พ่อแม่หลายคน ยังคงมีความเชื่อว่า การตีลูกคือวิธีการฝึกสอนลูกที่ยอมรับได้ ผมเองก็ “เคยเชื่อ” แบบนั้น เพราะผมโตมากับการโดนตี
วันนี้ขอเล่าเรื่องให้ฟังครับ
นับตั้งแต่ก่อนมีลูก หมอสาริณีได้ถามผมว่า คิดยังไงกับการตีลูก ผมก็ตอบไปว่า ก็คงต้องตีบ้างมั้ง? สิ่งที่ภรรยาผมตอบกลับมาคือ ห้ามตีลูก มีวิธีการตั้งเยอะตั้งแยะที่สอนลูกได้โดยไม่ต้องตี
ตอนนั้นบอกตรงๆ นะครับ ตอนนั้นยังไม่ค่อยอยากเชื่อ แต่ผมจะไม่แอบไปทำลับหลังแน่ๆ เพราะการเลี้ยงลูก พ่อแม่ต้องเป็นทีมเดียวกัน ไม่ใช่คนนึงทำอย่าง อีกคนทำอีกอย่าง
ผมไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ เพราะผมโตมากับการถูกป๊าตี เวลาที่ทำผิด ท่องศัพท์ไม่ได้ คิดเลขช้าไป แกล้งน้อง ไม่รอน้องตอนไปวิ่งเล่น กลับบ้านช้า กินข้าวช้า ไม่ซ้อมเปียโน ไม่จัดตารางสอน ไม่เก็บของให้เรียบร้อย เล่นเสียงดังที่เซ็นทรัลลาดพร้าว วิ่งเล่นมากหลังเลิกโบสถ์ และอื่นๆอีกจิปาถะ
พูดง่ายๆ คือโดนตีทุกวัน
การตีของป๊า คงเหมือนที่พ่อหรือแม่หลายๆคนทำอยู่ คือ ไม่ได้ตีด้วยอารมณ์ อธิบายเหตุผล ป๊าผมจะไม่ตีเมื่ออยู่นอกบ้าน แต่จะคอยกระซิบตลอดว่า กลับไปจะคิดบัญชี
แล้วป๊าก็คิดบัญชีทุกครั้งจริงๆ นั่นทำให้การนั่งรถกลับบ้านเต็มไปด้วยความไม่สบายใจเลย
ก่อนโดนตี ป๊าจะนั่งโซฟาแดงตัวประจำ ทำหน้าเข้ม พูดเสียงเรียบๆ เย็นยะเยือก และผมต้องยืนตัวตรงเกร็ง ในท่าเคารพธงชาติ แขนแนบลำตัว และผมแทบไม่มีเสียงพูดออกมา ด้วยเหตุนี้กระมัง ที่ทำให้ทุกวันนี้ผมเป็นคนพูดเสียงเบาเกินไป
ป๊าจะให้ผมบอกความผิดออกมา บางครั้งผมก็พูด บางครั้งผมก็ตอบไปว่าไม่รู้ ตอบแบบนั้นมีทั้งที่ไม่รู้จริงๆ และตั้งใจไม่พูด(โกหกนั่นแหละ) เผื่อป๊าจะลืม โทษจะได้เบาลง ซึ่งไม่เคยสำเร็จ
เมื่อผมบอกความผิดแล้ว ป๊าจะบอกเพิ่มส่วนที่ป๊าจำได้ แล้วจะต้องมาคำนวณว่าต้องโดนตีกี่ที กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาพอสมควร เพราะต้องถามกันไปมา ป๊าผมไม่เคยฉวยไม้หรือไม้แขวนเสื้อไล่ตีผมเลย ต้องนั่งโซฟาที่บ้านที่เดียวเท่านั้น
การตีแต่ละครั้ง จริงๆไม่ได้แรงมาก แต่ผมกลัว เลยทำให้รู้สึกเจ็บกว่าที่ควรเป็น ทั้งๆที่ครูที่โรงเรียนตีเจ็บกว่าป๊าตั้งเยอะ
ผมรู้สึกอย่างไร? กลัวสิครับ ร้องไห้ก็ไม่ได้ ถ้าร้องจะโดนเยอะกว่าเดิม ตาแดงๆก็ไม่ได้ หลายครั้งผมก็อยากประท้วงการโดนตีว่า มันเยอะไป แต่ผมทำอะไรไม่ได้
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมคิดอะไรก็ไม่รู้ พอป๊าจะตีมือ ผมก็รีบชักมือออก ไม่น่าเชื่อว่าตอนนั้นผมคิดไปได้ยังไง นั่นทำให้โทษโดนดับเบิ้ลเป็น 2 เท่า ถ้าจำไม่ผิดวันนั้นน่าจะโดนตีเยอะสุด คือ 8 ที และผมก็ไม่กล้าทำอีก
ผลกระทบทางจิตใจยังแจ่มชัดจนทุกวันนี้ ความรู้สึกชัดเจนราวกับเพิ่งโดนตีไปเมื่อกี๊นี้
ผมไม่แน่ใจว่าป๊าเอาวิธีการตีแบบนี้จากไหน คิดเองหรือได้คำแนะนำมา ตอนนี้คงไม่สามารถรู้ได้ เพราะป๊าผมจากไป 14 ปีแล้ว
สิ่งที่ป๊าทำ ต้องเรียกว่า "การตี" ที่ perfect ตามตำรา คือ ไม่ตีด้วยอารมณ์ ใช้เหตุใช้ผล ลดอารมณ์ของตัวเองโดยการทอดเวลาออกไป ทำถูกต้องไม่มีผิดเพี้ยนเลย
คุณตีลูกแบบที่ป๊าผมทำหรือเปล่า?
การตีแบบ perfect ไม่ได้ช่วยทำให้ผมได้ดิบได้ดีเลย ผมได้ดีจากส่วนที่ไม่ได้ถูกตี
ที่แย่คือ "การตีที่สมบูรณ์แบบ" ที่หลายคนชอบพูดถึง กลับสร้างบาดแผลให้กับใจผมมาหลาย 10 ปี ผมโชคดีที่มีผู้เชี่ยวชาญช่วยเยียวยาใจให้ คือ ภรรยาสุดที่รักของผม และผมรู้ว่าน้อยคนที่จะมีคนช่วยเยียวยาแผลใจให้
*****
ที่เขียนมาทั้งหมด เป็นการเรียบเรียงหลังจากที่ผมมีประสบการณ์เป็นพ่อของลูกชายทโมนๆ 2 คนเป็นเวลาเกือบ 9 ปีแล้ว
เพราะประสบการณ์ในฐานะลูกของตัวผม กับลูกๆของผม ต่างกันมาก
ถ้าผมมีนโยบายตีลูก เป็นไปได้ว่า ผมอาจจะไม่สามารถเขียนบรรยายความรู้สึกตอนเด็กได้ เพราะผมต้องปกป้องการกระทำของตัวเอง(คือ ตีลูกได้) ว่า การตีลูกสมเหตุสมผล และความรู้สึกทั้งหมดคงถูกกดเอาไว้ลึกๆในใจ
ผมโชคดีมาก สิ่งที่ป๊าทำ ไม่ได้ทำให้ผมรักป๊าน้อยลงมากนัก เพราะช่องทางรับความรักของผมไม่ใช่เรื่อง “การสัมผัส” เลยไม่ถึงกับกระเทือนมากเท่าที่ควร ใครที่มีความรู้เรื่อง 5 ภาษารักแล้ว จะเข้าใจสิ่งที่ผมพูด
ผมรักป๊ามากๆ
แต่น้องผมโชคร้ายกว่า เพราะภาษารักหลักของเค้าคือ “การสัมผัส” ดังนั้นการลงโทษด้วยการตี แม้จะน้อยกว่าผมเยอะ แต่นั่นสะเทือนความสัมพันธ์อย่างมาก จนน้องผมไม่รู้สึกว่าป๊ารักเลย ทั้งๆ ที่โตมาในบ้านหลังเดียวกัน
*****
จากการเลี้ยงลูก “ด้วยตัวเอง” แท้ๆ ไม่ได้หมกเม็ดมโนไปว่าเลี้ยงลูก แต่ที่แท้แอบมีย่า-ยาย-พี่เลี้ยง-ญาติช่วยเลี้ยงให้
ผมหงุดหงิดลูกไหม? โอ้ย...บ่อยไป ผมอยากตีลูกเพื่อฝึกหรือเปล่า? ไม่จำเป็นเลย !!!!
ในเด็กเล็ก คนที่ “ตีลูก” เพราะคิดไปว่า เด็กมันไม่รู้เรื่อง ! เลยต้องตีเพื่อให้หลาบจำ
เท่าที่ผมเลี้ยงลูกตอนเล็กๆ ลูกผมรู้เรื่องหมดนะครับ เพียงแต่บางครั้งเค้าก็แค่อยากทดสอบโลกใบนี้ ใครที่คิดว่าลูกเล็กแล้วไม่รู้เรื่อง ขอให้คิดใหม่ เด็กๆถ้าเราสอนกันดีๆ เค้าเข้าใจนะครับ
ส่วนการตีเพื่อลงโทษอื่นๆ ขอบอกเลยว่า ไม่จำเป็น จริงๆเด็กๆก็รู้สึกผิดอยู่แล้ว เราแค่ดุกันนิดหน่อยก็พอแล้วครับ แค่นี้ลูกก็รู้สึกแย่แล้ว
ถ้าลูกทำผิดซ้ำ ทำยังไงล่ะ? ปัดโธ่เอ๊ย...ลูกคุณอายุไม่เท่าไหร่เองนี่ครับ ประสบการณ์ชีวิตยังน้อย เป็นธรรมดามากที่เค้าจะยังทำผิดเรื่องเดิม ผิดก็แค่สอนใหม่ เท่านั้นเองครับ
จำที่ผมเล่าเรื่องลูกคนเล็กที่เป็นเด็ก “ยาก” ได้ไหมครับ? ตอนนี้ถ้าใครได้เห็น ได้รู้จัก ได้สนิทกับลูกผม จะรู้เลยว่าไม่เหลือเค้าของความเป็น “เด็กยาก” เลย ตอนนี้น่ารักสุดๆ เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายไปเรียบร้อยแล้ว
ไอ้เจ้านี่มันยากจริงๆ นะครับ ไม่ได้มาพูดเล่น ยากซะจนหมอ 2 คนคุยกันนับ 1,000 ครั้งว่า โหย...ไอ้เจ้านี่ถ้าไปอยู่ในมือคนอื่น ป่านนี้โดนตีจนกลายเป็นเด็กสุขภาพจิตแย่แน่ๆ
“มือมีไว้กอด ไม่ได้ไว้ตีเด็ก”
อย่าทำให้ลูกสับสนกับ “มือ”ของคุณ ว่า “มือ” ที่ยื่นมาหา เพราะว่าจะตี หรือจะมาจับต้องตัวเค้าด้วยความรัก
*****
จุดประสงค์การทำเพจนี้ เพื่อให้ทุกคนที่ได้อ่าน “มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม”
หากลูกของคุณดูมีพฤติกรรมไม่น่ารัก หรือทนอะไรไม่ได้จริงๆ อย่าเพิ่งตี เขียนเล่าให้ละเอียดเลยครับ แล้วหมอจะได้บอกว่าต้องจัดการยังไง
ลูกผมไม่ได้น่ารักตลอดเวลาครับ มีหลายครั้งที่น่าโมโห หมอ 2 คนพิสูจน์แล้วว่า สามารถจัดการกับทุกความไม่น่ารักได้ โดยไม่ต้องตี
เวลามีวิธีที่ดีกว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าผมรู้ ผมจะต้องลองทำดู แล้วคุณจะไม่ลองเปลี่ยนวิธีการ เพื่อ “ลูก” ที่คุณรัก และหวังให้เค้าเติบโตเป็นมนุษย์ดีๆ มีความนับถือตนเอง มีจิตใจที่หนักแน่นหรือ?
เลี้ยงลูกให้ได้ดี ไม่ต้องมีการ “ตี” เลยครับ ฟันธงและคอนเฟิร์ม !
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี