ระหว่างการเดินทางจากภูเก็ตมาเขาหลัก เราแวะจุดชมวิวเสม็ดนางชี ตั้งอยู่ในอำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ที่มาของคำว่า เสม็ดนางชี มาจากเรื่องเล่าในอดีตว่า ที่หมู่บ้านแห่งนี้มีพระภิกษุชรา 1 รูปอาศัยอยู่ที่เขาพระอาดเฒ่า ตัวพระภิกษุหนุ่มอาศัยอยู่ที่เขาพระอาดหนุ่ม และมีแม่ชีอาศัยอยู่ที่ใกล้จุดชมวิวและจะเดินไปมาหาสู่กัน แล้วต้องเดินผ่านลำคลอง เมื่อแม่ชีเดินผ่านต้องเหม็ดผ้าขึ้น หมายถึง พับผ้าขึ้นให้พ้นจากระดับน้ำ ไม่เช่นนั้นชายผ้าจะเปียกหมด
จึงเป็นที่มาของคำว่า เสม็ดนางชี การขึ้นมาบนเสม็ดนางชี จะมีรถกระบะรับส่งขึ้นไปบนจุดชมวิว มีค่าบริการคนละ 30 บาท ข้างบนนี้วิวสวยงามมากเหมือนภาพวาด มองเห็นภูเขาหินปูนเรียงรายแทรกตัวกับท้องทะเลของอ่าวพังงา เจ้าหน้าที่บอกว่าตอนกลางคืนมีดาวล้านดวงให้นอนชม จากจุดชมวิว เราแวะไปชิมกาแฟบนต้นไม้ Tree Cups Phang Nga Coffee โดยตัวร้านตั้งอยู่บนบนต้นตะเคียนอายุกว่า 300 ปี มีรากขนาดใหญ่ ความสูงถึง 17 เมตร
เราเตรียมจะไปดำน้ำที่หมู่เกาะสุรินทร์ ก่อนช่วงปิดเกาะในวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งมีเวลาเปิดปิดตามนี้
-ปิดฤดูการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม - 15 พฤศจิกายน ของทุกปี
-เปิดฤดูการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน - 15 พฤษภาคม ของทุกปี
หมู่เกาะสุรินทร์เป็นหมู่เกาะที่วางตัวอยู่ในกลุ่มอ่าวขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นที่บังคลื่นลมได้ดีทั้งสองฤดู คือ ฤดูร้อน และฤดูฝน จึงเป็นแหล่งกำเนิดแนวปะการังน้ำตื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านของชาวเลกลุ่มสุดท้ายที่ยังดำรงวัฒนธรรมดั้งเดิมมากที่สุด คือ มอแกน หรือ “ยิบซีแห่งท้องทะเล” ประมาณ 200 คน ปัจจุบันได้ตั้งหมู่บ้านอยู่ที่เกาะสุรินทร์ใต้ อาชีพขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว และบางส่วนทำงานเป็นลูกจ้างของอุทยานฯ
พูดถึงเขาหลัก พวกเรายังจำเหตุการณ์เศร้าสลด สึนามิ ออกจะหวั่นนิดๆ แต่เราได้ที่พักราคาดี Centara Seaview Resort Khao Lak ราคารวมอาหารเช้าไม่ถึง 2 พันต่อคืน จึงเลือกพักที่นี่ และก็ไม่ผิดหวัง
ถึงที่พักประมาณเย็นๆ หารือกันว่าเย็นนี้ จะกินอะไรกันดี เพราะเรามาถึงทะเลภาคใต้ แต่ยังไม่ได้ลิ้มลองชิมอาหารทะเล หรืออาหารพื้นบ้านที่รสชาติถึงใจเลย น้องในทีมเอ่ยชื่อร้าน “เรอดัง” แวบแรกคิดไปถึงชื่อร้านอาหารเวียดนาม แต่ว่าไงว่าตามกันขับรถจากที่พักเขาหลักไปไม่ไกล ร้านอยู่ริมถนน หาง่าย ได้กินครั้งแรกเกิดติดอกติดใจถึงกับแวะเวียนไปกินตลอด 3 มื้อเลยทีเดียว
เมื่อเข้าไปในร้าน มีลูกค้านั่งรออยู่แล้ว 2 โต๊ะ ดูลักษณะแล้วท่าทางเป็นคนพื้นบ้านแถวนั้น ไม่ใช่นักท่องเที่ยวอย่างเรา
ถามว่ามีปูดำไหม น้องคนจดเมนูบอกมีค่ะ มีไข่ด้วย กิโลละเท่าไร เธอตอบว่า 55 เราเข้าใจว่า 55 คือกิโลละ550 ถือว่าถูกมากแถมมีไข่ด้วย สั่งเลยกิโลหนึ่ง แต่หาก 1 กิโล มีไม่ถึง 4 ตัว เพิ่มให้ครบ 4 ตัวนะ แต่ถ้า 1 กิโลเกิน 4 ตัว เอามาหมดเลย ตามมาด้วยแกงส้มหน่อไม้ดอง นั่งรอสักครู่ เจ้าของร้านผู้ชายมาบอก ปูหมดแล้ว หน้านี้เริ่มฤดูมรสุม ปูมีน้อย แกงส้มหน่อไม้ดองก็หมด ทำเอาผิดหวัง เลยสั่งตามที่ร้านมี รายการอาหารของเราจึงกลายเป็นแกงส้มทางคูณ หรืออ้อดิบ คือ ต้นคูน ของภาคกลาง ก่อนใช้ปรุงอาหารให้ลอกเยื่อบางๆ ออก แล้วหั่นเป็นท่อนคล้ายสายบัว นอกจากนี้ยังมีชื่อที่เรียกตามท้องถิ่นอื่นอีก เช่น คูน (ภาคกลาง) โหรา อ้อดิบ(นครศรีธรรมราช) ใช้กินเป็นผักสดจิ้มน้ำพริก แกล้มแกงรสจัด ส้มตำ ใบอ่อนและก้านชาวเหนือนำไปแกงส้มใส่ปลา ปรุงเป็นผักในแกงแคหรือแกงกะทิ ชาวใต้นิยมนำก้านไปแกงเหลืองใส่ปลา สรรพคุณทางยา ลำต้นใต้ดินเป็นยาถ่ายแก้พิษไข้ พิษร้อน พิษตานซาง ลำต้นใต้ดินสด รักษาแผล กลัดฝ้า กลัดหนอง แก้โรคเถาดานในท้อง ภาคเหนือใช้ผลสดฝนผสมกับน้ำผึ้งกินละลายเสมหะ พืชตระกูลบอนเป็นพืชที่นิยมนำมาประกอบอาหารประเภทต่างๆ เช่น แกง ยำ ลวก หรือบางรายก็กินดิบๆ แต่เนื่องจากเป็นพืชที่มีหลายตระกูลหลากหลายสายพันธุ์ มีทั้งชนิดที่กินได้และกินไม่ได้ โดยมีลักษณะใบและก้านที่ล้ายคลึงกัน ดังนั้น เราจึงได้ยินอยู่บ่อยๆว่า ผู้ที่ไม่ชำนาญการดูเมื่อเอามาบริโภคพืชดังกล่าวแล้วต้องส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากได้รับสารพิษที่มีผลึกแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) ที่มีลักษณะเป็นรูปเข็ม ไม่ละลายน้ำ ซึ่งมีอยู่ในพืชตระกูลบอนชนิดที่กินไม่ได้เข้าไปนั่นเอง จึงขอแทรกข้อมูลเรื่องทางคูนไว้พอสังเขป ตามนี้
แกงส้มทางคูณ
เริ่มจาก แกงส้มทางคูน ปลาทรายทอดขมิ้น กุ้งอบเกลือ ใบเหมียงผัดไข่ ปลาหมึกน้ำดำ และน้ำพริกหยอกฉิ้งฉ้าง เรารอกันนานมาก จนเราเริ่มกินข้าวเปล่ากับน้ำจิ้มทะเลที่ร้านยกมาให้ก่อน 2 ถ้วย เรารอจนคุยกันว่าจะไปเอาไตปลาแห้ง ที่ซื้อมากินกับข้าวไปก่อนดีไหม
กุ้งอบเกลือ
และแล้วกุ้งอบเกลือเอามาเสิร์ฟก่อน ทั้งจานมี 8 ตัว แบ่งกันคนละ 2 ลงตัวพอดี กุ้งอบเกลือร้านนี้ ใส่ตะไคร้ใบมะกรูดอบมาด้วย หอมกุ้งแชบ๊วยสด เนื้อกุ้งสดแน่นมากเข้ากันกับน้ำจิ้ม แต่ถ้าไม่จิ้มน้ำจิ้มก็ไม่ผิดกติกา พอ แกงส้ม ยกมา โอย....โชยกลิ่นหอมมาก รสน้ำแกงสุดยอด ราดกินกับข้าวร้อนๆ ด้านทางคูนชุ่มน้ำแกงแต่ยังมีความกรอบ น้ำแกงเข้มข้น ถึงแม้ไม่มีรสหวานแบบที่เราชอบ แต่ยังกลมกล่อม อีกจานหนึ่งคือปลาทรายทอดขมิ้น ทอดมาได้กรอบพอดี กระเทียมกับเครื่องขมิ้นที่โรยบนตัวปลากรอบกำลังดี หอมขมิ้นกระเทียมแบบไม่ต้องกินปลากินแต่กระเทียมขมิ้นทอดก็อร่อยแล้ว รายการสุดท้าย ใบเหมียงผัดไข่ แม่ครัวออกมาแจ้งว่า ใบเหมียงมีไม่พอเลยใส่วุ้นเส้นมาให้ด้วย ซึ่งบังเอิญลงตัวที่สุด ผัดได้ไม่มันแต่หอม กินกับข้าวราดน้ำแกงส้ม พวกเราปลาบปลื้มยิ้มแย้มแจ่มใสกันจนลืมอาหารอีก 2 รายการที่ยังไม่มา แม้ท้องจะอิ่มแต่ก็ตะกละอยากชิมเมนูอื่นอีก จนแม่ครัวของร้านออกมาคุยด้วย เราถามหาปูดำ ถ้ามีพรุ่งนี้จองไว้เลย ตบท้าย เราได้สับปะรดภูเก็ตมาปลอบใจจานใหญ่ สับปะรดปอกมาสวยงามแบบภัตตาคาร
ปะการังที่หมู่เกาะสุรินทร์
รุ่งเช้า เรามีนัดไปดำน้ำกับบริษัททัวร์ อาหารเช้าที่โรงแรมเปิด 6.30 น. พวกเราลงมาเป็นคนแรกๆ ของห้องอาหาร อาหารมีให้เลือกสมกับราคาของโรงแรม มื้อกลางวัน เรากินอาหารตามที่บริษัททัวร์จัดให้ เมื่อกลับจากดำน้ำ เราโทรไปสอบถาม และเสียงเฮดังลั่นขึ้น เมื่อเจ้าของร้านแจ้งว่า ได้ปูมา 1 กิโลกรัมหน่อยๆ เก็บอย่างดีไว้ให้แล้ว เรานัดว่าจะไปถึงร้านค่ำหน่อยๆ เพราะเราเพิ่งกลับจากทะเล จึงสั่งอาหารล่วงหน้าไว้เลย
ปูไข่นึ่งไข่แน่นท้อง
ปูไข่ ให้เอามานึ่งทั้งหมด กุ้งอบเกลือ ปลาหมึกน้ำดำ แกงส้มทางคูน ปลาทรายทอดขมิ้น และน้ำพริกหยอกฉิ้งฉ้าง พอเราไปถึงร้าน มีลูกค้ารออยู่ 2-3โต๊ะ เลยต้องรอเหมือนเดิม ปูยกมาก่อนจานแรกแม้ตัวไม่ใหญ่ แต่มีไข่ทุกตัว ยวงเนื้อแน่น น้ำจิ้มทะเลหอมกลิ่นมะนาวใหม่ น้องที่ยกมาบอกน้ำจิ้มทำใหม่ๆ ถูกใจกันทุกคน อาหารค่อยๆ ทยอยมาทีละอย่าง เราคงใช้เวลาในการกินไม่น้อย แขกโต๊ะอื่นๆ ลุกไปหมดแล้ว ฝนตกหนัก ไฟในร้านดับ แต่เรายังปักหลักกับการกิน จนแม่ครัวต้องออกมาถาม เหลือน้ำพริกยังรับอยู่ไหม เสียงตอบพร้อมๆ กันเลยว่าเอา สรุปน้ำพริกคล้ายๆ น้ำพริกกะปิ มีผักต้มแกล้มมาด้วย เมนูทั้งหมด เราสี่คนกินไม่หมด เหลือปู 1 ตัว ปลาทราย 2 ตัว และน้ำพริก เราขอจัดใส่ถุงเนื่องจากเสียดาย
หมึกน้ำดำ
ใครจะคิดว่าหลังจากที่ปรึกษากันถึงมื้อกลางวันจะกินไรกันดีนะ เราได้เจอร้านถูกใจที่สุด แล้วจะเสี่ยงไปลองร้านอื่นกันทำไมเล่า สรุปแล้วมื้อกลางวันก่อนกลับภูเก็ต เราไปซ้ำที่ เรอดัง กันเป็นมื้อที่ 3 ตกลงกันว่าจะสั่งอาหารแค่ 3 อย่าง โดยให้แม่ครัวแนะนำ ต้มส้มปลากระบอก กุ้งผัดสะตอ และหมูคั่วเกลือ ขอบอกว่าไม่ผิดหวังที่มากินร้านเดิม อาหารปรุงทีละจาน แม้รอนานไปหน่อยแต่คุ้มค่าการรอคอย
อาหารที่เหลือจากเมื่อวาน แม่ครัวก็อุ่นให้ร้อนๆ จนเราต้องขออนุญาตสอบถามประวัติแม่ครัวกันเลยทีเดียว ได้ความว่า พี่มาด หรือเราเรียกมาร์กี้ เคยเป็นเชฟที่โรงแรม (ดังที่พวกเราคาดไว้โดยดูจากการปอกสับปะรด) อยู่ร้านอาหารดังๆใน กรุงเทพมาแล้วหลายๆ ร้าน เอ่ยชื่อเป็นต้องรู้จัก กลับมาตั้งหลักปักฐานที่บ้านเกิด ได้คุยกับแม่ครัวเราเชื่อทฤษฎีอย่างหนึ่งที่ว่า แม่ครัวอารมณ์ดี รสมือมักอร่อยตามไปด้วย
สะตอผัดกุ้ง
ต้มส้มปลากะบอก
หมูคั่วเกลือ
ในครั้งนี้ พังเดือน จึงขออนุญาตแนะนำและเชิญชวนคุณผู้อ่าน ถ้ามีโอกาสผ่านไปแถวเขาหลัก พังงา ลองแวะชิม “เรอดัง” อาหารทะเลอาหารพื้นบ้าน รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง
ร้านหาไม่ยากตั้งอยู่ตรงข้ามเทศบาลลำแก่น เบอร์โทร. 085-6915821
ปล. อาหารต่างๆ ที่ได้ไปชิมมา เป็นร้านข้างทางธรรมดาๆ สำหรับคนเดินดินกินข้าวแกง สามารถลองลิ้มชิมรสได้ทุกมื้อ อร่อยจนเมื่อกินอิ่มถึงกับขนาดต้องแข่งกันเรอ เป็นความคิดเห็นและรสนิยมส่วนตัว ไม่มีแสตนอิน ไม่มีสลิงใดๆนะคะ
บ๊ะจ่างไส้ทุเรียน
เนื่องจากวันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน นี้ เทศกาลบ๊ะจ่างได้เวียนมาถึงอีกครั้งหนึ่ง พรรคพวกในแวดวงแจ้งข่าวมาว่ามีการประดิษฐ์บ๊ะจ่างไส้ใหม่เป็นครั้งแรกของโลกนี้ คือ บ๊ะจ่างไส้ทุเรียนหมอนทอง นับเป็นผลิตภัณฑ์จากทุเรียนรูปแบบใหม่เอี่ยมที่ชาติอื่นจะลอกเลียนได้ยาก ท่านที่สนใจกรุณาติดต่อได้ที่ 02-224-997 ต่อ 385, 338
เรื่องและภาพ พังเดือน(แทน)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี