บริษัทหลักทรัพย ์(บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น หรือ STEC กำไรสุทธิ 1Q67อยู่ที่ 12 ล้านบาท ลดลง -93% YoY และ -84% QoQ เนื่องจาก i) รับรู้สัดส่วนขาดทุนก้อนใหญ่ที่ 146 ล้านบาท จากบริษัทในเครือที่เดินรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูและ ii) ต้นทุนรายจ่ายการจัดหาเงินทุนและภาษีเพิ่มขึ้น กำไร 2Q67 น่าจะฟื้นตัว QoQ ด้วยแรงหนุนจากเงินปันผลรับมูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท จากการถือหุ้นใน Gulf EnergyDevelopment (GULF) ขณะที่ ธุรกิจหลักใน 2H67 น่าจะทยอยดีขึ้นด้วยการมีรายได้สูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานโซลาร์5 แห่งและโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง (ฝั่งใต้)
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2567F และ 2568F ลงราว 40%และ 35% ตามลำดับ เกิดจากการรับรู้สัดส่วนขาดทุนสูงกว่าคาดจากบริษัทในเครือที่ทำการเดินรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูยังอยู่ที่ 50-60%ต่ำกว่าระดับจุดคุ้มทุนที่ 1 แสนคนต่อวันต่อหนึ่งเส้นทาง เราคงประมาณการรายได้ปี 2567F ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท(+5% YoY) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 5% ใกล้เคียง guidance ของบริษัท ขณะที่สัดส่วนขาดทุนจากบริษัทในเครือที่เดินรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู จะยังกดดันต่อกำไรสุทธิในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
STEC คาดว่าจะได้งานโครงการใหม่ๆ มูลค่ารวม 4.5-5.0 หมื่นล้านบาท (โดย 3% ของมูลค่ารวมได้เซ็นสัญญาไปแล้วใน 1Q67) มีโอกาสได้โครงการภาครัฐและเอกชนอีก 12% ของมูลค่าที่จะเปิดประมูลงานในปีนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ STEC ได้ยื่นประมูลงานก่อสร้างลานวิ่งเครื่องบินแห่งที่สองที่สนามบินอู่ตะเภา มูลค่าราว 1.5 หมื่นล้านบาท ในเดือนพฤษภาคม 2567 ทั้งนี้ เมืองโครงการการบินที่อู่ตะเภา (STEC ถือหุ้นอยู่ราว 20%) มูลค่า 2.90 แสนล้านบาทน่าจะเดินหน้าได้เมื่อโครงการรถไฟฟ้ารางความเร็วสูงได้เชื่อมต่อกับสนามบินทั้ง 3 แห่ง ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยกลุ่มซีพีดำเนินการต่อโดยที่ STEC คาดจะได้งานมูลค่าราว 2.7 หมื่นล้านบาท จากโครงการอู่ตะเภาดังกล่าวนี้
อย่างไรก็ดี STEC ซึ่งเคยร่วมงานกับ CH Karnchang (CK)ในการบุกเบิกงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ฝั่งตะวันออก) อาจได้รับงานอีกหากการก่อสร้างในฝั่งตะวันตกเดินหน้าได้หลังจากที่คำตัดสินสุดท้ายจากศาลปกครองสูงสุดประกาศออกมาในวันที่ 12 มิถุนายน 2567
ตามประมาณการใหม่ของเรา กำไรปี 2567F จะแย่ลงราว 50% YoY ก่อนจะฟื้นตัว 35% ในปีหน้ากรณีที่โครงการต่างๆ ภาครัฐได้เดินหน้าต่อ เราคงคำแนะนำถือ ประเมินราคาเป้าหมาย ใหม่ที่ 9.50 บาท
ปัจจัยเสี่ยงจากความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP ความล่าช้าจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ๆ การแก้ไขสัญญาต่างๆ การปรับเปลี่ยนกฎระเบียบต่างๆการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการปรับเพิ่มขึ้นของค่าแรงงาน
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี