การเสนอพระนาม ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคไทยรักษาชาติ ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ผ่านการครุ่นคิดและวางแผน เพียงแต่เป็นการครุ่นคิดและวางแผนในวงจำกัดของแก่นแกนระดับสูงจริงๆ เท่านั้น
การวางแผนนี้ ชัดเจนว่าผลักดันออกมาจากนายทักษิณ ชินวัตร ผู้ที่ต้องการทำอะไร ก็จะต้องทำให้ได้อย่างนั้น โดยที่สมุนบริวารของมัน ไม่มีใครกล้าขัดขวาง
ไม่ว่าจะเป็นลิ่วล้อระดับล่างแบบ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 56 พรรคไทยรักษาชาติ ในฐานะแกนนำ นปช. องค์กรที่ไม่เคยแสดงออกว่าสนับสนุนสถาบันฯ ก็ยังต้องกลับลำ ออกมากล่าวว่า การเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกรัฐมนตรีบัญชีของพรรค เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และบ้านเมืองอย่างมาก เพราะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค มากด้วยบารมี เป็นศูนย์กลางความสามัคคี ซึ่งตนเชื่อว่าจะทำให้คนที่คิดแตกต่างกลับคืนสู่ความสงบสันติสุข
หรือลิ่วล้อระดับสูงแบบ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาประกาศว่า
“พรรคการเมืองที่ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ไม่ควรสนับสนุนคนนอก ไม่ว่าจะเป็น พลเอกประยุทธ์หรือใครก็ตาม ให้เป็นนายกฯ และควรจะแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ให้ประชาชนรู้เสียแต่เนิ่นๆ”
มาจนถึงวันนี้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ก็ยังคงเงียบงัน และไม่รู้ว่าจะยังจำ “จุดยืน” ข้างต้นของตนได้หรือเปล่า?
ความจริงแผนการเสนอพระนามครั้งนี้ แม้จะทำในวงจำกัด แต่สำนักข่าวต่างประเทศก็รู้ระแคะระคายมาก่อนเป็นเวลา 2-3 วัน
รัฐบาล และกลุ่มทหาร คสช. ก็น่าจะรู้ ไม่เช่นนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่ดึงเกมอิดออด ไม่ตอบรับการสู่ขอของพรรคพลังประชารัฐมาจนถึงวันสุดท้าย
และไม่เช่นนั้น พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คงไม่เดินทางเข้าพบ พลเอกประยุทธ์ ในช่วงบ่ายแก่ๆ ก่อนที่เช้าวันรุ่งขึ้น พรรคไทยรักษาชาติจะเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคตน
เพราะการเสนอพระนามครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่า มุ่งหวังจะต่อต้านการสืบทอดอำนาจของกลุ่มทหาร คสช. และการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งของ พลเอกประยุทธ์ โดยตรง
เป็นการเปิดหน้าชนอย่างชนิดที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เนติบริกร ผู้ตอบแทนผู้มีอำนาจที่ตนทำงานด้วยได้ทุกเรื่อง ถึงกับออกอาการเจ็บคอ ไม่มีความเห็น และไม่ขอตอบสื่อในเรื่องนี้
ตลอดวันของการเสนอพระนามดังกล่าว มีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงคัดค้าน แต่เสียงคัดค้านน่าจะมีมากกว่า และดูเหมือนจะเป็นการคัดค้านที่ใช้คำพูดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และในวงที่กว้างออกไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งดึกของคืนวันนั้น จึงมีพระราชโองการของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศ เรื่อง สถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สรุปใจความสำคัญได้ว่า
“การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง......
“พระราชินี พระรัชทายาท และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ จึงอยู่ในหลักการเกี่ยวกับการดำรงอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางทางการเมืองของพระมหากษัตริย์ด้วย และไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆ ในทางการเมืองได้ เพราะจะเป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
พระราชโองการฉบับนี้ เป็นการดับฝันของทักษิณ และทำให้หนทางกลับคืนสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พลเอกประยุทธ์ ดูสดใสขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
แต่กระนั้น คนอย่างทักษิณ ไม่เคยยอมอะไรง่ายๆ
วันรุ่งขึ้น ทักษิณ ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @ThaksinLive เป็นภาษาอังกฤษ ว่า
“Chin up and keep moving forward! We learn from past experiences but live for today and the future. Cheer up! Life must go on!”
แปลเป็นไทยว่า “จงเชิดหน้าและก้าวต่อไป เราเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต แต่มีชีวิตอยู่เพื่อวันนี้และอนาคต จงร่าเริง ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป!”
พรรคไทยรักษาชาติ ก็ออกมาโพสต์ในเพจเฟซบุ๊ก “พรรคไทยรักษาชาติ” ยืนยันว่ายังคงมีจุดยืนดังเดิมและจะเดินหน้าต่อไปในสนามเลือกตั้งเพื่ออาสาแก้ปัญหาให้ประเทศและประชาชน
ที่น่าสงสัยคือ พรรคนี้จะแก้ปัญหาให้ประเทศและประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อนายทุนพรรคมันโกงชาติ และทำร้ายชาติมาตลอด แกนนำพรรคหลายคน ก็เผาบ้านเผาเมืองกันมาแล้ว แอบอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่ก็แทรกแซงการทำงานของข้าราชการและองค์กรอิสระ ติดสินบนเจ้าหน้าที่จนถูกจับได้ และใช้เสียงข้างมากมาออกกฎหมายลักหลับเพื่อช่วยนักโทษหนีคุกก็ทำมาแล้ว
ที่สำคัญ ด่าเจ้าก็ด่ามาแล้ว ครั้นจะใช้ประโยชน์จากเจ้า มันก็ออกมาชมเจ้าได้หน้าเฉยตาเฉย
กล้ากระทั่ง ดึงสถาบันฯ ลงมารับใช้แผนการคืนสู่อำนาจของมันอย่างเปิดเผย
พรรคแบบนี้ คนแบบนี้ มันจะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนได้อย่างไร ?
มัน “รักษาชาติ” ของมันแบบไหนกัน ?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี