เมื่อวาน ได้นำเสนอว่าด้วยวิวาทะ “เลี้ยงไก่” และได้ขยายให้เห็นว่า ประเด็นหลักของโครงการแก้ปัญหาความยากจนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีหลายโครงการที่รัฐบาลลุงตู่กำลังทำกันอยู่ในปัจจุบันอย่างไร สร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มการลงทุนในพื้นที่ เพิ่มเงินหมุนเวียนพื้นที่อย่างไร
ปรากฏว่า มีท่านผู้อ่าน ส่งข้อเขียนของคุณ “วีระ สุดสังข์” มาแลกเปลี่ยน
ว่าด้วยด้วยเรื่อง “ลูก/ไก่”
เนื้อหาสาระสนุกสนาน เปี่ยมสติปัญญา แหลมคม น่าสนใจ
“ลูก/ไก่
สองสามปีที่แล้ว ลงมือเลี้ยงไก่บ้านและไก่พันธุ์ไข่ เลี้ยงไปเลี้ยงมา ไก่สู้หมาไม่ได้ เป็นอันว่า เลิกเลี้ยงไก่ แต่จำเป็นต้องเลี้ยงหมาไว้เฝ้าบ้าน
เมื่อครั้งเป็นครูใหม่ๆ อยู่บ้านนอกชายแดนชนบท ลงมือเลี้ยงไก่บ้าน
มีแม่ไก่ 10 ตัว พ่อไก่ตัวหนึ่ง
เพียงไม่นาน มีไก่เป็นร้อยตัว เป็นอาหารชั้นดี ต้ม ปิ้ง ย่าง ลาบ ตำมะม่วง ทั้งมีไข่ตุ๋น ไข่ต้ม ไข่ดาว ไข่เจียว เพื่อนไปมาหาสู่ก็มีไก่นี่แหละต้อนรับ เป็นอาหารชั้นดี สด สะอาด โปรตีนสูง
ตามปกติ ชาวบ้านนอกคอกนา เขาก็เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ไว้เป็นประจำอยู่แล้ว
เลี้ยงไว้กินมากกว่าเลี้ยงไว้ขาย แต่ถ้ามีมากๆ ก็ขายได้มีรายได้เสริม
สองสามปีที่แล้ว ที่ลงมือเลี้ยงไก่ เป้าหมายสำคัญ คือ อยากฝึกลูก ให้ลูกเรียนรู้ เห็นความสำคัญ เกิดความรักในงาน เมื่อโตขึ้นแม้จะอยู่ที่ไหนก็สามารถเลี้ยงไก่กินเองได้ แม้อยู่บ้านจัดสรร อยู่เมืองใหญ่ หากพอมีพื้นที่ว่าง สามารถทำกรงขังไก่ได้ 4-5 ตัว ก็สามารถเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ไว้กินไข่สดๆได้ เพราะว่าไข่เป็นอาหารประจำครัวเรือนและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ทุกวันนี้ใครๆ ต่างซื้อไข่แผง ไม่รู้ว่าเป็นไข่ที่ผ่านมากี่วันแล้ว
ผมซื้อไก่พันธุ์ไข่ ตัวที่โตแล้วและพร้อมจะวางไข่ ตัวละ250 บาท ซื้อมาก็ไข่เลย
ไก่ตัวหนึ่งให้ไข่ได้เกือบ 1,000 วัน นั่นหมายความว่าได้ไข่เกือบ 1,000 ฟอง(ถ้าไข่ทุกวัน) ถ้าขายฟองละ 3 บาท จะเป็นเงิน 3,000 บาท หักค่าหัวอาหารแล้ว ไม่ขาดทุน (คิดในแง่การค้า)
ปัญหาของไข่ไก่ เป็นปัญหาของคนเมือง ไม่ใช่ปัญหาของคนบ้านนอก
คนเมืองมักชอบความสะดวกสบาย ใช้เงินซื้อทุกอย่างสบายกว่าทำเอง แม้แต่ข้าวสุกก็ยังซื้อกิน เพราะไม่อยากหุง คนบ้านนอกที่มีนิสัยแบบคนเมืองเริ่มมีขึ้น ในครัวมีข้าวสาร มีไข่ไก่ มีเนื้อหมูมีน้ำมัน มีเครื่องปรุง แต่ไม่ทำ ทั้งทำไม่เป็นและขี้เกียจทำ จึงแล่นไปหาป้าย “หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา” ซื้อมานั่งกิน ยืนกินๆ ยัดเข้าปากจนหมดแล้วทิ้งโฟมและขวดน้ำลงถังขยะ ไม่ต้องล้างถ้วย จาน ช้อนไม่ต้องล้างแก้ว หม้อ กระทะ ฯลฯ
ในนิยายของผมเกือบทุกเรื่องกล่าวถึงการเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่
พยายามจะชี้แนะว่า หนุ่มสาวเจ้าเข้าเมืองทำไม แบ่งที่นาสักไร่หนึ่งมาลงมือเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ไม่ดีกว่าหรือ?
เป็ดไก่ตัวเป็นๆ กก.ละ ไม่ต่ำกว่า 100 บาท ทำไมชาวนาเอาแต่ปลูกข้าว กก.ละไม่ถึง 10 บาท เรื่องเป็ดเรื่องไก่ไม่ต้องกลัวล้นตลาด ไม่ต้องกลัวขายไม่ออก
เห็นนายกฯ ชี้แนะให้เลี้ยงไก่ 2 ตัว เห็นคนหัวเราะเยาะ
ผมก็นึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน
การเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ มันเป็นเรื่องโง่ เป็นเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นหรือ?
แล้วที่ซื้อไข่ไก่ซีพีกินทุกวันนี้ เป็นเรื่องฉลาดอย่างนั้นหรือ?
หรือว่าอำนาจแห่งบริโภคนิยมมันได้ครอบงำพวกเราไปหมดแล้ว
การเลี้ยงไก่ การปลูกผักกินเองกลายเป็นเรื่องตลกน่าเย้ยหยัน
นี่คือปัญหาความคิดและจิตใจของคนเมืองโดยแท้
ชาวบ้านยังเป็นชาวบ้าน ยังยึดถือวิถีมาแต่โบราณ ตั้งแต่ยุคก่อน “ผู้ใหญ่ลี” จนผ่านยุคผู้ใหญ่ลีมาถึงวันนี้ ครอบครัวส่วนใหญ่ปลูกพืชผักกินเอง เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่กินเอง ชาวบ้านซึ่งไม่มีเงินเดือน เขาจึงอยู่กันมาได้ ทั้งสามารถส่งลูกหลานเรียนหนังสืออีกด้วย (เรียนจบแล้วทำอะไรไม่เป็น)
ผมรอให้หมาที่บ้านสิ้นอายุขัยตามวัยของมัน และจะไม่เลี้ยงหมาอีก แต่จะหันมาเลี้ยงไก่บ้านอีกครั้ง
ไม่ตั้งใจเลี้ยงขาย หากจะเลี้ยงกินในครอบครัว ฝึกลูกจนเป็นนิสัยสามารถสร้างอาหารแก่ตนเองได้ ให้เป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่หัวเราะเยาะเรื่องการทำมาหากินแบบชาวบ้าน”
ข้อเขียนของคุณ “วีระ สุดสังข์” ข้างต้น อุดมด้วยข้อเท็จจริงแห่งชีวิต และแฝงแง่คิดคมคาย
การเลี้ยงไก่ ไม่ใช่อาชญากรรม หากแต่คนไหนเลี้ยง คนนั้นก็ได้กิน ได้สัมผัสจริงๆ ว่ามันสอดคล้องกับวิถีชาวบ้าน ตามที่นายกฯ แนะนำให้เลี้ยงเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวชาวบ้านในต่างจังหวัด มีลานบ้าน มีหลังบ้าน มีพื้นที่ทำสวนปาล์ม สวนยาง ทำการเกษตรอยู่แล้ว ก็เลี้ยงไก่ไว้กินกันไปเป็นวิถีชีวิตปกติ
ถ้าไหนไข่แพง ไก่แพง ก็ไม่เดือดร้อน
แต่ที่ผิดปกติ คือ พวกคนเมืองประเภทที่บ้าการเมือง อคติจนไม่ดูบริบทเรื่องราว รวมถึงเจตนาจะบิดเบือน เพราะนิยม “เลี้ยงตัวเงินตัวทองทางการเมือง” ที่แกล้งโง่ ชอบเผือก หรือดักดานเกินกว่าจะเข้าใจ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี