อิ่มมื้อเล็ก ดีต่อใจ ที่เมืองสามหมอก
รอบนี้ พังเดือน ลูกทีมเถ่าชิ่วสุทัศน์ ขอชวนไปแอ่วเมืองเหนือ คราวนี้ไปไกลถึง แม่ฮ่องสอน จังหวัดซึ่งมีความโดดเด่นหลายลักษณะ โดยเฉพาะสภาพภูมิประเทศเป็นเขาสุดลูกหูลูกตา มีความหลากหลายทั้งด้านวัฒนธรรม และความหลายหลากของประชากรจากเหล่ากลุ่มชาติพันธุ์ นับเป็นจังหวัดที่สถิติน่าสนใจหลายอย่าง เช่น มีประชากรเบาบางที่สุดในประเทศ และมีประชากรน้อยมากเป็นอันดับ 5 ในขณะที่มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 8 ของประเทศ
เมืองสามหมอก
แม่ฮ่องสอนได้ชื่อว่าเป็น เมืองสามหมอก คือหมอกฝนในฤดูฝน หมอกจากควันไฟป่าในหน้าแล้ง และหมอกน้ำค้างในฤดูหนาว เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อนต้องผ่านโค้งถึง 1864 โค้ง ที่มีหมอกปกคลุมตลอดเวลา แม่ฮ่องสอนมีความพิเศษที่มีชาติพันธุ์ไม่ต่ำกว่า 12 กลุ่ม ที่อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ทั้งคนเมืองชาวไต (ไทใหญ่), ปกาเกอะญอ (กะเหรี่ยง), ม้ง (แม้ว) ล่าหู่ (มูเซอ) ลัวะและจีนฮ่อ เป็นต้น ความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรม ประกอบกับความศรัทธาในศาสนา ทำให้คนแม่ฮ่องสอนมีความรักสงบ สันติ แบ่งปันและเอื้ออาทรอย่างลุ่มลึก ที่นี่เห็นผู้คนหลายเชื้อชาติ รวมทั้งชาวมุสลิมที่พักอาศัยและเดินกันขวักไขว่ เห็นฝรั่งผมทองเล่นดนตรีเปิดหมวกที่ถนนคนเดิน นอกจากนั้นที่ชุมชนหมู่บ้านรักไทย ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดติดกันระหว่างไทยกับพม่า ชุมชนดั้งเดิมของเหล่าครอบครัวของกองพล 93 ที่อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาอยู่จวบจนปัจจุบันตามนโยบายรัฐบาลในสมัยนั้นให้เป็นหมู่บ้านกันชน ประชากรแทบทั้งหมดเป็นชาวจีนยูนนานหรือจีนฮ่อ หมู่บ้านรักไทย มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม โดยต่างรักษาวัฒนธรรมของตนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็อยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านที่มีวัฒนธรรมที่ต่างกันได้โดยไม่เคยปรากฏความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมแต่อย่างใด ด้วยความหลากหลายของเชื้อชาติดังกล่าวนี้ ประชากรในแม่ฮ่องสอนจึงมีการใช้ภาษาของแต่ละชาติพันธุ์ที่ต่างกันไป
ศาลาขายอาหารพื้นบ้าน
มาเยือนภาคเหนือครั้งนี้ จึงไม่ได้ยินคำเมือง ไม่ได้ชิมน้ำพริกอ่อง แกงฮังเล บรรดาอาหารก็แตกต่างกันไปเช่นที่ อำเภอปาย เป็นอำเภอขนาดเล็กทางตอนเหนือ เป็นที่รู้จักกันดีในด้านความงามของธรรมชาติ อดีตเคยเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบมีวิถีของชาวไทยใหญ่ แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัยและสะดวกสบายขึ้นกว่าแต่ก่อน มีร้านสะดวกซื้อ มีสถานพักตากอากาศหรู มีคลับบาร์เบียร์อยู่ทั่วไป มีสนามบิน เพื่อตอบสนองต่อนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การเข้ามาของการลงทุนทางธุรกิจและการเก็งกำไรที่ดินโดยทั้งชาวฝรั่งและนายทุน ขณะหลายคนกังวลว่าจะเป็นการสูญเสียวิถีชีวิตและวัฒนธรรมดั้งเดิมของอำเภอปาย
ผัดหมี่ยูนนาน
ผัดหมี่ยูนนานคล้ายกับผัดหมี่ซั่ว โดยชาวยูนนานแห่งกองพลที่ 93 เส้นหมี่เส้นใหญ่นุ่มติดสปริง ผัดง่ายๆ เหมือนทำกินกันเองในบ้านมีเพียงหมูและผักกระกล่ำประกอบ อร่อยแบบเรียบง่าย
ครอบครัวชาวยูนนานจากกองพลที่ 93 ได้รับการสนับสนุนสายพันธุ์ชาชั้นดีของไต้หวันมาเผยแพร่(ชาต้งติ่ง) อันมีชื่อเสียงว่าเป็นชาชั้นดีที่ปัจจุบันมีการส่งกลับไปขายที่ไต้หวัน ที่พักของเรามีบริการชาและกาชาไว้ให้ชงด้วย แต่เนื่องจากไฟดับเราจึงไม่ได้ชิมชาชงด้วยฝีมือตัวเอง ส่วนบรรดาอาหารที่เขาทำให้กินคล้ายๆกับที่เคยๆชิมมา เช่น ปาท่องโก๋ที่เราจินตนาการว่าเป็นครัวซองต์ และข้าวต้มเห็ดหอม
ข้าวปุกงา
เป็นแผ่นแป้งบางๆ นำมาย่าง แล้วตัดเป็นชิ้นราดด้วยนม (คล้ายๆ กาลอจี๊)
ข้าวกั้นจิ้น
มื้อเช้าในตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ลองกินข้าวกั้นจิ้น หรือข้าวเงี้ยว เป็นครั้งแรก ที่มาของข้าวกั้นจิ้น อาหารพื้นเมืองของคนทางภาคเหนือได้รับอิทธิพลมาจากพวกเงี้ยว (ชาวไทใหญ่ หรือชาวไต) ซึ่งเป็นชาติพันธุ์ไทยที่นิยมกินข้าวเจ้า (ข้าวสวย) แตกต่างไปจากชาติพันธุ์อื่นๆ ที่มักจะกินข้าวนึ่ง (ข้าวเหนียว) เป็นอาหารหลัก ดังนั้น ข้าวกั้นจิ้น จึงทำจากข้าวเจ้า ซึ่งเป็นอาหารไม่กี่ชนิดในล้านนาที่ทำจากข้าวเจ้า บางครั้งเรียกว่า ข้าวเงี้ยว เพราะเป็นอาหารของชาวไทใหญ่ ที่เรียก ข้าวกั้นจิ้น นั้นเพราะคำว่า กั้น เป็นคำกริยาในภาษาล้านนา แปลว่า นวด ขั้นตอนของการทำนั้นต้องนวดข้าวให้เคล้ากับเลือดด้วย เป็นอาหารของชาวไทใหญ่ที่แพร่หลายในล้านนา และด้วยเพราะเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อย ยังสามารถที่จะพกพาเดินทางไปไหนๆ ได้สะดวกอีกด้วย อาหารเมืองเหนือจานนี้ เป็นการนำน้ำเลือดหมูและเนื้อหมูมาคั้นกับใบตะไคร้แล้วเอามาผสมกับข้าวสวยแล้วจึงนำไปนึ่ง ต้องกินกับกระเทียมหรือหอมเจียว หัวหอมแดงซอย แตงกวา ต้นหอม ผักชีและพริกแห้งทอด อย่างที่คนเมืองท่านบอกว่า ลำๆ เจ้า ตอนแรกได้ยินว่าเอาข้าวมาคลุกเลือด ก็รู้สึกหวาดๆไม่กล้าชิม แต่เมื่อลองแกะห่อดู ก็หอมดี ไม่มีกลิ่นคาวใดๆ สนนราคาแค่อันละ 5บาท สามารถชิมหมดอันได้อย่างสบาย
ข้าวเหลือง
อันข้าวเหลืองรายการนี้ย่อมเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวไทยใหญ่เช่นกัน ซื้อมาในราคา 20 บาท มีข้าวปั้นเป็นก้อนเล็กๆ สีเหลือง กินกับหมูสับปั้นเป็นก้อนเล็กรสชาติคล้ายหมูทอดหรือไส้อั่วนิดๆ แม่ค้าเรียกว่าจิ้นลุง ข้าวเหลืองมีกลิ่นและรสชาติคล้ายข้าวหมกของชาวมุสลิม ต่างกันที่มีความหวานมันเหมือนมีกะทิผสม
ขนมจีนน้ำยาปลากระป๋อง
นอกจากข้าวกั้นจิ้นและข้าวเหลืองจิ้นลุง ยังชิมข้าวซอยแห้ง ขนมจีนน้ำยาปลากระป๋อง รวมทั้งข้าวต้มมัดของเขาที่มีกล้วยมากกว่าข้าวเหนียว หวานกล้วยอ่อน กับความมันของมะพร้าว อาหารต่างๆ ดังกล่าวล้วนเป็นของซื้อกินจากร้านข้างทาง ราคาย่อมเยา 3 คนต่ออิ่มในราคาเพียง 130 บาทเท่านั้น
การขับรถเที่ยวแม่ฮ่องสอนครั้งนี้ ได้สัมผัสรสเพิ่มอีกอย่างหนึ่ง คือระหว่างทางได้แวะพักร้านกาแฟที่ตั้งบนเขาวิวสวย อีกทั้งคาเฟอีนในกาแฟ ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย ว่ากันว่ากาแฟเป็นหนึ่งในสินค้าทางการเกษตรซึ่งมีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก ปัจจุบันกาแฟเป็นเครื่องดื่มซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายของชนทุกชาติทุกภาษา เราพิสูจน์ได้จากมีร้านกาแฟกระจายทั่วไปเป็นดอกเห็ดในทุกแห่งหน ทำให้ได้รู้ว่าได้กาแฟกลิ่นรสดีๆ แม้ไม่ต้องเติมอะไร ก็อร่อย หอม ขม ติดคอ ไร้รสเปรี้ยวติดลิ้น
ร้านกาแฟที่ ขอนำเสนอในครั้งนี้ อยู่ไกลถึง ปางมะผ้า บ้านจ่าโบ่ “กาแฟหลักสิบ รสชาติหลักร้อย และวิวหลักล้าน” คำกล่าวนี้ ไม่เกินความจริงเลย เราพบร้านกาแฟนี้ด้วยความบังเอิญ ร้านเป็นบ้านไม้ โต๊ะไม้ เก้าอี้ไม้ ดูสะอาดสะอ้าน เราเห็นลูกค้าที่เข้ามาก่อน นั่งกับพื้นจิบกาแฟ ตามองวิวข้างหน้า ว้าว.....วิวนี้เลยที่เราตามหา เพื่อนร่วมทางสั่งคนเดียว 2 แก้ว เอสเปรสโซ กับ คาปูชิโนร้อน เราสั่ง มอคค่าเย็น ไม่น้ำตาล รอสักพัก เอสเปรสโซแก้วเล็กกาแฟเพียวๆ ไม่มีน้ำตาล นมหรืออื่นใดผสม ก็เอามาเสิร์ฟ
เอสเปรสโซ จำได้ว่า พระเอกหนังไทย จะชอบดื่ม “ผมขอกาแฟไม่น้ำตาล แก้วนึง” เคยลองชิม ได้รสเปรี้ยวๆ ไม่อร่อยเลย แต่ เอสเปรสโซที่ขอชิมคราวนี้ หอมๆ ขมๆ ติดคอแต่ไม่มีรสเปรี้ยวใดๆ เป็นกาแฟรสแก่และเข้ม มีวิธีการชงโดยใช้แรงอัดไอน้ำหรือน้ำร้อนผ่านเมล็ดกาแฟคั่วชนิดที่บดละเอียด ที่มาของชื่อ เอสเปรสโซ ซึ่งมาจากคำภาษาอิตาลี "espresso" แปลว่า เร่งด่วน เอสเปรสโซเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะในประเทศอิตาลี การสั่งกาแฟโดยทั่วไปจะสั่งเอสเปรสโซ ด้วยวิธีการชงแบบใช้แรงอัดนี้ ทำให้ได้รสชาติกาแฟเข้มข้นและหนักแน่น ต่างจากกาแฟทั่วไปซึ่งชงแบบผ่านน้ำหยด และเพราะรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำให้คอกาแฟดื่มเอสเปรสโซโดยไม่ปรุงด้วยน้ำตาลหรือนม และมักจะเสิร์ฟเป็นช็อต (แก้วแบบจอก) เพื่อให้ปริมาณไม่มากจนเกินไป (ประมาณ 1-2 ออนซ์ หรือ 30-60 มิลลิลิตร แตกต่างตามพฤติกรรมการดื่มของแต่ละประเทศ) การสั่งเอสเปรสโซตามร้านกาแฟทั่วไป มักสั่งตามปริมาณ กล่าวคือ เป็นช็อตเดียวหรือสองช็อต เอสเปรสโซมีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน เพื่อไม่ให้เสียรสชาติจึงควรดื่มตอนชงเสร็จใหม่ๆ
คาปูชิโน(อิตาลี: cappuccino) เป็นอีกหนึ่งในเครื่องดื่มประเภทกาแฟซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี คาปูชิโนโนมีส่วนประกอบหลักคือเอสเปรสโซและนม การชงคาปูชิโนส่วนมากมักมีอัตราส่วนของเอสเปรสโซ 1/3 ส่วน ผสมกับนมร้อนผ่านไอน้ำ 1/3 ส่วน และนมตีเป็นฟองละเอียด 1/3 ส่วน ให้ลอยอยู่ด้านหน้า นอกจากนั้นอาจโรยหน้าด้วยผงอบเชยหรือผงโกโก้เล็กน้อยตามความชอบ
ชาวอิตาเลียนมักจะดื่มคาปูชิโนในอาหารเช้า โดยบางทีอาจมีขนมปังแผ่นหรือคุกกี้ประกอบ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าวิถีชีวิตเขาไม่ค่อยกินอาหารเช้าแบบเป็นกิจจะลักษณะ คาปูชิโนและขนมปังเบาๆ จึงเหมาะเป็นอาหารรองท้องสำหรับยามเช้า และด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่ดื่มคาปุชชีโนในช่วงอื่นของวัน แต่สำหรับพวกเราแล้วดื่มคาปูชิโนได้ทุกเวลาโดยไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก
ขอแถม ลาเต้ อีกแก้ว ซึ่งเคยสงสัยว่าชื่อของกาแฟแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร ไหนจะเอสเพรสโซ อเมริกาโน่ คาปูชิโน หรือลาเต้ ซึ่งมีรสอ่อน คือกาแฟที่เตรียมจากนมร้อน โดยเทเอสเปรสโซ 1/3 ส่วน และนมร้อนที่ตีด้วยไอน้ำจากเครื่องชง 2/3 ส่วน ลงในถ้วยพร้อมกัน และจะหยอดฟองนมหนาประมาณ 1 เซนติเมตรลอยหน้า วิธีการชงลาเต้ ผู้ชงกาแฟที่ชำนาญงานจะใช้วิธีขยับข้อมือเล็กน้อยขณะที่รินนมและฟองนมลงบนกาแฟ ทำให้เกิดลวดลายต่างๆ เรียกว่า latte art หรือศิลปะฟองนมในถ้วยกาแฟ การชงกาแฟเหมือนมีขั้นตอน เทคนิคเป็นศิลปะ รวมถึงความอดทน จนให้ฉายาคนมีอาชีพชงกาแฟ ว่า บาริสต้า เหมือนที่เราเรียกคนทำอาหารว่า กุ๊กหรือเชฟ นั่นเอง เพื่อนผู้ซดเอสเปรสโซรวดเดียวหมดแล้วต่อด้วยคาปูชิโน ถึงกับยกนิ้วให้ทำนองถูกใจ ที่ร้านยังมีน้ำชาหอมๆ มาให้จิบชุ่มคอเพิ่มอีก 1 เหยือกด้วย
มอคค่า ของเรามาแล้ว หอมกาแฟ หวานกลมกล่อม แม้ไม่มีน้ำตาล ได้รับรสขมของกาแฟ และช็อคโกแลตที่ผสมมาด้วย ถูกใจมากๆ เรารับรู้ว่ามอคค่าเป็นเครื่องดื่มกาแฟที่ผสมช็อคโกแลต เสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็นใส่น้ำแข็ง มักมีวิปครีมปิดหน้า แต่ วันนี้ได้รับรู้เพิ่มมาว่า มอคค่า ยังหมายถึงกาแฟพันธุ์อาราบิกาอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งปลูกอยู่บริเวณเมืองท่าโมคาในประเทศเยเมน กาแฟโมคามีสีและกลิ่นคล้ายช็อกโกแลต (แม้ว่าจะไม่มีส่วนประกอบของช็อกโกแลตเลยก็ตาม) อันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้กาแฟโมคาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
เคยเข้าใจผิดมานาน คิดเอาเองว่า กาแฟเมนูอะไรก็มาจากเมล็ดพันธุ์นั้น ตอนนี้รู้เพิ่มมาว่า กาแฟทุกเมนูเริ่มจากเอสเพรสโซ แล้วต่อยอดเป็นเมนูต่างๆ โดยการผสมนมบ้าง ช็อคโกแลตบ้าง เอสเพรสโซที่เราลองชิมรสชาติดีมาก มอคค่าของเราจึงพลอยยอดเยี่ยมไปด้วยนั่นเอง ถามถึงเมล็ดกาแฟที่ใช้ชงที่ร้านนี้ เป็นพันธ์อาราบิกานำมาจากเชียงราย มีราคาค่อนข้างสูง กาแฟรสชาติดีขนาดนี้ เมื่อเหลือบมองรูปภาพหลายรูปประดับร้าน เอ่ยปากคุยกับหนุ่มเจ้าของร้านได้ความมาว่า เดิมเคยทำงานเป็นช่างภาพ ที่ กรุงเทพฯ ถึงจุดหนึ่งเมื่ออิ่มตัวก็อยากกลับมาทำอะไรที่บ้านเกิด จึงริเริ่มเปิดร้านกาแฟมาได้ประมาณ 1 ปี อยู่อย่างมีความสุข ชีวิตไม่วุ่นวาย เป็นการใช้ชีวิตแบบที่เรียกว่า slow life มีความสุขสงบที่หลายๆ คนฝันหา ถ้าได้มาเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน และมองหาความสุขง่ายๆ แค่เพียงจิบกาแฟหอมๆ ท่ามกลางภูเขา สายหมอก ท้องฟ้า ขอแนะนำร้านกาแฟเด็กดอย บ้านจ่าโบ่ Dekdoi coffee at jabo ร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีบาริสต้าเป็นเด็กดอยที่เกิดและเติบโตในบ้านจ่าโบ่ นอกจากร้านกาแฟที่นี่ยังมีโฮมสเตย์ เป็นที่รวมตัวกันในชุมชนไว้บริการด้วย เราวางแผนกันว่า ครั้งหน้าจะมาเยือนแม่ฮ่องสอนอีกสักครั้ง แล้วมาพักโฮมสเตย์ที่บ้านจ่าโบ่ ตื่นเช้าจิบมอคค่าร้อนๆ นั่งดูทะเลหมอกลอยอ้อยอิ่งพกหนังสือนิยายโรแมนติก คงเป็นความสุขแบบหาไม่ได้แล้วในนครหลวง
การมาเยือนแม่ฮ่องสอนครั้งนี้ อาหารที่เลือกสรรมาเสิร์ฟเป็นมื้อเล็กๆ แม้ไม่อิ่มท้องมากมาย แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความอิ่มจากอาหารตาเพิ่มความอิ่มทางใจ ที่จะจารึกนานแสนนานในความทรงจำ เราค้นพบความอิ่มใจไม่ว่าคุณจะมาอยู่ไกลแค่ไหน หนทางจะทุรกันดาร ผ่านโค้งผ่านเหว มากมายเพียงใด คุณๆ จะได้พบรูปที่มีอยู่ทุกบ้านจริงๆ
อาหารต่างๆที่ได้ไปชิมมา เป็นร้านข้างทาง ธรรมดาที่คนเดินดินกินข้าวแกง เป็นประจำ สามารถลองลิ้มชิมรสได้ทุกมื้อ เป็นความคิดเห็น และรสนิยมส่วนตัว ไม่มีแสตนอิน ไม่มีสลิง ใดๆนะคะ
โดย ดวงเดือน รัตติสุวรรณ (แทน)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี