วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นโยบายที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะมอบ “เงินปันผลพิเศษ” หรือ Trump Dividend มูลค่า $2,000 ต่อคนให้กับชาวอเมริกันทุกคน กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในตลาดโลกทันที ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงประชานิยม แต่เพราะมันสะท้อนถึง“ยุคใหม่ของการอัดฉีดสภาพคล่อง” ที่อาจส่งผลต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยเฉพาะ Bitcoin และตลาดคริปโต
ในทางเศรษฐศาสตร์ การแจกเงินให้ประชาชน (Helicopter Money) มักสร้างแรงกระเพื่อมต่อสภาพคล่องในระบบการเงินคล้ายกับมาตรการ QE ของธนาคารกลาง เพราะเงินที่ประชาชนได้รับมักไม่ได้ถูกนำไปออมทั้งหมด แต่ถูกใช้จ่ายหรือ ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เพื่อหาผลตอบแทนที่มากกว่าในช่วงเงินเฟ้อ — และในโลกปัจจุบัน สินทรัพย์ที่ได้รับอานิสงส์สูงสุดมักไม่ใช่ทองคำอีกต่อไป แต่คือ Bitcoin เมื่อเทียบกับช่วงปี 2020–2021ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ แจก Stimulus Check เพื่อรับมือโควิด มูลค่ารวมกว่า $800,000 ล้านดอลลาร์ จะเห็นได้ว่าหลังการแจกเงินเพียงไม่กี่เดือน ราคาของ Bitcoin พุ่งขึ้นหลายเท่าตัวภายในเวลาไม่ถึงปี เพราะนักลงทุนรายย่อยทั่วโลกมี “ทุนใหม่” เข้าสู่ตลาดพร้อมกัน ขณะที่ดอลลาร์เองเริ่มเข้าสู่ภาวะอ่อนค่า(Debasement)
ดังนั้น หากนโยบาย $2,000 ของทรัมป์เกิดขึ้นจริง — มันอาจเป็น “รอบใหม่ของ Liquidity Boom” ที่ผลักให้ตลาดคริปโตกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง
ทำไม Bitcoin จึงได้ประโยชน์สูงสุดจากนโยบายนี้
Bitcoin มีจุดเด่นที่สำคัญคือ มีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญซึ่งตรงข้ามกับสกุลเงินดอลลาร์ที่สามารถพิมพ์เพิ่มได้ไม่จำกัด เมื่อรัฐบาลเพิ่มการใช้จ่ายและหนี้สาธารณะผ่านการแจกเงิน ประชาชนจำนวนมากเริ่มตั้งคำถามว่า“เงินในกระเป๋าฉันยังมีค่าเท่าเดิมหรือไม่?” — และนี่คือช่วงเวลาที่ Bitcoin กลับมาอยู่ในวงสนทนาเสมอในฐานะ“Digital Gold”
อีกทั้ง ETF Bitcoin สหรัฐฯ ที่เปิดตัวในปี 2024 เช่น BlackRock’s iBIT และ Fidelity’s FBTC ได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับนักลงทุนสถาบันสามารถเข้าถึง Bitcoin ได้โดยตรงอย่างถูกกฎหมาย ทำให้ทุกครั้งที่มี “สัญญาณอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ” นักลงทุนมักเพิ่มสัดส่วน Bitcoin ในพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงจากการลดค่าของดอลลาร์ ข้อมูลจาก Farside Investors ล่าสุดชี้ว่า ETF Bitcoin สะสมสินทรัพย์รวมกว่า $70,000 ล้านดอลลาร์ และทุกครั้งที่มีข่าวกระตุ้นเศรษฐกิจ ราคาของ Bitcoin มักตอบสนองในเชิงบวกใน 1–2 สัปดาห์ถัดมา
นอกจากนี้ ตลาดยังตีความนโยบายของทรัมป์ว่าอาจเร่งให้เกิด “ภาวะเงินเฟ้อระยะสั้น” อีกครั้ง ซึ่งจะผลักให้ Fed ต้องชะลอการลดดอกเบี้ยลงชั่วคราว แต่ paradoxically สิ่งนี้กลับกลายเป็น บวกต่อสินทรัพย์ดิจิทัลเพราะนักลงทุนเริ่มมองว่าการถือคริปโตคือการป้องกันตัวจากความไม่แน่นอนของระบบการเงิน
เมื่อการเมืองกลายเป็นตัวเร่งตลาดคริปโต
หากย้อนดูประวัติศาสตร์ จะพบว่าทุกครั้งที่สหรัฐฯ มี “นโยบายการคลังขยายตัว” ตลาดคริปโตมักได้รับแรงหนุนระยะกลางถึงยาว เช่นในปี 2020 ช่วงที่เฟดและรัฐบาลสหรัฐฯ อัดฉีดเงินกว่า $5ล้านล้านเข้าสู่ระบบ — Bitcoin ขึ้นกว่า 10 เท่าในเวลาไม่ถึง 12 เดือน ขณะที่รอบปี 2025
นี้ก็เริ่มมีสัญญาณซ้ำรอยคล้ายกัน แต่สิ่งที่ต่างออกไปในปีนี้คือ “ขนาดของตลาดคริปโต” ที่เติบโตขึ้นมหาศาล จากมูลค่ารวม (Market Cap) เพียง $250,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2020 สู่ระดับกว่า $2.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2025 หมายความว่าทุกเม็ดเงินใหม่ที่เข้าสู่ระบบ ย่อมสร้างแรงกระทบต่อราคาน้อยลงแต่กลับเพิ่มความเสถียรและสภาพคล่องโดยรวม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเข้าสู่รอบขาขึ้นที่ยั่งยืน
นักวิเคราะห์บางรายอย่าง Raoul Pal และ Willy Woo ให้ความเห็นว่า หากนโยบายนี้เกิดขึ้นจริง ราคาของ Bitcoin อาจกลับขึ้นทดสอบระดับ $124,000 ภายในปี 2026 เพราะกระแสเงินเฟ้อใหม่จะทำให้“สินทรัพย์ที่ป้องกันการเสื่อมค่าของเงิน”กลายเป็นเป้าหมายหลักของนักลงทุนทั่วโลกท้ายที่สุด ไม่ว่านโยบาย “Trump Dividend” จะผ่านรัฐสภาหรือไม่ แต่สิ่งที่ชัดเจนแล้วคือ
“โลกกำลังเคลื่อนสู่ยุคที่การเมืองและคริปโตไม่อาจแยกจากกันได้” เพราะทุกการตัดสินใจด้านการคลังในสหรัฐฯ วันนี้ไม่ได้เพียงเปลี่ยนทิศเศรษฐกิจโลกเท่านั้น — แต่มันกำลังเปลี่ยน “ระบบเงิน” ของทั้งโลกไปพร้อมกัน
ดร.กร พูนศิริวงศ์

'Fix it-อาชีวะจิตอาสา'ลุยช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา
มือไวระวัง! ตร.ไซเบอร์ชี้'โพสต์-แชร์คลิป' เต้นโชว์เห็ดหูหนู เข้าข่าย'นำเข้าข้อมูลลามก'คุก5ปี
ดวลเดือด8นัด! โจรทองปลอมบุกชิง2แสน เจ้าของร้านฮึดสู้ คนร้ายหนีไม่รอด...จบชีวิตคาร้าน!
ลุงวัย 57 ปี ยิงเพื่อนบ้านดับ หลังทะเลาะกันเรื่องวัวเหยียบนาข้าว
ด่วน! ครอบครัวขายขนมจีน เสียชีวิตปริศนา 5 ศพ ภายในบ้าน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี