ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ก้าวเข้าสู่โลกของเราอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นในวงการแพทย์การเงิน การผลิต หรือแม้แต่งานสร้างสรรค์ต่างๆ เทคโนโลยีนี้กำลังจะเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่พร้อมกับคำถามสำคัญที่ว่า ในอนาคต AI จะ “มาแทนที่มนุษย์” หรือ “ทำให้มนุษย์ทำงานได้เก่งขึ้น” กันแน่
แรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในตลาดแรงงานโลก
การเข้ามาของ AI กำลังสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน รายงานจาก McKinsey & Company คาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 งานทั่วโลกกว่า 30% อาจถูกแทนที่ด้วย AI และระบบอัตโนมัติโดยเฉพาะงานที่ต้องทำซ้ำๆ หรืองานด้านธุรการการประมวลผลข้อมูล ซึ่งเป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงอย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง งานใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI ก็จะเกิดขึ้นมากมาย เช่น Prompt Engineer,นักวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Data Analyst) และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของโมเดล (Model Security Specialist) เป็นต้น
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือในวงการกฎหมาย ที่ AI สามารถช่วยร่างสัญญาเบื้องต้นหรือค้นหาข้อกฎหมายได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ทนายความมีเวลาให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น หรือในวงการแพทย์ AI สามารถวิเคราะห์ภาพรังสีได้อย่างแม่นยำใกล้เคียงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ช่วยลดการประเมินและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา นี่คือหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า AI จะไม่เพียงแค่เข้ามาแทนที่แต่กำลังเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เรามีประสิทธิภาพมากขึ้น
จาก“ผู้แทน”สู่ “ผู้ช่วย” : การทำงานร่วมกันระหว่างคนและ AI
แม้ว่า AI จะมีความสามารถในการทำงานแทนคนในหลายด้าน แต่ศักยภาพที่แท้จริงของปัญญาประดิษฐ์นี้คือการเป็น“ผู้ช่วย” ที่ช่วยเสริมขีดความสามารถของมนุษย์ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ไปได้ ในภาคการเงิน AI สามารถช่วยวิเคราะห์การลงทุนแบบทันที ทำให้การตัดสินใจแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น ในงานสร้างสรรค์ AI สามารถสร้างภาพหรือดนตรีต้นแบบเพื่อให้ศิลปินนำไปต่อยอดได้โดยใช้เวลาที่น้อยลง และในภาคการผลิต AI สามารถคาดการณ์การซ่อมบำรุงเครื่องจักรล่วงหน้า เเละช่วยลดเวลาที่เครื่องจักรต้องหยุดทำงาน
ดังนั้น ภาพของอนาคตจึงไม่ใช่แค่ "AI แทนคน" หรือ "AI ไม่แทนคน" แต่คือการทำงานร่วมกันระหว่างคนกับ AI เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะแม้ว่า AI จะมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลมหาศาล แต่สิ่งที่ยังขาดไปคือ ความคิดสร้างสรรค์ในการค้นคิดอะไรใหม่ๆ การตัดสินใจเชิงจริยธรรมและการทำความเข้าใจบริบทที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นจุดแข็งที่มนุษย์ยังมีอยู่ การผสมผสานจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่การสร้างนวัตกรรมแห่งอนาคต
ประเทศไทย : ต้องปรับตัวเพื่อคว้าโอกาส
ประเทศไทยเองก็เริ่มตื่นตัวกับกระแส AI ผ่านการออก AI Ethics Guideline และการสนับสนุนงานวิจัย แต่ความท้าทายสำคัญคือ ความพร้อมของแรงงานไทยที่ยังมีทักษะเชิงลึกด้าน AI ไม่มากพอ หากเราไม่เร่งสร้างความรู้และทักษะใหม่ๆ แรงงานไทยอาจตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกแทนที่ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์หรือเสียโอกาสในการแข่งขันให้กับแรงงานต่างชาติ
ในทางกลับกัน หากประเทศไทยลงทุนในการพัฒนา “ทุนมนุษย์” อย่างจริงจัง เราจะสามารถใช้จุดแข็งด้านความคิดสร้างสรรค์และความเข้าใจในบริบทท้องถิ่น มาผนวกเข้ากับเทคโนโลยี AI เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และก้าวขึ้นเป็นฐานการพัฒนาเทคโนโลยีในระดับภูมิภาคได้ ไม่ใช่แค่การนำ AI มาใช้ แต่เป็นการใช้ AI อย่างชาญฉลาดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การศึกษา : หัวใจสำคัญในการสร้างพลเมืองดิจิทัล
การสร้างความเข้าใจเรื่อง AI ต้องเริ่มต้นตั้งแต่ระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย และไม่ควรจำกัดอยู่แค่ในสาขาวิชาด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ต้องบูรณาการเข้ากับทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐศาสตร์ กฎหมาย การแพทย์ หรือศิลปะ เพื่อสร้าง “AI Literacy” ให้กับทุกคน เพื่อให้บัณฑิตจบใหม่สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ สำหรับแรงงานในตลาดปัจจุบัน การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) คือสิ่งจำเป็น เพราะ AI พัฒนาอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้เพียงครั้งเดียวจึงไม่เพียงพอ เป้าหมายสูงสุดไม่ใช่แค่การสร้าง “ผู้เชี่ยวชาญ AI” แต่เป็นการสร้าง “พลเมืองดิจิทัล” ที่สามารถใช้ AI เป็นเครื่องมือในการสร้างคุณค่าในงานและชีวิตเพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการสร้างนักคิด นักสร้าง และนักประยุกต์ใช้ AI เพื่อพัฒนาคนไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริงสิ่งที่เราต้องถามตัวเอง คือ การเข้ามาของ AI เป็นทั้งความท้าทายและโอกาสครั้งใหญ่ คุณคิดว่าอนาคต
การทำงานของคุณจะเป็นแบบไหน?
ดร.กร พูนศิริวงศ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี