ส.ท.ช.หวั่น บ.การท่าอากาศยานไทยเสียหาย ร้อง ป.ป.ช.-ผู้ตรวจการแผ่นดิน สอบพฤติกรรมผู้บริหาร
**บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. หนึ่งในรัฐวิสากิจชั้นนำของประเทศ กำลังจะดำเนินการสรรหาผู้นำองค์กรเบอร์หนึ่งคนใหม่ ทดแทนคนที่พ้นจากวาระไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ใช่ว่าเรื่องมันจะราบรื่นมากนัก เมื่อ นายอาคม อุปแก้ว รองประธาน เครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (ส.ท.ช.) ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนและตรวจสอบพฤติกรรมการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารสูงสุดของ ทอท. ในขณะนี้
โดยนายอาคม ได้ระบุว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการทำงานของผู้บริหารระดับสูงของ ทอท.รายดังกล่าว พบว่า มีพฤติกรรมการบริหารไม่โปร่งใส ส่อไปในทางทุจริตหลายประการด้วยกัน โดยเชื่อว่ามีกลุ่มผลประโยชน์และทุนการเมืองร่วมกันวางแผนเพื่อส่งไม้ต่อให้ผู้บริหารรายนี้ ที่อาจจะก้าวขึ้นมาเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.อย่างแน่นอน
ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติการทำงานของผู้บริหารรายดังกล่าวในอดีต พบว่า เต็มไปด้วยข้อครหา ทั้งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองท้องถิ่น และระดับผู้พิพากษาหัวหน้าศาล และใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ว่าเป็นบันไดไต่เต้าให้ได้มาซึ่งตำแหน่งหน้าที่การงาน จนสามารถกระโดดข้ามห้วยเข้ามาเป็นผู้บริหารใน ทอท. ในตำแหน่งผู้อำนวยการด้านพัฒนาธุรกิจ ทอท. เมื่อปี 2562 ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติหรือประสบการณ์ที่เหมาะสมมาก่อน โดยมีรายงานว่า ผู้ที่ผลักดันคือ อดีตผู้บริหารบริษัทที่ปรึกษาที่ก็ข้ามห้วยเข้ามาเป็นผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.อีกคน ผ่านมาทางเส้นสายของอดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ท่านหนึ่ง ก่อนที่อดีตที่ปรึกษาท่านนั้นจะได้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ ทอท.ในเวลาต่อมา และได้แต่งตั้งผู้ที่คาดว่าเป็น “แคนดิเดต” ผู้ว่า ทอท.คนล่าสุด ขึ้นมาเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และเมื่อผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.คนล่าสุด ต้องลาออกจากตำแหน่ง เพราะแรงกดดันทางการเมือง ว่ากันว่าเพื่อหลีกหนีข้อครหาต่างๆ ทำให้ “แคนดิเดท”ท่านนี้ขึ้นมารักษาการแทน
ขณะที่อดีตผู้บริหารระดับสูงของ ทอท.ที่ได้อนุมัติรับ “แคนดิเดต” ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.คนล่าสุด เป็นพนักงานในระดับผู้บริหารของ ทอท....ล่าสุดก็เป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ที่เป็นคู่ค้ารายสำคัญของ ทอท. และทั้งหลายทั้งปวงนี้ ก็เพื่อกำลังดำเนินการเกี่ยวกับสัญญาสัมปทานระหว่าง ทอท.กับบริษัทเอกชนรายดังกล่าว ซึ่งะจะเกิดข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทนอยู่ในเวลานี้
นอกจากนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ของ “แคนดิเดต” คนล่าสุด พบว่าอาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) grikt มีธุรกิจส่วนตัวเป็นเจ้าของ และกรรมการบริษัทเอกชนที่ประกอบการธุรกิจขายส่งวัสดุก่อสร้าง และบริษัทเอกชนที่ประกอบการธุรกิจที่ปรึกษา ที่เข้ารับงานหน่วยงานของรัฐต่างๆ แม้ภายหลังจะเข้ามาเป็นผู้บริหารระดับสูงใน ทอท. แล้วก็ยังคงเป็นกรรมการผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้อยู่ ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับผลประโยชน์ส่วนตัว ที่อาจมีต่องานจัดซื้อจัดจ้างของ ทอท.
นอกจากนี้เท่าที่เครือข่ายสื่อมวลชน ตรวจสอบพบว่า มีผู้ร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงาน รวมทั้ง ป.ป.ช.ด้วย อาทิ โครงการจัดซื้ออะไหล่สายพานลำเลียงในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่าราว 380 ล้านบาท ด้วยวิธีพิเศษ ทั้งที่อุปกรณ์ดังกล่าวมีผู้ผลิตหลายราย และไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน สามารถดำเนินการเปิดประมูลจัดหาตามวิธีงบประมาณปกติ แต่“แคนดิเดต” ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.คนล่าสุด ที่เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ กลับดำเนินการจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษกับบริษัทผู้รับเหมารายหนึ่ง จนทำให้ผู้ผลิตหลายรายร้องเรียนถึงความไม่โปร่งใสของ ทอท. ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์บรรษัทภิบาลของ ทอท. อย่างรุนแรง
ทั้งนี้ยังมีโครงการจ้างบริษัทที่ปรึกษาออกแบบขยายท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 วงเงิน 623 ล้านบาท จากวงเงินลงทุนทั้งโครงการกว่า 34,188 ล้านบาท นั้น ก็มีรายงานว่า“แคนดิเดต” ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.คนล่าสุด ในฐานะรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ได้สั่งให้คณะทำงานจัดทำและกำหนดเงื่อนไขประมูล (TOR ) ซึ่งส่อว่าเพื่อ “ล็อกสเปค”ให้แก่บริษัทที่ปรึกษาออกแบบรายเดียวให้ได้รับการพิจารณาคัดเลือก และมีการเร่งรัดทำสัญญาจ้างจนผิดสังเกต จนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่โปร่งใสในการดำเนินการ และมีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนกรณีดังกล่าวต่อสำนักงาน ปปช.แล้วเช่นกัน
จากเส้นทางการไต่เต้าของ“แคนดิเดต” ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.คนล่าสุด และพฤติกรรมการบริหารงานที่สื่อไปว่า จะไม่มีความโปร่งใสในหลายๆกรณี ทางเครือข่ายสื่อมวลชนที่คอยเป็นหูเป็นตาให้แก่สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช.และเคยหอบเอกสารหลักฐานยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกรรมการบริหารของอดีตผู้บริหาร ทอท.ก่อนหน้านี้ (นายกีรติ กิจมานะวัฒน์) ด้วย จึงเห็นว่าหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปโดยไม่ทำอะไรเลย ก็อาจทำให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ทอท.เสียหายกลายเป็นแหล่งตักตวงและแลกผลประโยชน์ต่างตอบแทนเอาได้ จึงได้ตัดสินใจยื่นเรื่องขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.และประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พิจารณาดำเนินการตรวจสอบ และสอบสวนผู้ที่กำลังถูกร้องเรียนในเวลานี้ หากพบกรณีกระทำผิดก็ควรเร่งชี้มูลความผิด และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป**
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี