วันศุกร์ ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์โลกธุรกิจ / หมุนตามทุน
หมุนตามทุน

หมุนตามทุน

วันพุธ ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.
การลงทุนไทยอยู่ในภาวะ ‘Under Investment’แรงส่งจากการบริโภคอย่างเดียวไม่เพียงพอพยุงเศรษฐกิจระยะยาว

ดูทั้งหมด

  •  

ll หากย้อนไปในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดเฉลี่ยถึงปีละ 7-8% จากอานิสงส์การลงทุนที่มาจากต่างประเทศ รวมไปถึงการลงทุนด้านการวางโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานของประเทศ หากแต่แรงขับเคลื่อนดังกล่าวกลับแผ่วลงต่อเนื่อง สอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวชะลอลงหลังผ่านพ้นวิกฤตมาหลายระลอก จนทำให้ศักยภาพเศรษฐกิจ (Potential GDP) ในระยะยาวจากที่เคยโตได้ในระดับ 3-4% ก่อนสถานการณ์โควิด-19 อาจลดลงเหลือไม่ถึง 2-3% ต่อปีเท่านั้น

ทั้งนี้ การลงทุนรวมของไทยลดลงอย่างรวดเร็ว สวนทางกับการบริโภคภาคเอกชนที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจมากขึ้น โดยที่ผ่านมา การบริโภคภาคเอกชนสามารถรักษาระดับการเติบโตได้ดีมาตลอดเฉลี่ย 3.1% เทียบกับการลงทุนรวมที่ขยายตัวเพียง 0.7% (CAGR ปี 2540-2566) ส่วนหนึ่งจากผลของนโยบายกระตุ้นการบริโภคที่เข้ามาประคองเศรษฐกิจในแต่ละช่วง ส่งผลให้สัดส่วนการบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจาก 52% ต่อจีดีพีในปี 2550 เป็น 60% ของจีดีพีในปี 2566 และทำให้ขนาดของมูลค่าการบริโภคภาคเอกชนในปัจจุบันใหญ่กว่าการลงทุนรวม (ภาครัฐและภาคเอกชน) ถึง 2.4 เท่า จึงเรียกได้ว่า เศรษฐกิจไทยตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาเติบโตได้จากแรงขับเคลื่อนของการบริโภคภาคเอกชนอย่างแท้จริง


โดย ttb analytics ตั้งข้อสังเกตว่าการลงทุนรวมของไทยอยู่ในระดับต่ำเกินไป(Under Investment) ซึ่งมีส่วนทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าลง โดยมูลค่าการลงทุนรวมในปี 2566 อยู่ที่ 2.64 ล้านล้านบาท ซึ่งยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2539 (อยู่ที่ 2.75 ล้านล้านบาท)โดยสัดส่วนการลงทุนรวมของไทยลดลงอย่างรวดเร็วหลังผ่านวิกฤตต้มยำกุ้งจาก 51% ต่อจีดีพีในปี 2539 เหลือเพียง 25% ของจีดีพีในปี 2541และทรงตัวที่ระดับนี้มาจนปัจจุบัน ทำให้การลงทุนของไทยค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาด้วยกันอย่างประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียที่อยู่ที่ 33% และ 30% ต่อจีดีพี

ซึ่งหากพิจารณามูลค่าการลงทุนของไทยเป็น 2 มิติ ได้แก่ มิติการลงทุนภาครัฐ โดยงบประมาณรายจ่ายของรัฐที่จัดสรรเพื่อการลงทุนคิดเป็นเพียง 1 ใน 4 ของงบประมาณที่จัดสรรในแต่ละปี แม้วงเงินงบประมาณแต่ละปีจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.6% (CAGR ปีงบประมาณ 2549-2567) แต่เมื่อมองย้อนกลับมาที่งบรายจ่ายประจำ (เช่น ค่าจ้าง เงินเดือน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เงินชำระหนี้ ฯลฯ)ที่ขยายตัวสูงถึง 5.1% แต่งบรายจ่ายเพื่อการลงทุนกลับขยายตัวได้เพียงปีละ 3.0% ยิ่งกว่านั้น ก้อนของเม็ดเงินลงทุนภาครัฐส่วนใหญ่ใช้เพื่อการซ่อมสร้างด้านสาธารณูปโภคและถนน โดยพบว่า 77% ของงบลงทุนทั้งหมดในปีงบประมาณ 2566 เป็นงบเพื่อการซ่อมสร้างถนนทางหลวงและทางหลวงชนบท การรถไฟ รวมถึงโครงการชลประทานซึ่งด้วยข้อจำกัดของขนาดงบลงทุน ทำให้ภาครัฐมักใช้งบบูรณาการผ่านโครงการการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในกิจการของรัฐ (PPP) หรือการจัดสรรงบประมาณให้กับส่วนราชการเข้าไปลงทุนร่วมกับเอกชน เพื่อผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในระยะหลัง

อีกส่วนหนึ่ง มิติการลงทุนภาคเอกชน โดยการลงทุนภาคเอกชนมีทิศทางชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยเติบโตได้เฉลี่ย 6.2% ในช่วงปี 2547-2555 เหลือเพียง 1% ในช่วงปี 2556-2566ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่บางส่วนก็หันไปลงทุนนอกประเทศมากขึ้น ทำให้เม็ดเงินการลงทุนโดยตรงสุทธิที่ออกไปนอกประเทศ (TDI Netflow) ในแต่ละปีสูงถึง 3-6 แสนล้านบาท ในทางกลับกันเม็ดเงินลงทุนทางตรงจากต่างชาติ (FDI) ก็มีทิศทางลดลงต่อเนื่อง และต่ำกว่าคู่แข่งอย่างอินโดนีเซียและเวียดนาม ขณะที่การลงทุน FDI ในอุตสาหกรรมหลักดั้งเดิมอย่างปิโตรเลียมและภาคผลิตก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดในระยะหลัง

ttb analytics ประเมินว่า หากต้องการผลักดันให้ไทยสามารถรักษาระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 3-4% ต่อปี จำเป็นต้องเพิ่มสัดส่วนการลงทุนให้ได้ 35-40% ต่อจีดีพี (ปี 2566 อยู่ที่ 24.4% ต่อ จีดีพี) ผ่าน 4 ข้อเสนอแนะ ได้แก่ 1.เพิ่มการลงทุนขนาดใหญ่ที่มาจากภาครัฐ แม้สัดส่วนการลงทุนภาครัฐจะอยู่ที่ 25% ของมูลค่าการลงทุนรวม แต่การขาดการลงทุนขนาดใหญ่จากภาครัฐเป็นเวลานานส่งผลให้การดึงดูดให้เกิดการลงทุนจากภาคเอกชน (Crowding-in Effect) มีแนวโน้มลดลงตามไปด้วยเห็นได้จากความคืบหน้าในโครงการต่างๆ ภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่หยุดชะงักลงในระยะหลัง ส่งผลให้สัดส่วนมูลค่าการลงทุนภาคเอกชนหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง

2.เน้นส่งเสริมการลงทุนด้านดิจิทัลจากการศึกษาของธนาคารโลก สะท้อนว่า ไทยมีระดับของการบริการด้านนวัตกร (Innovator Service) หรือการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม เมื่อเทียบระหว่างมูลค่าการส่งออกที่ค่อนข้างต่ำกับระดับรายได้ต่อหัว สอดคล้องกับการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลทั่วโลก (World Digital Competitiveness Ranking)ในปี 2566 ที่ระบุชัดว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถด้านดิจิทัลในระดับกลางเท่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับทั่วโลก และเป็นอันดับสามของกลุ่มอาเซียน (รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย) โดยจุดอ่อนสำคัญของไทย คือ ข้อจำกัดด้านเงินลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัล ด้านการวิจัยและพัฒนาไปสู่นวัตกรรมสินค้าและบริการด้านดิจิทัล รวมถึงด้านการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญา

3.เพิ่มนโยบายสนับสนุนการลงทุนของผู้ประกอบการในประเทศ รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่เพียงพอดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ ที่ผ่านมา ภาครัฐให้ความสำคัญกับการอัดฉีดนโยบายเพื่อกระตุ้นการบริโภคเป็นหลัก ส่งผลให้พื้นที่ทางการคลัง (Fiscal Space) ที่จะไปกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคส่วนอื่นเหลือน้อยลง ขณะที่มาตรการส่งเสริมด้านการลงทุนของผู้ประกอบการในประเทศยังค่อนข้างน้อย รวมถึงยังมีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองก็มีส่วนทำให้ขาดความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบาย ความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นในการปฏิรูปแผนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขณะเดียวกัน ข้อจำกัดของการออกมาลงทุนนอกประเทศของบริษัทข้ามชาติก็เพิ่มขึ้นจากการยกระดับมาตรการควบคุมการไหลออกของเงินทุน (Outward Foreign Direct Investment : OFDI) ของประเทศหลัก ซึ่งล้วนแต่บั่นทอนความน่าสนใจการลงทุนจากต่างชาติในระยะยาว

4. เพิ่มผลิตภาพแรงงานไทย จากข้อมูลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดย สถาบันการจัดการนานาชาติ (IMD) ในปี 2566 พบว่า ปัจจัยด้านผลิตภาพและประสิทธิภาพ (Efficiency and Productivity) ของไทยต่ำกว่าไต้หวัน จีน และมาเลเซีย สอดคล้องกับผลผลิตแรงงานต่อชั่วโมง (Output per Hour) ซึ่งสะท้อนประสิทธิภาพในการทำงานของแรงงานไทยต่ำกว่ามาเลเซียเกือบ 2 เท่า (ไทยอยู่ที่ประมาณ 15.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง มาเลเซีย 24.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง) อีกทั้งผลผลิตแรงงานต่อชั่วโมงในระยะหลังเติบโตได้เพียงปีละ 1% จากที่เคยเติบโต 3.6% (ในช่วงปี 2542-2550)

โดยสรุป ttb analytics มองว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะเติบโตไม่สมดุล (Unbalanced Growth) ระหว่างการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนรวมมาเป็นเวลานาน ซึ่งการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนนับวันจะมีข้อจำกัดจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่รุนแรงขึ้นในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น สัดส่วนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น จำนวนแรงงานลดลง ปัญหาหนี้ครัวเรือนเรื้อรัง จึงทำให้แรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะผลักดันโมเมนตัมเศรษฐกิจไทยได้ในระยะยาวซึ่งก็จะวนกลับมาที่ศักยภาพเศรษฐกิจและเสถียรภาพของประเทศไทยที่นับวันจะดูอ่อนแอลง ฉะนั้นแล้ว การให้ความสำคัญของการเร่งปฏิรูปและการลงทุนภาครัฐ การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน และดึงห่วงโซ่การผลิตจากต่างประเทศ จะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้แข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว

ttb analytics

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
21:52 น. 'พีระพันธุ์'จับไมค์ ร้องเพลง'ศรัทธา' ปลุกสมาชิกพรรค รทสช.เดินหน้าสู้
21:28 น. (คลิป) เขยใหญ่! 'ชินวัตร' รับไม้ต่อ 'เพื่อไทย' ใช้ความแค้นเป็นพลังสู้ศึกเลือกตั้ง
21:22 น. 'ปลอดประสพ'หนุนใช้ยาแรงกับเขมรบุกรุก แนะจับกุมดำเนินคดี-รื้อถอนสิ่งก่อสร้าง
20:59 น. 'ฮุน มาเนต'วอนขอ'นายกฯอันวาร์' เข้าแทรกแซงทันทีปมบ้านหนองหญ้าแก้ว
20:50 น. 'กวีเหลวไหลแท้'ร่ายบทกวี ถึง'อัญชะลี ไพรีรัก' ยกย่องเป็น 'เอกนารี' ผู้ยึดมั่นในความสุจริต
ดูทั้งหมด
ออกครบแล้ว! ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กันยายน 2568
'เพลง ชนม์ทิดา'ร่ายความในใจ หลังถูกจับตาความสัมพันธ์'เป๊ก เศรณี'
'DSI'เตือน!! อย่าโอน-สแกนซื้อสิ่งนี้ หากไม่อยากเสี่ยงถูกอายัดบัญชี
(คลิป) 'ฮุนเซน' ออกโรงแจงด่วนกลางดึก ยึดทรัพย์ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ในเขมร
'มล.รจนาธร'โพสต์ขอบคุณ'ลิซ่า ลลิษา' สวมจิวเวลรีแบรนด์ไทยในลุค After party Emmy Awards
ดูทั้งหมด
มุกเดิม‘น.ช.ทักษิณ’ป่วยเรื้อรังซ้ำซาก
ปิดชายด่านจนระบอบฮุนเซน ล่มสลายให้ศิโรราบก่อนเจรจา
‘รัฐสวัสดิการของสังคม’
สัมผัส พึ่งประดิษฐ์ : ทนายความเพื่อประชาชน
การประท้วงเงียบของประชาชน
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'พีระพันธุ์'จับไมค์ ร้องเพลง'ศรัทธา' ปลุกสมาชิกพรรค รทสช.เดินหน้าสู้

(คลิป) เขยใหญ่! 'ชินวัตร' รับไม้ต่อ 'เพื่อไทย' ใช้ความแค้นเป็นพลังสู้ศึกเลือกตั้ง

‘อภิสิทธิ์-มาดามแป้ง’การจับคู่ที่ลงตัว กับเดิมพันครั้งสำคัญ คืนชีพ‘ประชาธิปัตย์’

ลุ้นระทึก! 19 ก.ย.‘ศาลฎีกา’นัดชี้ชะตา‘ม็อบพันธมิตร’บุกช่อง NBT ปี51

'ฮุน มาเนต'วอนขอ'นายกฯอันวาร์' เข้าแทรกแซงทันทีปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

'กวีเหลวไหลแท้'ร่ายบทกวี ถึง'อัญชะลี ไพรีรัก' ยกย่องเป็น 'เอกนารี' ผู้ยึดมั่นในความสุจริต

  • Breaking News
  • \'พีระพันธุ์\'จับไมค์ ร้องเพลง\'ศรัทธา\' ปลุกสมาชิกพรรค รทสช.เดินหน้าสู้ 'พีระพันธุ์'จับไมค์ ร้องเพลง'ศรัทธา' ปลุกสมาชิกพรรค รทสช.เดินหน้าสู้
  • (คลิป) เขยใหญ่! \'ชินวัตร\' รับไม้ต่อ \'เพื่อไทย\' ใช้ความแค้นเป็นพลังสู้ศึกเลือกตั้ง (คลิป) เขยใหญ่! 'ชินวัตร' รับไม้ต่อ 'เพื่อไทย' ใช้ความแค้นเป็นพลังสู้ศึกเลือกตั้ง
  • \'ปลอดประสพ\'หนุนใช้ยาแรงกับเขมรบุกรุก แนะจับกุมดำเนินคดี-รื้อถอนสิ่งก่อสร้าง 'ปลอดประสพ'หนุนใช้ยาแรงกับเขมรบุกรุก แนะจับกุมดำเนินคดี-รื้อถอนสิ่งก่อสร้าง
  • \'ฮุน มาเนต\'วอนขอ\'นายกฯอันวาร์\' เข้าแทรกแซงทันทีปมบ้านหนองหญ้าแก้ว 'ฮุน มาเนต'วอนขอ'นายกฯอันวาร์' เข้าแทรกแซงทันทีปมบ้านหนองหญ้าแก้ว
  • \'กวีเหลวไหลแท้\'ร่ายบทกวี ถึง\'อัญชะลี ไพรีรัก\' ยกย่องเป็น \'เอกนารี\' ผู้ยึดมั่นในความสุจริต 'กวีเหลวไหลแท้'ร่ายบทกวี ถึง'อัญชะลี ไพรีรัก' ยกย่องเป็น 'เอกนารี' ผู้ยึดมั่นในความสุจริต
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

หมุนตามทุน : เครือซีพีผนึกกำลัง..สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

หมุนตามทุน : เครือซีพีผนึกกำลัง..สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

17 ก.ย. 2568

หมุนตามทุน : กลุ่มเหล็ก...เดินหน้าหนุนกระทรวงอุตสาหกรรม

หมุนตามทุน : กลุ่มเหล็ก...เดินหน้าหนุนกระทรวงอุตสาหกรรม

10 ก.ย. 2568

หมุนตามทุน : สาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตแซงหน้าไทย

หมุนตามทุน : สาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตแซงหน้าไทย

3 ก.ย. 2568

หมุนตามทุน : ​ม.ค.-ก.ค.ต่างชาติเข้ามาลงทุน1.5 แสนล้านบาท 30%เข้าไปในพื้นที่EEC-ญี่ปุ่นยังคงยืนหนึ่ง

หมุนตามทุน : ​ม.ค.-ก.ค.ต่างชาติเข้ามาลงทุน1.5 แสนล้านบาท 30%เข้าไปในพื้นที่EEC-ญี่ปุ่นยังคงยืนหนึ่ง

27 ส.ค. 2568

หมุนตามทุน :  นักลงทุนสิงคโปร์ยกทัพเยือนไทย ผนึกกำลังด้านเศรษฐกิจรับมือกระแสโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง

หมุนตามทุน : นักลงทุนสิงคโปร์ยกทัพเยือนไทย ผนึกกำลังด้านเศรษฐกิจรับมือกระแสโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง

20 ส.ค. 2568

หมุนตามทุน : กรมโรงงานฯดึงเทคโนโลยี-นวัตกรรมขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0

หมุนตามทุน : กรมโรงงานฯดึงเทคโนโลยี-นวัตกรรมขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0

13 ส.ค. 2568

หมุนตามทุน :   ‘trump-effect’...เศรษฐกิจไทยรับไปเต็มๆในปี2569

หมุนตามทุน : ‘trump-effect’...เศรษฐกิจไทยรับไปเต็มๆในปี2569

6 ส.ค. 2568

หมุนตามทุน : ครึ่งปีต่างชาติลงทุนในไทย1แสนล้านบาท อยู่ในพื้นที่EECกว่า30%-ญี่ปุ่นยังครองแชมป์

หมุนตามทุน : ครึ่งปีต่างชาติลงทุนในไทย1แสนล้านบาท อยู่ในพื้นที่EECกว่า30%-ญี่ปุ่นยังครองแชมป์

30 ก.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved