อาณาจักร หรืออำนาจปกครองทางบ้านเมือง กับ ศาสนจักร หรืออำนาจปกครองทางศาสนา มีประวัติความสัมพันธ์ที่เกื้อหนุนค้ำจุนกันมาตลอด แม้บางระยะจะมีการต่อสู้ขัดแย้งกัน เช่น ความขัดแย้งหลายครั้งในยุคกลาง ช่วงคริสตศตวรรษที่ 11 และ 12 ที่พระสันตะปาปาหลายพระองค์ท้าทายอำนาจของพระมหากษัตริยุโรปเกี่ยวกับการแต่งตั้งและสถาปนาสมณศักดิ์นักบวช รวมทั้งการแต่งตั้งพระสันตะปาปา แต่กล่าวโดยภาพรวมแล้ว
คริสตจักรกับอาณาจักร มีการแบ่งแยกอำนาจกันชัดเจนตามพระวจนะของพระเยซูที่ว่า “จงให้แก่ซีซ่าร์ ในส่วนที่เป็นของซีซ่าร์” ซึ่งต่อมา นักบุญออกัสติน (St. Augustine : 354 - 430) ได้ขยายความให้ชัดเจนขึ้นอีกโดยกล่าวว่า “อะไรที่เป็นของพระเจ้าก็ให้พระเจ้าไป อะไรที่เป็นของซีซ่าร์ก็ให้ซีซ่าร์ไป” ซึ่งนับเป็นที่มาของความคิดพื้นฐานในการแบ่งแยกอำนาจการปกครองระหว่าง อาณาจักร กับ ศาสนจักร
ในพระพุทธศาสนา ทั้งอาณาจักรและพุทธจักรล้วนมีความสัมพันธ์ต่อกันในลักษณะสนับสนุนส่งเสริม พึ่งพาอาศัยกันมากกว่าขัดแย้งกัน และพระมหากษัตริย์ก็มักทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนามาตลอดตั้งแต่ครั้งพุทธกาล โดยเฉพาะพระเจ้าปเสนทิโกศล กับ ครั้งหลังพุทธกาลในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรกับพุทธจักรในประเทศไทย ก็เช่นกัน แม้บางครั้งผู้มีอำนาจปกครองอาณาจักรจะใช้อำนาจบาตรใหญ่กลั่นแกล้งพระภิกษุที่ตนไม่สบอารมณ์ เช่น กรณี จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จับกุมคุมขังพระพิมลธรรมโดยกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ แต่โดยทั่วไป ทั้งอาณาจักรและพุทธจักรต่างก็สนับสนุนค้ำจุนกันมาตลอด พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย การปกครองคณะสงฆ์เลียนแบบจากการปกครองอาณาจักร พระสงฆ์มีฐานานุรูปชั้นยศเหมือนกับขุนนาง มีเจ้าอาวาส และเจ้าคณะ ตลอดจนมีการแบ่งการปกครองออกเป็นจังหวัด อำเภอ และตำบล คล้ายคลึงกับการปกครองของรัฐบาล
อาณาจักรกับพุทธจักร ต่างเกื้อหนุนค้ำจุนซึ่งกันและกัน แบ่งแยกอำนาจหน้าที่กันชัดเจน ภิกษุรูปใดประพฤติผิดพระวินัย พุทธจักรก็เข้ามารับผิดชอบ ภิกษุรูปใดประพฤติผิดกฎหมายบ้านเมือง อาณาจักรก็เข้ามารับผิดชอบ กรณีพระนิกร พระยันตระ พระอิสระมุนี พระภาวนาพุทโธ เณรแอ เณรคำ และแม้กระทั่งพระราชปัญญาโกศล หรือ เจ้าคุณอุดม รองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ในกรณีปลอมอนุโมทนาบัตรเพื่อขอรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อาณาจักรกับพุทธจักรในประเทศไทยต่างก็ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาโดยอาศัยหลัก “อะไรที่เป็นของพระเจ้าก็ให้พระเจ้าไป อะไรที่เป็นของซีซ่าร์ก็ให้ซีซ่าร์ไป”
ยกเว้นกรณี ธัมมชโย กรณีเดียวเท่านั้น ที่หลักการดังกล่าวใช้ไม่ได้ หรือกล่าวให้ถูกต้องคือไม่ได้ใช้
พระเจ้าไม่ยอมให้ซีซ่าร์!
เดือนสิงหาคม 2549 ก่อนรัฐบาลทักษิณถูกโค่นไม่ถึงเดือน มีการวิ่งเต้นจนนำไปสู่การถอนฟ้องธัมมชโย กรณียักยอกเอาที่ดินและเงินบริจาคของวัดไปเป็นของตนเองและพวกจำนวนรวมเกือบหนึ่งพันล้านบาท ยกนี้อัยการที่ยอมถอนฟ้องทำให้ซีซ่าร์แพ้อย่างหมดรูป
พระเจ้ายิ่งเหิมเกริมหนัก ปกป้องธัมมชโย โดยมหาเถระสมาคมไม่เพียงแต่ไม่ยอมปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชเมื่อปี 2542 ที่ให้ธัมมชโยอาบัติปาราชิกจากการยักยอกสมบัติวัดและไม่ยอมคืนเท่านั้น หากยังปกป้องธัมมชโยในกรณียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนซึ่งกำลังถูกหมายจับของศาลอยู่ในปัจจุบันอีกด้วย
ด้านธัมมชโยก็ให้ลูกศิษย์ลูกหาออกมาประกาศว่าจะ “มอบตัวก็ต่อเมื่อบ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ คือ เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แล้วเท่านั้น”
ทั้งยังจะมีการฟ้องร้องไปยังองค์กรพุทธศาสนาโลก
นี่เป็นการท้าทายซีซ่าร์อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในหมู่ของพระเจ้า!
เป็นการท้าทายอำนาจศาล เหมือนที่ทักษิณเคยท้าทาย
เป็นการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านเหมือนที่คนในระบอบทักษิณทำกันเป็นประจำ
พระเจ้าวางเดิมพันครั้งนี้ เพราะอิทธิพลและความร่ำรวยจากการเร่ขายบุญขายสวรรค์ของธัมมชโยและวัดพระธรรมกายที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับคนในระบอบทักษิณ
ไม่มีใครคาดเดาหรือรู้ได้ว่า อนาคตธัมมชโยจะต้องหอบสมบัติหลบหนีเหมือนทักษิณหรือไม่
แต่ที่ทุกคนรู้คือ เดิมพันระหว่างซีซ่าร์กับพระเจ้าครั้งนี้ อาจเป็นเดิมพันสุดท้ายของพระเจ้า
เพราะถ้าพระเจ้าแพ้ ไม่เพียงแต่มีผลถึงตัวธัมมชโยกับวัดพระธรรมกายเท่านั้น อาจยังมีผลถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในมหาเถระสมาคมก็เป็นได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี