ตลอดชีวิตการทำงานประจำ ผมย้ายงานทั้งสิ้น2 ครั้ง ครั้งแรกย้ายจากโรงงานไปทำบริษัทที่ปรึกษา และครั้งที่สองย้ายจากบริษัทที่ปรึกษาไปทำบริษัทก่อสร้าง
การย้ายงานครั้งแรกนั้น ย้ายเพราะเป้าหมายอยากสร้างบริษัทที่ปรึกษาที่มีมาตรฐาน จึงยอมลดเงินเดือนเล็กน้อย เพื่อโอกาสในการเรียนรู้
ส่วนการย้ายงานประจำครั้งที่สองนั้น เกิดจากความผิดพลาดที่วางแผนเรื่องการเงินไม่ดี คือ กะว่าจะไม่ทำงานประจำแล้ว แต่สุดท้ายรายได้ไม่พอกิน จึงต้องกลับมาทำงานประจำอีกครั้ง
และนั่นจึงเป็นที่มาของการวางแผนอย่างดีก่อนการลาออกครั้งสุดท้าย
ตอนอายุ 29 ปี ผมวางแผนที่จะไม่ทำงานประจำอีกต่อไป เพราะต้องการเวลาที่มากขึ้นสำหรับกิจการของตัวเอง เพื่อจะได้หาเงินมาปลดหนี้ได้เร็วขึ้น
ก่อนลาออก ... ผมตั้งคำถามง่ายๆ กับตัวเองว่ารายจ่ายต่อเดือนตกเดือนละเท่าไหร่ จากนั้นก็หาคำตอบให้กับตัวเองว่า จะหารายได้มาจากแหล่งไหนบ้างเพื่อให้พอใช้จ่าย
ตอนนั้นผมมีรายจ่ายต่อเดือนตก 30,000 บาท (ไม่นับรวมหนี้ครอบครัวที่ยังมีอยู่ในช่วงนั้น) ผมวางแผนสร้างรายได้จากงานที่ปรึกษาและผู้ตรวจประเมินเป็นหลัก (ตามทักษะที่มีและสะสมมา) สมัยนั้นรายได้จากการตรวจประเมินและที่ปรึกษาแบบฟรีแลนซ์ (รับงานเขาต่อมาอีกที) ตกวันละ 5,000-8,000 บาท ผมจึงคิดเอาง่ายๆ ว่า หางานให้ได้สัก 8 วันต่อเดือน ผมก็พอเลี้ยงตัวเองได้
สิ่งที่ทำก็คือ ติดต่อบริษัทที่ปรึกษาและตรวจประเมินรวม 4 แห่ง เพื่อรับงาน และขอ Fix วันทำงานกับแต่ละแห่งอยู่ที่ 3 วัน เป็นอย่างน้อย ซึ่งแต่ละแห่ง
ก็ตกลง (เป็นผลจากการเจรจา) และทำให้ผมมีรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนแม้จะเป็นฟรีแลนซ์ก็ตาม
นอกจากนี้ผมยังรับงานตรงจากลูกค้าเองบางส่วนในวันที่เหลือ ซึ่งก็เหมือนเป็นโบนัสที่ทำให้รายได้เยอะขึ้นไปอีก
การมีช่องทางรายได้จากผู้ว่าจ้างหลายราย ทำให้เราไม่ต้องไปฝากชีวิตไว้กับใครเป็นพิเศษ และทำให้การบริหารเงินของเราง่ายขึ้น และมีเวลามากขึ้น สำหรับ
การสร้างธุรกิจที่ผมต้องการให้มาทดแทนรายได้ฟรีแลนซ์เหล่านี้ในอนาคต
สุดท้ายผมแอบตั้งคำถามกับตัวเองว่า แม้จะคุยกับทุกแหล่งรายได้ไว้หมดแล้ว แต่หากเกิดปัญหา เขาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเราไม่ได้หละ จะทำอย่างไร?
คำตอบง่ายๆ ก็คือ เราต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ผมเตรียมเงินสำรองไว้ให้ได้อย่างน้อย 1 ปี
หัวใจสำคัญการวางแผน ก็คือ พึ่งตนเอง อย่าฝากชีวิตและรายได้ของเราไว้กับใคร (มิฉะนั้นซวย)
ทั้งหมดคือแผนการลาออกครั้งสุดท้ายของผมที่ไม่ได้มีอะไรวิจิตรพิสดาร แต่เน้นและโฟกัสที่“ความเสี่ยง” ของการขาดหายไปของรายได้ และการมีเงินสำหรับสำรองชีวิตเป็นสำคัญ
ไม่แนะนำให้ใครลาออกจากงาน หากไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน และแผนการที่ดี โดยเฉพาะแผนการเงินนะครับ ผมมีวันนี้ได้ เพราะได้อะไรดีๆ จากการทำงานประจำเยอะอยู่เหมือนกัน
ถ้าอยากลาออกจากงาน ผมแนะนำให้ลาออกเพราะมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่า หรือท้าทายกว่า และมีอะไรที่รออยู่ข้างหน้าที่สอดคล้องกับแผนการในชีวิตมากกว่า
อันนั้นน่าจะทำให้ชีวิตเราก้าวไปข้างหน้าได้มากกว่าการย้ายงานเพราะเบื่อ หรือเพราะเงินเดือนน้อยครับ
#TheMoneyCoachTH
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี