อาทิตย์ก่อนลุงทรัมป์ผมเป๋และอาตี๋คิมเกี่ยวก้อยคุยกันหวานชื่นที่สิงคโปร์ แต่ลองตรองดูเถิด งานนี้พี่คิมโกยคะแนนนิยมไปเพียบ แถมลูกเล่นเทคนิคแพรวพราวตั้งแต่อาเฮียมังกรจีนออกข่าวว่าอาตี๋คิมมาสิงคโปร์ด้วยเครื่องบินจีนนั่นเลยเชียว เพราะเหมือนอาเฮียกางปีกปกป้องกลายๆ ว่า “นี่เด็กอั๊ว”
ท่านผู้สันทัดกรณีรายหนึ่งบอกว่า แท้จริงแล้วอาตี๋คิมมาสิงคโปร์ด้วยเครื่องบินเกาหลีเหนือนั่นเอง แต่ให้เฮียมังกรออกหน้าการันตี คิดดูว่าลุงทรัมป์ที่ประชุม จี 7 ยังต้องกระหืดกระหอบบินข้ามโลกมาหาอาตี๋คิมเลย แถมอาตี๋คิมมาถึงสิงคโปร์ก่อน แล้วไปเดินเซลฟี่สบายใจยามราตรีอีกต่างหาก เอาง่ายๆ แค่ธงชาติอเมริกาคู่กับเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นประเทศเล็กจิ๋ว เท่านี้อาตี๋คิมก็กินขาดแล้ว ลงทุนนิดเดียว ได้ผลมากมายในการทำให้ชาวโลกหันมามอง
ลุงผมเป๋หวานชื่นกับอาตี๋คิมได้ไม่นานก็บินกลับมาอเมริกา เพื่อไล่กระทืบพญามังกรจีนรัวๆ โดยเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้าที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่างๆจากจีน ลุงแซมรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนคิดเป็นมูลค่ากว่า 50,000 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว เรื่องนี้กลายเป็นจุดเดือดที่ต่างฝ่ายต่างคำรามใส่กันมาตลอด แต่งานนี้ดูเหมือนว่าพญามังกรไม่กลัวไอ้นกอินทรีหัวล้านเท่าไหร่นัก เพราะถอดเกี๊ยะขว้างกลับมาทันทีทันควัน
สงครามการค้าแบบนี้มีแต่จะทำให้ชาวไร่อเมริกันเลือดไหลท่วมตัว โดยเฉพาะชาวไร่แถวบ้านดิฉันนี่แหละ เพราะแถบนี้ทำไร่ถั่วเหลืองกันทั้งนั้น โดยส่งออกเป็นอันดับหนึ่งให้แก่จีน สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) บอกว่าจะเริ่มเรียกเก็บภาษี 25% สินค้าต่างๆ ที่นำเข้าจากจีนที่อยู่ในบัญชีรายชื่อรีดภาษี ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฏาคมเป็นต้นไป
คิดหรือว่พญามังกรจีนจะเอาแต่เจี๊ยะเต้อย่างทองไม่รู้ร้อน หากแต่กระทืบตีนปัง คำรามจนหนวดกระดิกแล้วกระทรวงพาณิชย์ของจีนก็แถลงกลับทันที ว่าจะกำหนดมาตรการภาษีอย่างเท่าเทียมกันและอย่างหนักหน่วงเพื่อตอบโต้ลุงแซมเหมือนกัน โดยบอกว่า
“อั๊วก็ไม่อยากทำสงครามการค้ากับลื้อหรอกวะ อาลุงแซม แต่ลื้อบีบให้อั๊วไม่มีทางเลือกเองนี่หว่า ทำมาค้าขายกันดีๆ ไม่ชอบ เค้าเป๋ ดันตั้งแง่ตั้งเงื่อนไขไร้สาระที่สุด ลื้อนี่ใจแคบมากนะ ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งเจ็บกันทั้งคู่”
ลุงแซมนั้นอ้างว่าพญามังกรชอบก็อบสินค้าของลุงแซมอย่างชนิดได้ว่า “ทุกชนิด” การขึ้นภาษีกับสินค้าจีนคือการ “เอาคืน” ที่พญามังกรขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีของอเมริกัน เดี๋ยวก่อนนะจ๊ะ ลุงแซม สมัยก่อนลุงเองนี่แหละที่เคยก็อบสินค้าจีน แม้จะไม่กี่ชนิด แต่ลุงก็ก็อบแหละ ขอเล่าสุ่กันฟังสนุกๆ ว่าครั้งหนึ่งชาติมหาอำนาจเคยขโมยลอกเลียนสินค้าจากจีน
สินค้าที่ลุงแซมลอกจีนมาอย่างหน้าด้านๆ คือน้ำมันงู เรื่องนี้มีที่มา ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่เป็นเรื่องที่โยงใยไปถึงประวัติศาสตร์อเมริกาเลยทีเดียว หลายคนคงจำได้ว่าสมัยหนึ่งในอเมริกาเรียกว่า “ยุคตื่นทอง” นั่นคือประมาณปี ค.ศ. 1848 มีการขุดค้นพบทองคำที่แคลิฟอร์เนีย
หลังจากนั้นเป็นต้นมา อเมริกันก็อุ้มลูกจูงหลานละทิ้งบ้านช่อง แล้วมุ่งสู่ตะวันตกกันอย่างไม่ขาดสาย สมัยนั้นยังไม่มีรถไฟแต่อย่างใด ใครอยากย้ายไปฝั่งตะวันตกก็นั่งเกวียนไปอย่างสมบุกสมบัน ด้วยความอยากรวยเป็นเศรษฐีทองคำกันทั้งนั้น
พอรัฐบาลอเมริกันเห็นคนกรูไปทางตะวันตก ก็สร้างทางรถไฟจากฝั่งตะวันออกมายังฝั่งตะวันตกเป็นระยะทาง 1,800 ไมล์ ทีนี้การสร้างทางรถไฟยาวขนาดนั้นย่อมต้องใช้คนงานจำนวนมาก จึงมีการว่าจ้างคนงานจากยุโรปมาสร้างทางรถไฟ
แต่ปัญหาที่ตามมาคือ กรรมกรผิวขาวทำงานไปสักพักก็ประท้วง ยื่นขอเพิ่มค่าแรงขอนั่นขอนี่ คิดหรือว่าบริษัทรับเหมาสร้างทางรถไฟจะง้อ นอกจากไม่ง้อแล้วยังแล่นเรือไปทอดสะพานที่ท่าเรือเมืองเซี่ยงไฮ้ รับกุลีจีนมาสร้างรางรถไฟต่อแบบไม่แยแสกรรมกรฝรั่งแต่อย่างใด
แรงงานจีนกลุ่มแรกเดินทางมาถึงอเมริกาในปี ค.ศ. 1850 แต่บอกเลยว่าลุงแซมสองมาตรฐานอย่างน่าเกลียด กรรมกรจีนได้ค่าจ้างระหว่าง 26-35 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยต้องทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน วันละ 12 ชั่วโมง โดยไม่มีสวัสดิการอาหารและที่พักอาศัย ในขณะที่กรรมกรฝรั่งได้รับค่าจ้างขั้นต่ำอย่างน้อย 35 ดอลลาร์ต่อเดือน พร้อมอาหารและที่พักอาศัย เป็นไงล่ะ..คนเท่ากันมั้ยจ๊ะ
แต่อย่างไรคนจีนก็คือคนจีน ขยัน อดทน สู้งานหนัก จนนายฝรั่งพอใจ ดังนั้น กรรมกรสร้างทางรถไฟแทบทั้งหมด คือร้อยละเก้าสิบเป็นแรงงานกรรมกรจีน แต่คนเราไม่ใช่เหล็กไหล ทำงานขนาดนี้ก็ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวเป็นธรรมดา เมียก็ไม่มี บรรดาอาเฮียอาตี๋เลยต้องพึ่งพาน้ำมันงูที่เอามาด้วยจากเมืองจีน ไอ้น้ำมันงูแสนวิเศษนี่แหละที่กรรมกรจีนนวดถูตัวทุกคืน มีสรรพคุณคลายเส้นจากการทำงานหนัก
น้ำมันงูคือยาโบราณจากจีนแผ่นดินใหญ่ สกัดจากงูสายรุ้ง งูอื่นนำมาทำน้ำมันงูไม่ได้ เพราะไม่มีสรารพคุณทางยา ทีนี้พอฝรั่งอั้งม้อเห็นว่ายาขนานนี้วิเศษนัก ก็เกิดไอเดียลอกเลียนแบบทันที โดยคิดเอาเองว่าเอางูชนิดไหนก็ได้มาทำน้ำมันงู เลยไปเอางูหางกระดิ่งที่มีอยู่เพียบมาทำน้ำมันงู
การก๊อบน้ำมันงูทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันในอเมริกา ฝรั่งหัวใสใจโลภต่างลอกเลียนกันใหญ่ แต่ไม่ได้มีน้ำมันงูผสมอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว หากแต่เอาน้ำมันใสซึ่งได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบ ผสมพริกไทย น้ำมันสน และการบูร นอกจากนี้ยังมีไขมันสัตว์ ซึ่งอาจจะป็นไขมันไก่หรือหมูปนลงไป เวลาทาก็ซู่ซ่าร้อนนิดๆ เหมือนยากำลังออกฤทธิ์
พ่อค้าน้ำมันงู (ปลอม) ออกขายยาเร่ไปทั่วประเทศ คุยโม้โอ้อวดสรรพคุณ ซึ่งไม่มีจริงอย่างน้ำไหลไฟดับจนคนหลงเชื่อ ซื้อน้ำมันงูไปถูทาแก้ปวดเมื่อย เกิดอุปทานหมู่กันทั้งประเทศ จนกลายเป็นคดีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องลวงโลกนี้
พออ่านข่าวว่าลุงแซมแค้นเคืองเหลือหลายที่อาเฮียลอกเลียนสินค้าของลุงแซม ก็อดนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ เลยหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังสนุกๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี