วันศุกร์ ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์โลกธุรกิจ / หมุนตามทุน
หมุนตามทุน

หมุนตามทุน

วันพุธ ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.
เสียงสะท้อนจากสภาหอการค้าไทยถึงว่าที่รัฐบาลใหม่

ดูทั้งหมด

  •  

nn เศรษฐกิจไทยปี 2566 คงต้องยอมรับว่าเติบโตได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้พอสมควร...ซึ่งผลกระทบแน่นอนว่ามาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา โดยเฉพาะเศรษฐกิจของสหรัฐและจีนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย และเป็นการส่งออกสำคัญของสินค้าไทย แต่ไม่เพียงแค่ปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบ ปัจจัยภายในประเทศก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องของการเมือง ที่ขณะนี้แม้จะมีการเปลี่ยนมือแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นได้โดยเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ

ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเสียงสะท้อนมาจากภาคเอกชนไทยหลายครั้ง โดยเฉพาะจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)ที่ประกอบไปด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าไทย และล่าสุด คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย...ก็ได้ออกมาย้ำอีกว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำนั้น ตนทราบมาว่า มีการรวมเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาล รวม 9 พรรคและคาดว่าจะมีพรรคการเมืองและวุฒิสภาให้การสนับสนุนเพิ่มเติมจนสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยได้


แต่สิ่งสำคัญคือเสถียรภาพของรัฐบาลที่จะต้องมีเสียงเพียงพอและเข้มแข็ง เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความต่อเนื่องหากพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันหอการค้าฯ ยังมีความมั่นใจว่าประเทศน่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ได้ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่ช้าเกินไป โดยหอการค้าไทยมองว่าไทยควรมีรัฐบาลชุดใหม่ให้เร็วที่สุด เพราะปัจจุบันประเทศมีประเด็นความท้าทายสำคัญหลายประการ ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไทยกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวขึ้น การลงทุนยังคง wait and see ท่ามกลางความผันผวน ไม่แน่นอนและมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง รวมถึงภาวะสงครามที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้ถือเป็นความเสี่ยงรอบด้านของเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญอยู่

ทั้งนี้ ข้อเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่จำเป็นต้องดูแลทันทีคือการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน และลดต้นทุนภาคเอกชนทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า ที่ยังอยู่ในระดับสูง และการเผชิญกับปัญหาภาคการส่งออกที่ชะลอตัวติดลบต่อเนื่อง 8-9 เดือน

นอกจากนี้ รัฐบาลใหม่จำเป็นต้องเร่งเสริมความโดดเด่นภาคการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายและถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของปี ทั้งการอำนวยความสะดวกเรื่องการทำวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีนให้รวดเร็ว การเพิ่มเที่ยวบินรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงดังกล่าว รวมถึงเร่งจัดทำงบประมาณรายจ่าย 2567ให้เกิดความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนแผนงานต่างๆ ทั่วประเทศ ตลอดจนเร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ จากต่างชาติซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงาน และเป็นผลดีต่อตัวเลขการส่งออกในอนาคต

ส่วนในระยะกลางต้องวางแผนและป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้งอย่างจริงจัง ทั้งนี้ กกร. ได้ประเมินว่าภัยแล้งน่าจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจประมาณ 5.3 หมื่นล้านบาท รัฐบาลใหม่จึงจำเป็นต้องเตรียมแผนบริหารจัดการทั้งพื้นที่และการกักเก็บน้ำที่เหมาะสม รองรับความต้องการของภาคการเกษตร ภาคบริการ และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงปีหน้า ตลอดจนสานต่อข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศที่ไทยได้เริ่มดำเนินการกับหลายประเทศ เพื่อเร่งขยายตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะ FTA ไทย-EU และอีกหลายฉบับ
โดยเอกชนมองว่าจะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของไทยในเวทีโลกมากขึ้น

ส่วนในระยะยาว ต้องเริ่มปูพื้นฐานความรู้ความเข้าใจของทุกภาคส่วนถึงประเด็นการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เพราะรูปแบบการค้าของโลกจะเปลี่ยนไป วันนี้เห็นได้ชัดว่ามาตรฐานที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสังคมกลายเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไทยต้องเร่งปรับตัวให้ทัน โดยเฉพาะการส่งเสริมแนวทาง BCG และ ESG ให้มีรูปแบบและมาตรฐานสากล

“เศรษฐกิจภายในประเทศต้องยอมรับว่ายังคงน่ากังวล โดยเฉพาะกำลังซื้อของประชาชนที่สะท้อนจากการซื้อสินค้าคงทนตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนมีแนวโน้มลดลง เป็นสัญญาณว่าประชาชนไม่มีรายได้และระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น สถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทันทีเช่นเดียวกับที่เคยทำในช่วงที่ผ่านมาเช่น โครงการคนละครึ่ง เพื่อดึงกำลังซื้อของประชาชนให้กลับมา ขณะที่คุณสมบัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังถือเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่ภาคเอกชนอยากเห็นว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และเป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วนว่าจะสามารถนำเสนอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตอบโจทย์ประชาชนอย่างรวดเร็วและตรงจุด”

ดังนั้น หากรัฐบาลใหม่ที่คาดว่าพรรคเพื่อไทยสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และนำเอานโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท มาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจแบบทันทีนั้น หอการค้าฯ มองว่าในหลักการสามารถทำได้ แต่ต้องประเมินผลความคุ้มค่าในแง่เศรษฐกิจให้ชัดเจนและรอบด้านเพราะเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมหาศาล

สภาหอการค้าไทย มีข้อคิดเห็นว่า1.การอัดฉีดเม็ดเงินไปยังกลุ่มผู้มีอายุ 16 ปี ขึ้นไปน่าจะอยู่ราว 50 ล้านคน หากใช้เงิน 1 หมื่นบาทต่อคนจะต้องใช้งบประมาณราว 5 แสนล้านบาท ซึ่งในหลักการการอัดฉีดเม็ดเงินดังกล่าวเข้าถึงมือประชาชนโดยตรงจะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยหอการค้าฯประเมินว่า ทุกๆ 1-1.5 แสนล้านบาท จะช่วยกระตุ้นจีดีพีได้ 1% ดังนั้น โครงการดังกล่าวน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 2.5-3% เกิดเม็ดเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 3-4 รอบ แต่อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวยังมีข้อเป็นห่วงจากหลายฝ่าย ทั้งที่มาของแหล่งงบประมาณว่าจะมาจากแหล่งใด จะกระทบต่อฐานะการคลังมากน้อยแค่ไหนซึ่งจะต้องมีความชัดเจนในส่วนนี้ โดยหอการค้าฯ ขอให้มีการพิจารณาแนวทางการใช้นโยบายที่จะช่วยสนับสนุนและจูงใจผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีให้ถูกต้องมากขึ้น โดยปัจจุบันร้านค้าขนาดกลาง และขนาดเล็ก ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าสู่ระบบภาษีที่ถูกต้อง เพื่อเป็นการขยายฐานภาษีและจัดเก็บรายได้ให้กับประเทศเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป

2.พิจารณาการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท แบบพุ่งเป้าไปยังกลุ่มที่เดือดร้อนหรือมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องได้รับการช่วยเหลือก่อน เพราะจะได้ไม่ต้องใช้งบประมาณที่สูงจนเกินไป และนำงบประมาณบางส่วนไปใช้เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การจ้างงาน หรือการลงทุนในสาธารณประโยชน์จะเกิดความคุ้มค่ากว่าหรือไม่ ภายใต้การคำนึงถึงความคุ้มค่าและไม่สร้างภาระทางการคลังของประเทศ

กระบองเพชร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
21:17 น. กรมการปกครอง เซ็นอนุมัติ 'ผู้กองแคท' ลาออกจากราชการแล้ว
21:13 น. ‘โฆษกรัฐบาล’ แจงยิบ ‘นายกฯ’ เดินหน้าเต็มสูบ ปราบ ‘สแกมเมอร์ข้ามชาติ’ พร้อมผนึกกำลังนานาชาติ
21:08 น. สะเทือนเกาหลี! แฉพิกัดตึก'ปรินซ์ กรุ๊ป'ผงาดกลางกรุงโซล เบอร์ติดต่อรหัสกัมพูชา
20:48 น. (คลิป) 'เจ๊ปอง'ขุดรากถอนโคน 'ออกญาเฉินจื้อ'ตั้งแต่ไอ้เด็กบ้านนอกสู่ที่ปรึกษาใหญ่ฮุนเซน
20:45 น. (คลิป) ปิดกิจการกะทันหัน! ศูนย์สแกมเมอร์ในสีหนุวิลล์ ขนคน-ของ แยกย้ายออกจากพื้นที่กลางดึก
ดูทั้งหมด
บุกจับ'เสี่ยบอย'พร้อมเมีย! รองหัวหน้าพรรคการเมืองดังเปิดตลาดเถื่อน ทุบของหลวงสร้างพื้นที่
‘กรรชัย’เป็นดาราไม่ใช่สื่อ ‘ใบตองแห้ง’อัด‘สัญลักษณ์ยุคตกต่ำ’
ร้านอาหารจีนในไทยสวนกระแสทูตจีน ติด'หน้าฮุนเซน'พื้นทางเข้าร้าน ลูกค้าทั้งเหยียบทั้งขยี้ฉ่ำ
จาก‘โรฮิงแยม’ถึง‘พี่อังคณา’ สะท้อนความเข้าใจ‘สิทธิมนุษยชน’
'สิทธิชัย สันติวิจิตร'จี้'ม.นครพนม'ทบทวนมอบปริญญากิตติมศักดิ์ 'ก้อง ห้วยไร่'
ดูทั้งหมด
รวมพลังปกป้อง‘รธน.ฉบับปราบโกง’
บันไดหนีไฟ คอนโดฯ หนีตาย หรือหนีไปตาย?
กินแห้ว
ยึดคืนแผ่นดินไทย อย่างมีจังหวะ ปิดจ๊อบ ก่อนมหาอำนาจบีบสันติภาพจอมปลอม
บุคคลแนวหน้า : 17 ตุลาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘โฆษกรัฐบาล’ แจงยิบ ‘นายกฯ’ เดินหน้าเต็มสูบ ปราบ ‘สแกมเมอร์ข้ามชาติ’ พร้อมผนึกกำลังนานาชาติ

สะเทือนเกาหลี! แฉพิกัดตึก'ปรินซ์ กรุ๊ป'ผงาดกลางกรุงโซล เบอร์ติดต่อรหัสกัมพูชา

(คลิป) 'เจ๊ปอง'ขุดรากถอนโคน 'ออกญาเฉินจื้อ'ตั้งแต่ไอ้เด็กบ้านนอกสู่ที่ปรึกษาใหญ่ฮุนเซน

(คลิป) ปิดกิจการกะทันหัน! ศูนย์สแกมเมอร์ในสีหนุวิลล์ ขนคน-ของ แยกย้ายออกจากพื้นที่กลางดึก

'สุชาติ'ฮึ่ม!!! สั่งสืบหาคนกระทำผิด หลังพบกะโหลกค่างอื้อ ในป่ามรดกโลก อช.แก่งกระจาน

'โดม ปกรณ์ ลัม'เล่าเคยเห็น'ตึกสแกมเมอร์'ด้วยตาเนื้อ ผวากลัวโดนลักพาตัว-ไม่กล้าต่อเน็ตโรงแรม

  • Breaking News
  • กรมการปกครอง เซ็นอนุมัติ \'ผู้กองแคท\' ลาออกจากราชการแล้ว กรมการปกครอง เซ็นอนุมัติ 'ผู้กองแคท' ลาออกจากราชการแล้ว
  • ‘โฆษกรัฐบาล’ แจงยิบ ‘นายกฯ’ เดินหน้าเต็มสูบ ปราบ ‘สแกมเมอร์ข้ามชาติ’ พร้อมผนึกกำลังนานาชาติ ‘โฆษกรัฐบาล’ แจงยิบ ‘นายกฯ’ เดินหน้าเต็มสูบ ปราบ ‘สแกมเมอร์ข้ามชาติ’ พร้อมผนึกกำลังนานาชาติ
  • สะเทือนเกาหลี! แฉพิกัดตึก\'ปรินซ์ กรุ๊ป\'ผงาดกลางกรุงโซล เบอร์ติดต่อรหัสกัมพูชา สะเทือนเกาหลี! แฉพิกัดตึก'ปรินซ์ กรุ๊ป'ผงาดกลางกรุงโซล เบอร์ติดต่อรหัสกัมพูชา
  • (คลิป) \'เจ๊ปอง\'ขุดรากถอนโคน \'ออกญาเฉินจื้อ\'ตั้งแต่ไอ้เด็กบ้านนอกสู่ที่ปรึกษาใหญ่ฮุนเซน (คลิป) 'เจ๊ปอง'ขุดรากถอนโคน 'ออกญาเฉินจื้อ'ตั้งแต่ไอ้เด็กบ้านนอกสู่ที่ปรึกษาใหญ่ฮุนเซน
  • (คลิป) ปิดกิจการกะทันหัน! ศูนย์สแกมเมอร์ในสีหนุวิลล์ ขนคน-ของ แยกย้ายออกจากพื้นที่กลางดึก (คลิป) ปิดกิจการกะทันหัน! ศูนย์สแกมเมอร์ในสีหนุวิลล์ ขนคน-ของ แยกย้ายออกจากพื้นที่กลางดึก
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

หมุนตามทุน : ภาษีเหล็ก 50% ของสหรัฐฯ...กระทบไทยหนัก

หมุนตามทุน : ภาษีเหล็ก 50% ของสหรัฐฯ...กระทบไทยหนัก

15 ต.ค. 2568

หมุนตามทุน : ยังพอลงทุนได้อีกหรือเปล่า???

หมุนตามทุน : ยังพอลงทุนได้อีกหรือเปล่า???

8 ต.ค. 2568

หมุนตามทุน : จับตา...อนาคตอุตสาหกรรมไทย

หมุนตามทุน : จับตา...อนาคตอุตสาหกรรมไทย

1 ต.ค. 2568

หมุนตามทุน : สแกน 3 ผู้ท้าชิงเก้าอี้ ‘ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.’

หมุนตามทุน : สแกน 3 ผู้ท้าชิงเก้าอี้ ‘ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.’

24 ก.ย. 2568

หมุนตามทุน : เครือซีพีผนึกกำลัง..สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

หมุนตามทุน : เครือซีพีผนึกกำลัง..สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

17 ก.ย. 2568

หมุนตามทุน : กลุ่มเหล็ก...เดินหน้าหนุนกระทรวงอุตสาหกรรม

หมุนตามทุน : กลุ่มเหล็ก...เดินหน้าหนุนกระทรวงอุตสาหกรรม

10 ก.ย. 2568

หมุนตามทุน : สาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตแซงหน้าไทย

หมุนตามทุน : สาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตแซงหน้าไทย

3 ก.ย. 2568

หมุนตามทุน : ​ม.ค.-ก.ค.ต่างชาติเข้ามาลงทุน1.5 แสนล้านบาท 30%เข้าไปในพื้นที่EEC-ญี่ปุ่นยังคงยืนหนึ่ง

หมุนตามทุน : ​ม.ค.-ก.ค.ต่างชาติเข้ามาลงทุน1.5 แสนล้านบาท 30%เข้าไปในพื้นที่EEC-ญี่ปุ่นยังคงยืนหนึ่ง

27 ส.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved