คุณทักษิณ ชินวัตร อยู่ในแวดวงการเมืองไทยมาร่วมเกือบ 50 ปี โดยเริ่มตั้งแต่การเป็นนายตำรวจติดตามนายปรีดา พัฒนถาบุตร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในคณะรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช จนกระทั่งไปเข้าร่วมกับพรรคพลังธรรม ก่อนจะขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อจากพลตรีจำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในคณะรัฐบาลชวน หลีกภัย (ชวน 1) ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้ลาออกจากพรรคพลังธรรม โดยให้เหตุผลว่าจะกลับไปดำเนินการธุรกิจครอบครัวทางด้านการสื่อสารโทรคมนาคม พร้อมกับการวางแผนและเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ในนามพรรคไทยรักไทย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 6 มกราคม 2544 ส่งผลให้ คุณทักษิณ ชินวัตร ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นผลของการเทใจของสังคมไทยส่วนมากในขณะนั้น โดยหวังให้คุณทักษิณ ชินวัตร นำพาประเทศชาติก้าวไกลไปข้างหน้าอย่างสง่างาม เพราะคุณทักษิณ ชินวัตร มีภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ จัดเจนกับธุรกิจระหว่างประเทศ ประสบความสำเร็จในเรื่องธุรกิจอย่างใหญ่หลวง และฉะนั้นก็น่าจะสามารถนำเอาความสำเร็จ และประสบการณ์ต่างๆ มารับใช้แผ่นดินเกิดได้เป็นอย่างดี
นั่นจึงทำให้ทั้งในอดีต และในเหตุการณ์ร่วมสมัยของการเมืองไทยมีชื่อ คุณทักษิณ ชินวัตร อยู่เสมอ เพราะได้สร้างความหวังมากกว่านักการเมืองใดๆ ไม่ว่าจะด้วยโครงการค่ารักษาพยาบาล 30 บาทต่อครั้ง โครงการค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ และโครงการประกันราคาข้าวเปลือกในนามจำนำข้าว ไปจนถึงโครงการกองทุนหมู่บ้าน นโยบายเหล่านี้ได้จับจิตจับใจประชาชนพลเมืองทั้งประเทศ โดยเฉพาะชาวชนบท และชาวไร่ชาวนา ไปจนถึงลูกจ้างแรงงานเป็นการเฉพาะ กลายเป็นความนิยมชมชอบที่ฝังรากลึก เป็นฐานการเมืองที่หนักแน่นให้กับคุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็ต้องจารึกไว้ และปฏิเสธมิได้
แต่ทว่าคะแนนนิยม และความนิยมชมชอบที่มีอยู่มากมาย ที่น่าจะส่งหรือผลักดันให้คุณทักษิณ ชินวัตร ก้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จอื่นๆ ให้กับบ้านเมือง กลับถูกกัดเซาะจนสั่นคลอนจากความคิดอ่าน และการกระทำของคุณทักษิณ ชินวัตรเอง เช่น การเล่นพรรคเล่นพวก การเข้าไปแทรกแซงในระบบการบริหารราชการ การมีโครงการพัฒนาประเทศที่มีนัยของผลประโยชน์ทับซ้อน การมีเครื่องมือกลไกเพื่อดำเนินกิจการทางการเมืองนอกรัฐสภา ที่มุ่งสร้างความแตกแยกในสังคม จนเกิดผลที่สุดก็คือ คดีความถูกฟ้องร้องต่างๆ โดยล่าสุดศาลก็ได้ตัดสินจำคุกคุณทักษิณ ชินวัตร ในหลายๆ คดี รวมโทษจำคุกเป็นเวลา 8 ปี แต่ก็ยังถือว่ามีบุญอยู่บ้าง เนื่องจากได้รับพระราชทานลดโทษลงเหลือเป็นการจำคุกรวม 1 ปี ดังที่ทราบกันดีอยู่
กล่าวได้ว่าในช่วงเวลา 25 ปีที่ผ่านมาบนเวทีการเมืองของไทย คุณทักษิณ ชินวัตร คือผู้ทรงอิทธิพลสูงสุด (The Most Dominant Figure) ถึงขนาดที่ถูกปฏิวัติรัฐประหารไปสองครั้งสองครา รวมทั้งถูกประท้วงแล้วประท้วงเล่า จนพรรคที่ตนเองตั้งขึ้นมาจะถูกยุบซ้ำ เปลี่ยนจากพรรคไทยรักไทย ไปเป็นพรรคพลังประชาชน จนเป็นพรรคเพื่อไทย ระหว่างนั้นแม้คุณทักษิณเองต้องหนีคดีอาญาไปอยู่ต่างประเทศสิบกว่าปี คุณทักษิณ ชินวัตร ก็ยังสามารถปั้นนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดขึ้นมาได้อีก 5 คน นามว่า สมัคร สุนทรเวช, สมชาย วงศ์สวัสดิ์, ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, เศรษฐา ทวีสิน จนถึงลูกสาวอย่าง แพทองธาร ชินวัตร นี่แสดงให้เห็นว่าชื่อเสียง และมนต์ขลังของคุณทักษิณ ชินวัตร หาเจือจางไปจากสังคมไทยไม่ และหลังสุดยังสามารถจะเดินทางกลับสู่มาตุภูมิได้อย่างสง่างาม และมาธำรงบทบาททางการเมืองของไทยในฐานะผู้นำผู้ทรงอิทธิพลได้อีกรอบ
ตามหลักธรรมชาติ เมื่อมีพระอาทิตย์ขึ้น ก็ต้องมีพระอาทิตย์ตก เมื่อมีน้ำขึ้น ก็มีน้ำลง และตามหลักธรรม ปัจจัยปรุงแต่งทั้งหลายปราศจากความถาวร ต้องเปลี่ยนแปลงไปเมื่อปัจจัยต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป ก็อาจจะมีการวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์กันว่า การเกิดขึ้นมาของพรรคอนาคตใหม่ / พรรคก้าวไกล / พรรคประชาชน และการกลับมาสนใจในเรื่องการบ้านการเมืองของคนหนุ่มคนสาว พร้อมกับอุปกรณ์สื่อสังคมในมือ ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางทิศทาง และสาระเนื้อหาของการเมืองไทยอย่างใหญ่หลวง ซึ่งต่างส่งผลกระทบต่อมนต์ขลังของคุณทักษิณ ชินวัตร และวิธีการ “เล่นการเมือง” ที่มีฉายาว่า “ระบอบทักษิณทุนนิยมสามานย์”
การถูกประหารชีวิตทางการเมืองล่าสุดของคุณทักษิณ ชินวัตร และราชวงศ์การเมืองของเขา (The Political Dynasty) มิได้มาจากใครอื่นไกล หากแต่มาจากการที่คุณทักษิณ ชินวัตร ได้ตัดสินใจเอาบุตรีคนเล็กนามว่าแพทองธาร ชินวัตร มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของราชอาณาจักรไทย ซึ่งระหว่างมีเหตุการณ์ความขัดแย้งพรมแดนไทย-กัมพูชา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็ได้พูดโทรศัพท์ทางไกลกับนายฮุนเซน ผู้มากบารมีของราชอาณาจักรกัมพูชาด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมกับฐานะผู้นำประเทศไทย จนถูกอัดเสียงและเมื่อถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน จนนำไปสู่การถอดถอนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองของไทย เท่ากับว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นี่เองที่เป็นผู้พิฆาตทางการเมืองของระบอบทักษิณ ชินวัตร ทุนนิยมสามานย์ ผ่านทางมือของบุคคลผู้มีความสนิทสนมเยี่ยงญาติในครอบครัวเดียวกันของนายทักษิณ ก็คือนายฮุนเซน เท่ากับว่า คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ก่อ ผู้สร้าง (The Creator) และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นผู้ทำลาย (The Destroyer)
และในวันอังคารที่ 9 กันยายน 2568 นี้ ศาลก็ได้ตัดสินคดีความการไปรักษาตัวที่ชั้น 14 ของคุณทักษิณ ชินวัตร ว่าให้คุณทักษิณ ชินวัตร กลับสู่การจำคุกในเรือนจำเป็นระยะเวลา 1 ปีการนี้ก็บ่งบอกถึงการอวสานทางอิทธิพลและอำนาจทางการเมืองของคุณทักษิณ ชินวัตร และความเป็นราชวงศ์การเมืองของเขา ซึ่งเป็นการยากลำบากที่จะกลับมายิ่งใหญ่ในเวทีการเมืองของไทยอีก และทั้งนี้ก็มีนัยเกี่ยวกับการคงอยู่อีกต่อไปได้หรือไม่ของพรรคเพื่อไทย และขบวนการเสื้อแดงที่ยังหลงเหลืออยู่ และเป็นไปได้ว่าศักราชการเมืองใหม่ของไทยก็จะเริ่มและมีชีวิตชีวาต่อไป โดยไม่มีเสาหลักนามว่าทักษิณ ชินวัตร อีกแล้ว
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี