, +4.4% QoQ) ส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 9M64 อยู่ที่ 156 ล้านบาท (+14.0% YoY)
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งมาจาก i) โครงสร้างยอดขายดีจากสัดส่วนสินค้าที่มี margin สูง (ยอดขายของ All Cafe คิดเป็น
สัดส่วนประมาณ 40% ของยอดขายรวม) โดยมีขนาดแก้วใหญ่ขึ้นที่ 22 oz. (จากเดิม 16 oz.) ii) ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนจากการจัดหาวัตถุดิบ และการบริหารจัดการด้าน logistic
แนวโน้มดีขึ้นในระยะต่อไป
ในการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้บริหารแสดงความมั่นใจว่า ผลการดำเนินงาน 4Q64 จะดีขึ้น QoQ เราคาดว่า กำไร TACC จะเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของทั้งธุรกิจ B2B และ B2C ในระยะต่อไป โดยธุรกิจ B2B จะได้แรงหนุนจาก i) การขยายสาขาร้าน 7-Eleven อย่างต่อเนื่องปีละ 700 ร้าน ii) ปริมาณยอดขายของ All Cafe เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และ iii) การขยายธุรกิจผ่านพันธมิตรใหม่ (Lotus’s) ซึ่งมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งในมุมมองของผู้บริโภค (ผ่านการขยายกิจการใน 1,400 สาขาร้าน Lotus’s go fresh เมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายน) เราคาดว่ายอดขายผ่าน Lotus’s go fresh จะคิดเป็นสัดส่วน 2.6% และ 13.6% ของยอดขายรวม ในปี FY64-65F สำหรับธุรกิจ B2C เราเชื่อว่าโมเมนตัมจะเป็นบวกหลังสถานการณ์โรคระบาด ปัจจุบัน ธุรกิจนี้คิดเป็นสัดส่วน 3%-4% เนื่องจากมีการจัดevents น้อยลงช่วงที่เกิดโรคระบาด เราจึงมั่นใจว่าภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะเป็นโอกาสดีที่ธุรกิจ B2C ของ TACC จะฟื้นตัวได้แข็งแกร่งจนกลับมาอยู่ระดับปกติได้ในอีกสองสามปีข้างหน้า
ปรับประมาณการกำไรปี 2564-65F
เมื่ออิงตามผลการดำเนินงานงวด 9M64 เราปรับสมมุติฐานประมาณการกำไรปีนี้ ดังนี้ i) ปรับลดยอดขายลง 8.7% เหลือ 1.32 พันล้าน บาท (จากเดิมที่ 1.45 พันล้านบาท) ii) ปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นอีก 2.8 ppts เป็น 37.8% (จากเดิม 35.0%) และ iii) ปรับเพิ่มสัดส่วนSG&A/ยอดขายเป็น 18.5% (จากเดิม 17.0%) ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลดลง 2.3% เหลือ 206 ล้านบาท (+9.3% YoY) จาก เดิมที่ 211 ล้านบาท เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F ขึ้นจากเดิม 8.8% เป็น 260 ล้านบาท (+26.4% YoY) เนื่องจากปรับเพิ่ม i) ยอดขาย ขึ้นจากเดิมอีก 0.7% เป็น 1.61 พันล้านบาท ii) อัตรากำไรขั้นต้นอีก2.0 ppts เป็น 38.0% และ iii) SG&A/ยอดขายขึ้นอีก 0.5 ppt เป็น 18.0%
เรามองบวกมากขึ้นกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในอีกสองสามปีข้างหน้า ซึ่งเป็นไปตามศักยภาพในการพัฒนาของบริษัท เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ใหม่ที่ 10.50 บาท จากเดิมที่ 10.20 บาท
ปัจจัยเสี่ยงจาก COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ และปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี