วันเสาร์ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์โลกธุรกิจ / กฎ กติกา ธุรกิจ
กฎ กติกา ธุรกิจ

กฎ กติกา ธุรกิจ

รุจิระ บุนนาค
วันศุกร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2566, 02.00 น.
เบื้องลึกประเทศอินเดีย เปลี่ยนชื่อเป็น ประเทศภารัต

ดูทั้งหมด

  •  

นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของอินเดีย ได้แสดงออกถึงนโยบายเปลี่ยนชื่อประเทศจาก “อินเดีย” เป็น “ภารัต” ลงในบัตรเชิญผู้นำกลุ่มประเทศ G 20 ที่นายกรัฐมนตรีอินเดีย เป็นประธาน และเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำในคืนวันที่ 9 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา  

ในบัตรเชิญได้ระบุตำแหน่ง นางเทราปที มุรมู ประธานาธิบดีของอินเดียว่า “ประธานาธิบดีแห่งภารัต” ซึ่งเป็นนัยวาระเริ่มแรกของรัฐบาลที่จะเปลี่ยนชื่อประเทศ “อินเดีย” ที่คนรู้จัก
กันทั่วโลกเป็น “ประเทศภารัต” แม้บนเว็บไซต์ของรัฐบาลและหน่วยงานรัฐของอินเดียจะยังคงใช้ชื่อว่า “รัฐบาลอินเดีย”


คำว่า ประเทศอินเดีย เป็นคำที่กล่าวถึงประเทศอินเดีย เมื่อติดต่อกับต่างประเทศ แต่เมื่อกล่าวถึงประเทศอินเดีย กับคนในประเทศ จะใช้คำว่า ประเทศภารัต

ในบทแรกของรัฐธรรมนูญประเทศอินเดีย ได้กล่าวไว้ว่า “India that is Bharat shall be a Union of States” มีความหมายว่า อินเดีย คือ ภารัต ซึ่งเป็นสหภาพแห่งรัฐ

อินเดียได้ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษนานนับ 200 ปี ในช่วงนั้นรัฐบาลอังกฤษที่บริหารประเทศ ได้ตั้งกรมอินเดีย ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษเพื่อดูแลและรักษาผลประโยชน์ของอังกฤษในอินเดีย ความเป็นจริงแล้ว หมายถึงการดูแลเพื่อนำทรัพยากรจากอินเดีย ไปให้อังกฤษ รวมทั้งการค้าขายที่เกี่ยวข้องกับอินเดีย

อังกฤษเป็นผู้ริเริ่มให้เรียกชื่อประเทศเป็น อินเดีย ในความรู้สึกลึกๆ ของคนอินเดีย คำว่าประเทศอินเดีย เป็นร่องรอยของอาณานิคมอังกฤษ

แต่เดิมอินเดียเป็นประเทศที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล เมื่ออังกฤษเข้ามาปกครองอินเดีย ในฐานะที่เป็นอาณานิคมอังกฤษได้ใช้นโยบายการปกครองแบบที่ใช้กับประเทศอาณานิคมอื่นๆ นั่นคือ แบ่งแยกเพื่อปกครอง (Divide and Rule)

อังกฤษได้ใช้วิธีปกครอง โดยแบ่งแยกพื้นที่ ที่คนอินเดียส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู กับส่วนที่คนอินเดียนับถือศาสนาอิสลาม

ร่องรอยนี้จะเห็นได้เมื่ออังกฤษคืนเอกราชให้กับอินเดีย เมื่อพ.ศ. 2490 อังกฤษได้แบ่งแยกประเทศอินเดียออกเป็น ประเทศอินเดีย และประเทศปากีสถาน และนับเป็นการแบ่งแยก ประเทศที่ประหลาดมาก เพราะประเทศอินเดียจะอยู่ตรงกลาง ดินแดนทางด้านตะวันตก เป็นประเทศปากีสถาน และดินแดนทางด้านตะวันออกก็เป็นประเทศปากีสถานเช่นกัน

ทำให้ประเทศปากีสถาน มีดินแดน 2 ส่วน ที่ไม่ติดกันโดยมีประเทศอินเดียคั่นกลาง ในที่สุดประเทศปากีสถานทางด้านตะวันออกได้แยกประเทศออกเป็น ประเทศ
บังกลาเทศ ในปัจจุบัน

ประเทศปากีสถานได้ แสดงเจตนารมณ์ว่า หากประเทศอินเดียเปลี่ยนชื่อเป็น ประเทศภารัต เป็นการถาวร ประเทศปากีสถานจะเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น ประเทศอินเดีย โดยอ้างข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่า คำว่า อินเดีย มาจากคำว่า สินธุ คำว่าประเทศอินเดีย จึงหมายความถึงดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำสินธุ

เมื่อประเทศปากีสถานแยกออกจากประเทศอินเดียแล้ว ตามข้อเท็จจริง ปัจจุบันถือว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศปากีสถาน อยู่แถบลุ่มแม่น้ำสินธุ ซึ่งประเทศอินเดียในปัจจุบันแทบไม่มีดินแดนอยู่แถบลุ่มแม่น้ำสินธุ (เดิมปากีสถานเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย จึงไม่มีปัญหาถกเถียงในประเด็นนี้)

หากประเทศปากีสถานเปลี่ยนชื่อเป็น ประเทศอินเดีย คงจะสร้างความสับสน เป็นอย่างมากในการติดต่อระหว่างประเทศ ทั้งในภาคเอกชน และภาครัฐบาล

อินเดียจะมีการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในระหว่างเดือนเมษายน ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 ปี พรรคฝ่ายค้าน จำนวน 26 พรรค ได้รวมตัวกันเป็นพันธมิตรใช้ชื่อย่อว่า INDIA ซึ่งเป็นชื่อย่อจากคำว่า Indian National Development Inclusive Alliance เพื่อสู้กับพรรคภารติยะชนตะ ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมขวาจัด ของนายกรัฐมนตรีอินเดียคนปัจจุบัน

จึงอาจเป็นไปได้ว่า พันธมิตรพรรคฝ่ายค้าน 26 พรรคใช้ชื่อย่อว่า INDIA ซึ่งมีเสียงเรียกขานตรงกับชื่อประเทศ เพื่อสร้างกระแสความรักชาติ ชาตินิยม นายกรัฐมนตรีอินเดียซึ่งเป็นฝ่ายพรรคอนุรักษ์นิยม และเป็นพรรครัฐบาล จึงต้องหาวิธีแก้เกม ทางการเมืองด้วยการเปลี่ยนชื่อประเทศ จากประเทศอินเดีย เป็นประเทศภารัต ฉะนั้นอาจจะเป็นเหตุให้พ่ายแพ้การเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในปีหน้าได้

ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศอินเดียอย่างแนบแน่น ในปีพ.ศ. 2564 มูลค่าการค้า ระหว่างสองประเทศสูงถึง 473,966 ล้านบาท ประเทศไทยเกินดุลถึง65,377 ล้านบาท เฉพาะใน ปีพ.ศ. 2566 ประเมินว่า มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศ จะไม่ต่ำกว่า 420,000 ล้านบาท

การเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ยาก ประเทศไทยเองเคยเปลี่ยนชื่อมาแล้วเช่นกัน เดิมใช้ชื่อว่า ประเทศสยาม ต่อมาเปลี่ยนเป็นประเทศไทย ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Thailand ประชากรของประเทศเรียกว่า คนไทย

หลายประเทศได้เคยเปลี่ยนเช่น ประเทศฮอลแลนด์ (Holland) เปลี่ยนชื่อเป็น ประเทศเนเธอร์แลนด์ (The Netherlands), สาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) เปลี่ยนชื่อเป็น เช็กเกีย (Czechia), ประเทศตุรกี เปลี่ยนชื่อเป็น ตุรเคีย (Türkiye) โดยเหตุผลที่ว่า Türkiye แสดงออกและเป็นตัวแทนถึงวัฒนธรรม อารยธรรม และค่านิยมของประเทศได้ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุผลเพื่อต้องการลบล้างความหมายในเชิงลบของคำว่า Turkey ซึ่งแปลว่า “ไก่งวง” ที่ใช้เรียกขานกันโดยทั่วไป (ซึ่งความหมายสแลงว่า “โง่, ซื่อบื่อ”)

ประเทศอินเดียถือเป็น แหล่งศิลปะ วัฒนธรรม ศาสนา ความรู้ทางด้านวิทยาการต่างๆ ที่คนไทยรับมาจนเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต แม้แต่คำพูดทักทายของชาวอินเดีย จะพูดว่า นมัสเต ซึ่งคนไทยรับมาใช้เป็นคำว่า นมัสการ เพียงแต่อาจจะใช้คนละวาระกัน คนไทยเมื่อทักทายจะใช้คำว่า สวัสดี ซึ่งผู้ที่คิดค้นคำนี้ และใช้เป็นคนแรก
คือ พระยาอุปกิตศิลปสาร ครูสอนภาษาไทยผู้ยิ่งใหญ่

แม้ว่าประเทศไทย จะรับความรู้ความเจริญหลายอย่างจากประเทศอินเดีย แต่ดูเหมือนว่า ยุคนี้นักการเมืองอินเดียกลับรับมุข และลูกเล่นของนักการเมืองไทยไปใช้ในประเทศอินเดียแล้ว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
13:42 น. ‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
13:22 น. ‘อนุสรณ์’แนะ‘ภราดร’ตรวจสอบคนในก่อนโวยวายคนนอกปมคุมเสียงไม่ได้
13:14 น. รัฐบาลเปิดระบบ‘มอก.วอทช์’ ดึง AI ล่าล้างบางของเถื่อน ผ่านทางออนไลน์ 24 ชม.
13:08 น. 'ตะไลชนโคม' สีสันกีฬาพื้นบ้าน-สร้างความสนุกสนาน'งานบุญวันเข้าพรรษา'
12:24 น. ฝนตกหนักถนนลื่น! เก๋งเสียหลักตกถนนสายน่าน-ร้องกวางบาดเจ็บ
ดูทั้งหมด
โปรดเกล้าฯ 'พล.อ.' พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ นายทหารราชองครักษ์พิเศษ
พอที'เพื่อไทย'!! อดีตเด็ก พท.หอบผ้าซบพรรคลุงป้อมพรึ่บ อีสานมาเพียบ! (คลิป)
'หมอวรงค์'บอกหนาวเลย! หลังฟังการไต่สวนคดี'ทักษิณ'ชั้น 14 รพ.ตร. ครั้งที่ 3
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 หญิงหย่าสามีต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิม
'ดุ๊ก ภาณุเดช'วอนหยุดบุกรุกบ้านส่วนตัวที่เขาใหญ่ สุดทนคนแห่ถ่ายรูป-เดินชิลเหมือนอยู่คาเฟ่
ดูทั้งหมด
จีนยกระดับปราบ Cyber Scam ฉ้อโกงออนไลน์ให้เป็นวาระแห่งชาติ
ฝนตก-น้ำท่วม-ก่อสร้าง พึงระมัดระวังไฟดูด-ไฟรั่ว
ฮุนเซน-ทักษิณ (แพทองธาร) มิตรหรือศัตรู
บุคคลแนวหน้า วันที่ 12 ก.ค. 2568
ทักษิณยังคงคุยโวเหมือนเดิม
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

‘พัทลุง’สลด! พบศพผัวเมียรับซื้อน้ำยาง ถูกยิงดับคู่ในบ้าน ตร.คาดทะเลาะกัน

‘ทนายวันชัย’มองเรื่อง‘สีกากอล์ฟ’ เปรียบฆาตกามต่อเนื่อง กระชากหน้ากาก‘คนห่มเหลือง’

ยิปซีพยากรณ์ดวงรายวัน ประจำวันเสาร์ที่ 12 ก.ค.68

สุดทน!‘สุทิน’จี้ผู้รักษากฎหมายต้องขยับ ปล่อยให้‘สทร.’ย่ำยีประเทศไม่ได้อีกแล้ว

‘นักเขียนซีไรต์’ฟาดนักการเมืองขี้ขลาด มุ่งแก้ ม.112 นิรโทษกรรมตัวเอง

  • Breaking News
  • ‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
  • ‘อนุสรณ์’แนะ‘ภราดร’ตรวจสอบคนในก่อนโวยวายคนนอกปมคุมเสียงไม่ได้ ‘อนุสรณ์’แนะ‘ภราดร’ตรวจสอบคนในก่อนโวยวายคนนอกปมคุมเสียงไม่ได้
  • รัฐบาลเปิดระบบ‘มอก.วอทช์’ ดึง AI ล่าล้างบางของเถื่อน ผ่านทางออนไลน์ 24 ชม. รัฐบาลเปิดระบบ‘มอก.วอทช์’ ดึง AI ล่าล้างบางของเถื่อน ผ่านทางออนไลน์ 24 ชม.
  • \'ตะไลชนโคม\' สีสันกีฬาพื้นบ้าน-สร้างความสนุกสนาน\'งานบุญวันเข้าพรรษา\' 'ตะไลชนโคม' สีสันกีฬาพื้นบ้าน-สร้างความสนุกสนาน'งานบุญวันเข้าพรรษา'
  • ฝนตกหนักถนนลื่น! เก๋งเสียหลักตกถนนสายน่าน-ร้องกวางบาดเจ็บ ฝนตกหนักถนนลื่น! เก๋งเสียหลักตกถนนสายน่าน-ร้องกวางบาดเจ็บ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ภาษีทรัมป์ กับ ไทย

ภาษีทรัมป์ กับ ไทย

11 ก.ค. 2568

ธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ของไทย

ธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ของไทย

4 ก.ค. 2568

คลิปสนทนา อุ๊งอิ๊งค์-ฮุนเซน กับกฎหมาย

คลิปสนทนา อุ๊งอิ๊งค์-ฮุนเซน กับกฎหมาย

27 มิ.ย. 2568

เมาแล้วขับ จับ ปรับ ยึดรถ

เมาแล้วขับ จับ ปรับ ยึดรถ

20 มิ.ย. 2568

ความขัดแย้งเขตแดน ไทย-กัมพูชา

ความขัดแย้งเขตแดน ไทย-กัมพูชา

13 มิ.ย. 2568

ฟ้อง AI ข้อหา ฆ่าคน

ฟ้อง AI ข้อหา ฆ่าคน

6 มิ.ย. 2568

ยิ่งลักษณ์ กับความผิดจำนำข้าว

ยิ่งลักษณ์ กับความผิดจำนำข้าว

30 พ.ค. 2568

ก.ม.ใหม่ ธนาคารและค่ายมือถือ ร่วมรับผิดกรณีคอลเซ็นเตอร์

ก.ม.ใหม่ ธนาคารและค่ายมือถือ ร่วมรับผิดกรณีคอลเซ็นเตอร์

23 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved