ศาสตราจารย์เกียรติยศ นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์ประจำพระองค์ และอดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลประทาน (พ.ศ.๒๕๑๐ - ๒๕๓๐) ได้ถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน ลงในหนังสือ "๑ ทศวรรษ" ว่า ในโอกาสที่ครบ ๑ ทศวรรษ “ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน” ในวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผู้บริหารของโรงพยาบาลชลประทานขอให้เขียนถึงเรื่องราวโรงพยาบาล ชลประทานในอดีตเข้ามาสู่สังกัดมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เพื่อลงในหนังสือ “กิตติกรรมประกาศ” ใน โอกาสอันเป็นมงคลนี้ ความเจริญก้าวหน้าของโรงพยาบาลชลประทาน ซึ่งตั้งอยู่ในกรมชลประทาน อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ผมเองได้มีโอกาสร่วมพัฒนาโรงพยาบาลชลประทานมาในระยะต้น ผู้มารับบริการเป็นผู้ป่วยเป็น เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานและครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ ต่อมาได้มีประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงเจ็บป่วยและผู้ประสบ อุบัติเหตุบนท้องถนนมารับบริการจากโรงพยาบาลชลประทาน ทำให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โรงพยาบาล จึงได้เพิ่มจำนวนเตียงจาก ๙๐ เตียงเป็น ๓๐๐ เตียง และพัฒนาด้านบุคลากร อาคารสถานที่ ด้านวิชาการ อุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงจัดส่งแพทย์ไปศึกษาเพิ่มเติมให้มีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญหลักทุกสาขา รวมทั้งพยาธิวิทยา เอกซเรย์และเวชกรรมฟื้นฟู เพิ่มจำนวนบุคลากรด้านการพยาบาล
โดยขออนุมัติคณะรัฐมนตรีตั้งโรงเรียนผู้ช่วยพยาบาล และผดุงครรภ์ และให้ผู้สำเร็จการศึกษาได้ศึกษาฝึกงาน ต่อเนื่องถึงระดับพยาบาลวิชาชีพประมาณ ๓๐๐ คน สามารถให้บริการตรวจรักษาได้ครบทุกสาขาหลัก โรงพยาบาลชลประทานได้รับการรับรองจากแพทยสภาให้เป็นสถาบัน สำหรับอบรมแพทย์ฝึกหัดตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๕ ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงได้โอนมาอยู่ในสังกัดมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ซึ่งได้เริ่มทำการ ขอโอนมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๗ ทางมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเห็นว่าโรงพยาบาลชลประทานมีศักยภาพดีพอที่ จะเป็นโรงพยาบาลสำหรับการเรียนของนักศึกษาแพทย์ จึงได้ติดต่อขอโอนโรงพยาบาลชลประทานไปอยู่ในสังกัด คณะแพทยศาสตร์ แต่ทางกรมชลประทานมีความเห็นว่าโรงพยาบาลได้ทำประโยชน์ให้แก่ผู้ป่วยของกรมและ ประชาชนได้กว้างขวางอยู่แล้ว จึงไม่ได้โอนไปมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คงยังอยู่ในสังกัดกรมชลประทาน ทางมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒจึงเริ่มก่อสร้างศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ ที่อำเภอองครักษ์ จังหวัด นครนายก
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเริ่มต้นด้วยการเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง และพัฒนาเป็นวิทยาลัย วิชาการศึกษาจนกระทั่งเป็นมหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ โดยเน้นทางด้านสังคมศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ เป็นหลัก มหาวิทยาลัยได้มีคณะวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ และวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น เริ่มต้นจากการ จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยไม่ได้ก่อตั้งโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยและขอให้โรงพยาบาล วชิรพยาบาลของกรุงเทพมหานครร่วมมือกันในเรื่องการจัดการเรียนการสอนในชั้นคลินิก แต่ยังคงหาที่ตั้งโรง พยาบาลในสังกัดของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และได้ขอพระราชทานชื่อโรงพยาบาลเป็นศูนย์การแพทย์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ซึ่งในช่วงนั้นได้มีความพยายามที่จะหาสถานที่ก่อสร้างอาคารศูนย์การแพทย์สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ หลายแห่งด้วยกัน และในสถานที่ดังกล่าวก็มีโรงพยาบาลชลประทานซึ่งสังกัดกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ติดขัดต้นสังกัดเดิมไม่เห็นด้วยซึ่งต่อมารัฐบาลในสมัยนั้นเห็นว่าโรงพยาบาล ชลประทานเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ให้บริการแก่ประชาชนในจังหวัดนนทบุรี กรุงเทพมหานครรอบนอก และ จังหวัดปทุมธานี จึงบังคับให้โรงพยาบาลชลประทานไปสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงเวลาปี พ.ศ.๒๕๔๕และ พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นเวลาประมาณ ๕ ปีทางมหาวิทยาลัยจึงได้ขอโอนไปอยู่ในสังกัดมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) พร้อมกับกรมชลประทานได้มอบที่ดิน ๗๑ ไร่เศษให้ ซึ่งพื้นที่ดินที่ได้รับไปพร้อมอาคารน่าจะเพียงพอสำหรับ การขยายกิจการและพัฒนาองค์กรต่อไปในอนาคต ก่อนโอนย้ายไปอยู่ในสังกัดมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โรงพยาบาลชลประทานมีศักยภาพและขีด ความสามารถใกล้เคียงกับโรงพยาบาลประจำจังหวัดขนาดใหญ่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ทาง มศว ได้เริ่ม พัฒนาหลังจากรับโอนตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นมา
ด้านอาคารสถานที่ก่อสร้างเพิ่มเติมมีอาคารผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ๒ หลังเป็นอาคาร ๖ ชั้นและ ๒๐ ชั้น พร้อมกับอาคารการเรียนการสอน ได้ให้นักศึกษาแพทย์มาเรียนในชั้นคลินิก ได้ทราบว่ามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) มีแผนพัฒนาและโรงพยาบาลชลประทาน (ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน) จัดทำแผนยุทธศาสตร์ไปสู่การเป็นเลิศของโรงเรียนแพทย์ และการให้บริการทางการแพทย์ รวมทั้งการสาธารณสุขด้วย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒมีประสบการณ์ด้านการศึกษาระดับสูงมายาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ประกอบกับผู้บริหารมีความเข้มแข็ง ทุ่มเท สมัครสมานสามัคคีทำให้มีความก้าวหน้ามาเป็นลำดับ นักศึกษาแพทย์ ได้มาเริ่มเรียนและฝึกงานกันแล้ว ทราบว่าโรงพยาบาลยังขาดอุปกรณ์การแพทย์อีกมาก หวังว่าปีหน้าเป็นปีที่เริ่ม ทศวรรษที่ ๒ คงจะแก้ไขเรื่องงบประมาณไม่พอได้ จึงขอแสดงความยินดีที่คณะผู้บริหารของโรงพยาบาล ชลประทานและทางมหาวิทยาลัยได้กำลังหาทางแก้ไขในเรื่องนี้อยู่แล้ว
ถึงแม้ว่ายังขาดบุคลากรและจะได้เงินช่วย เหลือช้าไปบ้าง แต่ก็ได้เห็นความร่วมมือและเอาใจใส่ของคณะอาจารย์ผู้บริหาร จึงเป็นที่หวังว่าจะได้รับผลสำเร็จ ในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องในโอกาสที่โรงพยาบาลชลประทาน (ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุชลประทาน) จะมีอายุครบ ๑ ทศวรรษในวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ขออวยพรให้โรงพยาบาลชลประทาน (ศูนย์การแพทย์ปัญญานันท ภิกขุ ชลประทาน) เป็นองค์กรทางการแพทย์ที่มีความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ในอนาคตอันได้แก่ ๑. เป็นเลิศแห่งบริการการบริการสุขภาพและบริหารวิชาการ ๒. เป็นเลิศในทางวิชาการและเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ๓. เป็นเลิศในการวิจัย ๔. เป็นเลิศในด้านความเป็นสากลระดับโลก
ข้อมูล โดย ศาสตราจารย์เกียรติยศ นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์ประจำพระองค์ และอดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลประทาน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี