พบกันอีกครั้ง พังเดือน ขาประจำสัญจร ลูกทีม เถ่าชิ่วสุทัศน์ แห่งคอลัมน์ ตู้กับข้าว รอบนี้ชีพจรลงเท้าไปเยือนประเทศมาเก๊า แรกฟังแต่ชื่อสำเนียงออกไปทางจีนๆ แต่ทำไมอาคาร บ้านเมืองสถาปัตยกรรมจึงมีกลิ่นอายฝรั่ง ลองค้นข้อมูลจากวิกิพีเดีย พอได้ความว่าเป็น เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เรียกสั้นๆ ว่า มาเก๊า ในภาษาอังกฤษเขียนเป็น Macau หรือ Macao เป็นพื้นที่ด้านชายฝั่งทางใต้ของประเทศจีน ปกครองโดยประเทศโปรตุเกสก่อนพ.ศ. 2542 เป็นอาณานิคมของยุโรปที่เก่าแก่ที่สุดในจีน ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 อำนาจอธิปไตยเหนือมาเก๊าได้ย้ายไปที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อพ.ศ. 2542 จึงกลับมาสู่อ้อมกอดเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน เมื่อปี พ.ศ. 2517 รัฐบาลโปรตุเกสได้ให้เอกราชแก่ดินแดนอาณานิคมของตนทั้งหมด โดยแสดงเจตจำนงแน่วแน่ที่จะคืนดินแดนมาเก๊าให้แก่จีน และ ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการว่าจีนมีอธิปไตยเหนือมาเก๊า อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาดังกล่าว จีนมีภารกิจในการเจรจาเรื่องการรับมอบฮ่องกงจากอังกฤษจึงไม่ได้เข้ามาจัดการเรื่องปัญหามาเก๊า โปรตุเกสจึงประกาศรับรองสถานะของมาเก๊าเพียงฝ่ายเดียว ในปี พ.ศ. 2522 จีนกับโปรตุเกสได้ปรับความสัมพันธ์ทางการทูต ดินแดนมาเก๊าจึงได้รับรองอย่างเป็นทางการว่าเป็นดินแดนของจีนภายใต้การบริหารของโปรตุเกส จนถึงวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โปรตุเกสได้ส่งมอบมาเก๊าคืนแก่จีน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะใช้ระบบ “หนึ่งประเทศสองระบบ” (one country, two systems) และมาเก๊ามีสถานะเป็นเขตบริหารพิเศษของจีนเป็นเวลา 50 ปี ไปจนถึงปี พ.ศ. 2592 หรือ ค.ศ. 2049 มาเก๊าจะกลับสู่การปกครองของจีนอย่างเต็มรูปแบบเหมือนเมืองอื่นในจีนทั่วไป นอกจากสิ่งที่เหลือจากประวัติศาสตร์ยุคอาณานิคมแล้ว สิ่งดึงดูดใจของมาเก๊าอีกอย่างหนึ่งคือ อุตสาหกรรมการพนันและคาสิโน ล่าสุดบรรดาบ่อนดังๆ จากลาสเวกัส แทบทุกเจ้า ต่างมาทุ่มเปิดบ่อนหรูหราใหญ่โตกันคึกคัก จนตัวเลขเงินหมุนในบ่อนทั้งหมดได้แซงหน้าลาสเวกัสไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยกองทัพนักพนันจากจีนแผ่นดินใหญ่พากันยกโขยงมาอุดหนุน
มาเก๊าได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ที่ไม่ว่านักเสี่ยงโชค นักท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งนักช้อปปิ้ง ต่างต้องการไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต แต่จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่าบนพื้นที่เล็กๆ ของเมืองมาเก๊าจะประกอบไปด้วยมรดกโลกกว่า 25 แห่ง จนได้รับฉายาว่า “เมืองแห่งมรดกโลก” และการที่มาเก๊าเคยอยู่ภายใต้การบริหารของโปรตุเกส ทำให้สถานที่ต่างๆ ภายในเมืองนี้มีทั้งสถาปัตยกรรมแบบจีนที่ผสมผสานกับแบบยุโรปดั้งเดิม ด้วยเหตุนี้เองมรดกโลกภายในเมืองมาเก๊าจึงมีทั้งวัฒนธรรมตะวันตก และตะวันออกผสมผสานภายในพื้นที่เล็กๆ ของเมือง
เรารู้จัก มาเก๊า แบบพอหอมปากหอมคอ ถ้าละเอียดกว่านี้เกรงจะเป็น วิชาประวัติศาสตร์เกินไป การเดินทางครั้งนี้ เริ่มจากสนามบินดอนเมือง ถึงท่าอากาศยานประเทศมาเก๊า ใช้เวลาเกือบๆ 3 ชั่วโมง เวลาในประเทศมาเก๊า เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง มาเก๊า ใช้เงินสกุล ปากาตามาเก๊า (MOP) หรือจะใช้เงินสกุล ฮ่องกง (HK) ก็ได้ แต่ส่วนมาก ในคาสิโน มักใช้เงินฮ่องกงเป็นส่วนใหญ่ โดยคำนวณง่ายๆ คูณ 5 จากป้ายราคา จะได้เป็นค่าเงินไทยนั่นเอง
บรรยากาศ ใน The Venetian
เราผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองอย่างง่ายมาก เป็นประเทศแรกที่เราไม่ต้องกรอกเอกสารอะไรสักตัว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไม่ถาม ไม่แน่ใจว่าแม้แต่จะชำเลืองมองหน้าเราด้วยไหม ในหนังสือเดินทางไม่มีตราประทับใดๆทั้งสิ้น ออกมาจากสนามบิน เราใช้บริการรถshuttle busฟรีของคาสิโน จุดหมายแรกของเราคือ The Venetain เวเนเชี่ยนโรงแรมสุดหรูที่เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าสวยงาม มีกลิ่นอายตะวันตก มีร้านค้าแบรนด์เนมให้เลือก มากกว่า 300 ร้าน มีการจำลองคลอง มีเรือกอนโดล่าเลียนแบบเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี สถานที่สวยงามสมคำร่ำลือ แต่ท้องเริ่มหิว จึงเดินหาศูนย์อาหารแต่หาไม่เจอพอ เดินผ่านร้านทาร์ตไข่เจ้าดังที่มาเปิดสาขาที่นี่ ชิ้นเล็กประมาณขนมเปี๊ยะบ้านเรา ราคา 10 เหรียญ (50 บาท) กินชิ้นเดียวไม่อิ่มแน่ๆ จึงเปลี่ยนใจไปหาอะไรกินที่ถนนสายอาหารไทปา ในหมู่บ้านไทปา (Taipa Village) ซึ่งมีตรอกเล็กๆที่ชื่อว่า ถนน Rua do Cunha เป็นตรอกคนเดิน (Food Street) ที่มีร้านค้าร้านอาหาร และขนมขายกันเต็ม 2 ข้างทาง ทั้งอาหารจีน อาหารโปรตุเกส รวมทั้งร้านคุกกี้ชื่อดัง ขนมเค้ก ของฝาก และสาขาของร้านกาแฟสตาร์บัคด้วย โดยมีลานสำหรับนั่งเล่นอยู่ทางหัวและท้ายของตรอกนี้ เราเดินมาถึง ถนนยังไม่ถึงเวลาคึกคัก ร้านค้าบางร้าน เพิ่งจะเปิด เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ทะลุซอยนั้นออกซอยนี้ จนเลือกได้ร้านหนึ่งประมาณว่าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว โดยดูจากรูปแล้วชี้ เพราะพูดภาษาจีนใดๆ ไม่ได้เลย ยกเว้น หนีห่าว กับ เซียะ เซียะ ส่วนพนักงานก็ฟังและพูดภาอังกฤษไม่ได้เลย อาหารที่ได้รับมาหน้าตาประมาณนี้ ชามใหญ่มาก มีทั้งน้ำข้นสีดำๆ และน้ำใสสีขาวขุ่นๆ ราคาอาหาร ประมาณชามละ300 บาทขึ้นไป พอท้องอิ่มมีแรงเดิน จึงเดินกลับไปที่ เวเนเชี่ยนใหม่ ระหว่างทางเดินกลับ พยายามมองหาร้านสะดวกซื้อ แต่ไม่มีเลย มีแต่ตึกรูปทรงใหญ่โต มโหฬาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมต่างๆ ทั้ง The Parisian, Studio City เครือโรงแรม Sands ได้เดินเล่นสังเกตการณ์อยู่ใน เวเนเชี่ยน ประมาณ 1 ชั่วโมง
รูปในเมนู
มื้อแรก ใน Macau ย่าน ไทปา
บ่ายๆ เราไปเช็คอินเข้าที่พักซึ่งตั้งอยู่ที่เกาะมาเก๊า ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะ 3 เกาะ เกาะมาเก๊า มีสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลก เช่น ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองมาเก๊าก็ว่าได้ ถือเป็นสถานที่ที่มีความสวยงาม เป็นมหาวิหารทางศาสนาแห่งแรกในตะวันออกไกล สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1602 เสร็จในปีค.ศ. 1637 ออกแบบโดยพระนิกายเยซูอิตชาวอิตาเลียนโดยความช่วยเหลือของคริสเตียนชาวญี่ปุ่น เป็นโบสถ์คาทอลิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเวลานั้น แต่ในปีค.ศ. 1835 เกิดเหตุเพลิงไหม้จนตัวอาคารโบสถ์พังทลายเกือบหมด โดยเหลือไว้เพียงแค่ด้านหน้าของตึก ที่มีรายละเอียดของสถาปัตยกรรม ส่วนของบันไดทางขึ้นและบางส่วนของตัวกำแพง
แล้วนั้นแวะไป บ้านแมนดาริน ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1869 โดยนักประพันธ์จีนนามว่า เฉิงกวนยิง เพื่อเป็นตัวอย่างของบ้านแบบจีนโบราณ โดยมีลักษณะเป็นกลุ่มบ้านทรงจีน ที่ประกอบไปด้วยเรือนหลายหลัง มีอาณาบริเวณ ซึ่งแสดงถึงการผสมผสานระหว่างรายละเอียดของความเป็นจีนกับความเป็นตะวันตก เช่นการใช้อิฐสีเทาประดับโค้งประตู หรือหน้าต่างระแนงทำจากไม้ซุงประดับด้วยแผ่นกระดานสี่เหลี่ยมกรุมุกด้วยลวดลายแบบอินเดีย เป็นต้น ส่วนเกาะไทปาเป็นที่ตั้งของบรรดาคาสิโนและโรงแรม อีกเกาะคือโคไลอาน หมู่บ้านประมงชายทะเลซึ่งมีความเงียบสงบที่สุด ปัจจุบัน เกาะไทปาและโคไลอาน กลายเป็นแผ่นดินเดียวกัน จากการถมทะเล
เราหมายตา ร้านอาหารจีน ข้างๆที่พัก มีเมนูอาหาร พร้อมคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ มีเมนูทั้งข้าวและเส้น ให้เลือก ตรงข้ามที่พัก มี 7/11 นึกในใจว่ายังไงก็ไม่อดแน่ จึงออกเดินเที่ยวดูบ้านเมือง ยิ่งตอนฟ้ามืดโรงแรมต่างๆ แข่งกันติดไฟสวยงาม มีการแสดงให้ชมฟรี เช่น น้ำพุเต้นระบำ ผู้คนคึกคักเต็มท้องถนน บนรถประจำทางมีคนยืนแน่นพอๆกับบ้านเรา เดินสำรวจบ้านเมืองจนเมื่อย อาหารเย็นมื้อนี้เราพึ่งข้าวกล่องใน7/11 รสชาติไม่เลวเลย มีเมนูหลากหลายและที่สำคัญราคาถูกกว่ามาก มีให้เลือกทั้ง เนื้อ หมู ปลา มีราคาอยู่ระหว่างตั้งแต่ 16-30 เหรียญ
เช้านี้ วางแผนไปกินข้าวเช้าที่ตลาดแดง ( Red Market) ก่อนไปรองท้องด้วยขนมปัง จากร้านเบเกอรี่ข้างโรงแรมที่พัก ราคาไม่แพง ตลาดแดง หรือ red market ได้อารมณ์ประมาณ เยาวราช เราแวะกินโจ๊ก ปาท่องโก๋ และก๋วยเตี๋ยวหลอด เป็นแผ่นแป้งม้วนราดน้ำซอสซีอิ๊วดำรสหวานเค็ม ส่วนโจ๊กอร่อยมาก เนื้อเนียนคล่องคอ หมูชิ้นใหญ่นุ่ม มีเครื่องในรวมทั้งตับและไส้อ่อนด้วย แต่ไม่ได้ใส่ไข่มาให้ อาจเป็นเพราะเราสั่งไม่เป็นโดยใช้การชี้จากโต๊ะข้างๆ 3 อย่างที่ว่ามา ราคารวม 40 เหรียญ ราว 200 บาทไทย กิน 3 คนอิ่ม ก่อนออกจากตลาด เราแวะซื้อข้าว 1กล่อง มี หมู ไก่ หมูกรอบให้เลือก ในราคา 25 เหรียญ แถมน้ำส้ม1กล่อง คนขายใจดี บอกว่ายังแถมหมูมาให้เราเพิ่มในกล่องด้วยนะ
ย่าน Red Market
อาหารเช้า
มื้อกลางวัน ไปอยู่แถว Mandarin House หนึ่งในมรดกโลกของมาเก๊า เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ เข้าชมได้ฟรี ที่ฝั่งตรงข้ามเห็นมีแถวต่อซื้อข้าวกล่อง จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ คล้ายข้าวราดแกงในบ้านเรา มีถาดกับข้าว 10 กว่าถาด ทั้งผัดเนื้อสัตว์ มีทั้งหมู เนื้อ ไก่ ปลา และผัดผัก ยิ่งใกล้เที่ยง คนยิ่งรอต่อแถวยาวเหยียด ยืนสังเกตดู ข้าวราดกับ 3อย่าง แถมน้ำซุป ราคา 20 เหรียญ เราเลยเข้าแถว เลือก เนื้อผัด ไข่เจียว และผัดผัก 1กล่อง ให้มาเยอะมาก เรา3คน มีข้าว 2กล่อง แวะซื้อน้ำเปล่า 1ขวด 7 เหรียญ น้ำอัดลม 1ขวด 8 เหรียญ รวมมื้อนี้ราคา 60 เหรียญ ทั้งอิ่มและอร่อยราคาถูกกว่าเมื่อวานมากๆ และเราเลือกไปนั่งกินแถวๆ จัตุรัสลีเลา 1ใน 25 มรดกโลกของมาเก๊า อาคารโดยรอบจัตุรัสแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นอพาร์ตเมนต์ ที่ออกแบบและตกแต่งตามสไตล์โปรตุเกส ซึ่งให้บรรยากาศแบบยุโรปตอนใต้ นอกจากนี้น้ำบาดาลที่จัตุรัสลีเลาแห่งนี้ ยังมีความเชื่อว่า “ผู้ใดที่ดื่มน้ำจากลีเลาแล้วจะไม่มีวันลืมมาเก๊า หากไม่ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ ก็จะต้องกลับมาเยือนอีกครั้ง”
ข้าวแกง ใน มาเก๊า
2 กล่อง 45 เหรียญ
มื้อเย็นวันนี้ เราตุน ขนมปัง น้ำอัดลม จากร้านโชวห่วยข้างทางที่เดินผ่าน ขนมปังแฮมเบอร์เกอร์ใส่ไส้หมูทอด แต่ไม่มีผักหรือซอสน้ำจิ้มใดๆ จากร้านเบเกอรี่เจ้าเดิมข้างโรงแรม ผู้ร่วมทางไม่สนอาหารเย็น แจ้งว่าจะไปเดินเล่นในคาสิโน เราจึงซื้อบะหมี่สำเร็จรูป เป็นอาหารเย็น ในราคา 1ห่อ7 เหรียญ แต่ถ้าคุณซื้อ 2ห่อ 10เหรียญค่ะ
เบอร์เกอร์หมูทอด vs ซาลาเปา
มื้อเช้านี้ เราวางแผนจะไปเดินตลาดแดงกะว่า จะไปซื้อข้าวกล่องเหมือนเมื่อวาน กล่องละ25 เหรียญ และอยากไปเห็นตลาดสดตอนเช้าๆ ดูวิถีความเป็นอยู่ จึงไปถึงตลาดประมาณ 7.30 แต่ร้านรวงต่างๆ ยังไม่เปิด มีเพียงบางร้านเพิ่งจะเริ่มแง้มประตู ร้านข้าวกล่องของเราก็เพิ่งเริ่มจะเปิด คนที่นี่ ตื่นสายมากๆหรืออย่างไร ด้านตลาดสดก็ยังปิดประตูอยู่ ระหว่างทางกลับที่พัก ผ่านร้านอาหาร เห็นมีเมนูข้าวผัด จึงเข้าไปสั่ง เขาทำมือกากบาท คือไม่มี หรือไม่ขายนะ ถ้างั้นไปกินร้านอาหารจีนข้างโรงแรมก็ได้ ถึงร้านใช้ภาษามือและดึงมือคนขายไปดูเมนูหน้าร้าน เขาชี้ให้เราดู เขียนว่า เมนูข้าว บริการหลัง 11.00 น.
ตกเย็น หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินตระเวนสำรวจคาสิโนต่างๆ เกือบทุกแห่งแล้ว ได้แวะร้านเล็กๆ ร้านหนึ่ง อยู่ตรงข้ามโรงแรมที่พัก เลือกผัก เนื้อสัตว์ น้ำจิ้ม ให้คนขายปรุงให้ โดยมี เห็ดเข็มทอง ผักกาดขาว เนื้อวัวติดมัน ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง และใส่เส้นคล้ายเส้นหมี่ แต่เส้นใหญ่กว่า เลือกน้ำจิ้ม คล้ายๆ น้ำจิ้มสุกี้ เนื้อนุ่มไม่เหนียว ลูกชิ้นทั้งปลาและกุ้ง ลูกใหญ่ ไม่เหม็นคาว ได้รสทั้งปลาและกุ้งไม่ผิดหวัง ส่วนอีกชาม เป็นเส้นบะหมี่ ราดด้วยคากิ บะหมี่ เส้นนุ่ม คากิ กรุบๆ อร่อย ติดใจ จนเราคิดจะซื้อแต่คากิ มากินเปล่าๆ แต่ไม่มีใครเห็นด้วย 2 ชาม 3คนอีกแล้ว และอิ่มอร่อย มื้อนี้ ราคา 90 เหรียญ
เส้นหมี่ราดคากิ
เลือกวัตถุดิบเอง แล้วส่งให้คนขายลวก
มาเที่ยวมาเก๊าครั้งนี้ เราถือคติ ไปกินเอาดาบหน้า ไม่ได้เจาะจงว่าต้องตามไปกินร้านดัง เลือกกินแบบคนท้องถิ่น ไม่ตามไปกินแบบนักท่องเที่ยว ลองดูนะคะ เดินบ้างขึ้นรถเมล์บ้าง ชมบ้านเมือง หิวเป็นแวะกิน ทำให้เราพบร้านอร่อยของเราเอง เช่นทาร์ตไข่ในตลาด เพิ่งออกมาจากเตาอบใหม่ๆ หอม อร่อย และราคาไม่แรง หรือเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวบางที่ มีร้านค้าแข่งกัน ยื่น หมูแผ่น คุ๊กกี้อัลมอนด์ ให้ชิมตลอดทาง เรียกว่าอิ่มแบบไม่เสียตังค์ ไม่ต้องกลัวท้องเสียนะคะ ที่นี่ เราเห็นร้านขายยากระจายเป็นดอกเห็ด เรียกว่า ทุกถนนที่เราเดินผ่าน จะต้องเห็นร้านขายยาแน่นอน น้ำเปล่าที่นี่ แพงพอๆหรือแพงกว่าน้ำอัดลมขวดลิตรในบ้านเรา แต่เบียร์ชิงเต่าถูกกว่าที่บ้านเรา หากแต่ในคาสิโนช่วยได้ ก่อนออกจากที่พักในโรงแรม เราแวะไปหยิบน้ำเปล่าในคาสิโนติดตัวไปด้วยฟรีค่ะ
ชิมได้ตลอดทาง
ทาร์ตไข่หอมอร่อยราคาชิ้นละ 3 เหรียญ
ปล. อาหารต่างๆที่ได้ไปชิมมา เป็นร้านข้างทาง ธรรมดาๆ ที่คนเดินดินกินข้าวแกง เป็นประจำสามารถลองลิ้มชิมรสได้ทุกมื้อ เป็นความคิดเห็นและรสนิยมส่วนตัว ไม่มีแสตนอิน ไม่มีสลิง ใดๆนะคะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี