วันพุธ ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาท ณ วันที่ 20 กันยายน เปิดตลาดซื้อในช่วงเช้าที่ระดับ 36.07 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.95 บาทต่อดอลลาร์ และกรอบเงินบาทวันที่ 20 ก.ย. จะเคลื่อนไวในระดับ 36.00-36.15 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และประเมินกรอบเงินบาท ในช่วง 35.80-36.30 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC
ทั้งนี้ในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในช่วง 35.92-36.08 บาทต่อดอลลาร์) ตามจังหวะการปรับตัวขึ้นของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐและเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์10 ปี สหรัฐและเงินดอลลาร์ก็เป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุม FOMC ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯนี้ ตามเวลาในประเทศไทย
นายพูนกล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท การอ่อนค่าของเงินบาทในวันก่อนหน้าเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย โดยเงินบาทอ่อนค่าหนักกว่าสกุลเงินเอเชียอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจมาจากปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากแรงขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะพันธบัตร (บอนด์) หลังนักลงทุนต่างชาติต่างไม่มั่นใจต่อแนวโน้มปริมาณการออกบอนด์ของรัฐบาล นอกจากนี้ แรงขายเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้ส่งออกได้ชะลอลงไปมาก เนื่องจากผู้ส่งออกส่วนใหญ่อาจทยอยขายเงินดอลลาร์ไปพอสมควรแล้วในช่วงก่อนหน้า ทำให้การอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 35.85 บาทต่อดอลลาร์ เปิดทางให้เงินบาทอ่อนค่าทดสอบ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทที่มากกว่าคาดนั้น ได้เปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถอ่อนค่าต่อทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 36.30 บาทต่อดอลลาร์ได้เช่นกัน ซึ่งต้องจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติว่าจะเดินหน้าเทขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนบอนด์ หลังบอนด์ยีลด์ฝั่งสหรัฐยังคงปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดีเงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่ต่างรอลุ้น ผลการประชุม FOMC ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 21 ก.ย.
โดยเงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อได้บ้าง หาก Dot Plot ใหม่ ชี้ว่าเฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 1 ครั้งในปีนี้ และเฟดอาจไม่ได้ลดดอกเบี้ยลงเกินกว่า -1% ในปีหน้า ตามที่เคยประเมินไว้ใน Dot Plot เดือนมิถุนายน ซึ่งภาพดังกล่าวอาจหนุนให้เงินบาททยอยอ่อนค่าทดสอบโซน 36.30 บาทต่อดอลลาร์ได้ ขณะที่ หาก Dot Plot ใหม่ ไม่ได้ชี้ว่า เฟดพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือสะท้อนว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยลงราว -1% (หรือมากกว่านั้น) ในปีหน้า เราคาดว่าเงินดอลลาร์อาจย่อตัวลงบ้าง หนุนให้เงินบาทมีโอกาสกลับมาแข็งค่าหลุดระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้เช่นกัน
“ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน แนะนำผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option และการเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง” นายพูนกล่าว
ขณะเดียวกัน ทางด้านตลาดค่าเงินเงินดอลลาร์ทยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐและภาวะปิดรับความเสี่ยงในตลาด
การเงินโดยรวมที่ยังหนุนการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 105.1 จุด (กรอบ 104.8-105.2 จุด)
นายพูนกล่าวว่า สำหรับวันที่ 20 ก.ย. ก่อนที่ผู้เล่นในตลาดจะรับรู้ผลการประชุม FOMC ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจต่อรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษรวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของทั้ง ธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) และ ECB ซึ่งปัจจุบันผู้เล่นในตลาดต่างเริ่มคาดการณ์ว่า ทั้งสองธนาคารกลางอาจใกล้ถึงจุดยุติการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยแล้ว หลังเศรษฐกิจชะลอตัวลงมากขึ้น
ส่วนไฮไลต์สำคัญที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ผลการประชุม FOMC ซึ่งจะรับรู้ในช่วงเวลา 01.00 น. ตามเวลาในประเทศไทยของเช้าตรู่วันพฤหัสฯ โดยประเมินว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินจะผันผวนไปตาม การปรับคาดการณ์เศรษฐกิจ และคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) โดยแนวโน้มการชะลอตัวลงต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอาจทำให้เฟดปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE ลงบ้างในปีนี้และปีหน้า แต่การปรับตัวขึ้นของราคาพลังงานในช่วงที่ผ่านมาอาจทำให้เฟดคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป หรือปรับขึ้นเล็กน้อยในปีนี้ ขณะเดียวกัน รายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ยังคงสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าคาดอาจทำให้เฟดไม่ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน ในส่วนของ Dot Plot ใหม่อาจสะท้อนว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วตามแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในส่วนการจ้างงาน ซึ่งล่าสุดอาจได้รับผลกระทบจากการหยุดงานประท้วงของสหภาพแรงงานยานยนต์(United Auto Workers:UAW) อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่รัฐบาลสหรัฐ อาจเผชิญภาวะGovernment Shutdown ในช่วงปลายปีได้
ทั้งนี้ ไม่ปิดโอกาสที่ Dot Plot ใหม่จะยังคงชี้ว่า เฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ 1 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะไม่ต่างจาก Dot Plot ก่อนหน้า เนื่องจากการประท้วงของ UAW หากประสบความสำเร็จก็อาจยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอลงช้า ตามการปรับเพิ่มขึ้นค่าแรง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาพลังงานก็มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น หาก Dot Plot ใหม่ ไม่ได้ชี้ว่า
เฟดพร้อมขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้ง ในปีนี้และลดดอกเบี้ยลง -1% ตามที่ประเมินไว้ใน Dot Plot ครั้งก่อน เงินดอลลาร์ก็อาจไม่ได้แข็งค่าขึ้นมากนักหรืออาจทรงตัว sideway
กระบองเพชร

'นายกฯ'บอก'อ๋อ ครับ'หลังรู้'ศรีสุวรรณ'ยื่น'ป.ป.ช.'ร้องรัฐบาลล้มเหลวบริหารจัดการน้ำท่วมใต้
บุญรักษา! จนท.ช่วยทันเวลา 2 ลูกช้างพลัดหลง 'ตัวแรกถูกควายเผือกขวิด-อีกตัวติดบ่วง'
ไม้ อ.อ.ป.ช่วยชาวใต้! ทส.เตรียมทำเฟอร์นิเจอร์จากไม้ ส่งให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม
แอน อลิชา โพสต์สั้นๆแต่จุกอก หลัง นานา ถูกบุกจับคาบ้าน
เชาว์ บี้ สภาทนายความ เปิดชื่อทนายอินฟลูถูกลบชื่อ พักใบอนุญาต ชี้ ลงดาบแล้วปิดชื่อ ไม่ช่วยกู้ศรัทธา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี