วัดเจดีย์เจ็ดแถว
พังเดือน ลูกทีมของคอลัมน์ตู้กับข้าว ขอชวนไปชมธรรมชาติ ชิมอาหารท้องถิ่น ช้อป สินค้าโอทอป รอบนี้เลือกจังหวัดสุโขทัย อาณาจักรยุคต้นของชนชาติไทยเมื่อกว่า 700 ปีก่อน หากแต่ยังเหลือร่องรอยอดีตความรุ่งเรืองจากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย มีโบราณสถานทั้งหมด 283 แห่ง รวมทั้งเตาสังคโลกโบราณ อันเป็นที่รู้จักกันอย่างดีทั้งชาวไทยและต่างชาติ
วัดมหาธาตุ
นอกจากจะเป็น “เมืองมรดกโลก” ที่มีทั้งอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อันมีชื่อเสียงในระดับโลกแล้ว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยังได้คัดเลือกชุมชน “บ้านนาต้นจั่น” ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย ให้เป็นชุมชนต้นแบบ การท่องเที่ยววิถีไทย โดยมีรางวัลการันตีมากมายทั้งจากสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีโอกาสไปสัมผัสด้วยตัวเอง ไปเที่ยวบ้านนาต้นจั่น นอนโฮมสเตย์ และแวะชิมอาหารขึ้นชื่อ ต้นตำรับอาหารที่เป็นวิถีเอกลักษณ์ของบ้านนาต้นจั่นก็คือ ข้าวเปิ๊บ ก๋วยเตี๋ยวแบ ข้าวพัน และน้ำพริกซอกไข่
หลังจากติดต่อผู้ดูแลชุมชนบ้านนาต้นจั่น เราได้บ้านพักของป้ารัดดา จากการโทรศัพท์นัดหมายก่อนการเดินทาง เราไปถึง บ้านนาต้นจั่น ตอนแดดร่มลมตก ได้บรรยากาศเหมือนมาพักบ้านญาติ พี่ ป้า น้า อา ที่อยู่ต่างจังหวัด ป้ารัดดาส่งน้องเกดเป็นผู้นำทางพาเราไปชมวิถีรอบชุมชน
สะพานรวมใจ
จุดหมายอยู่ที่ สะพานรวมใจ สะพานไม้ไผ่ที่ชาวบ้านในชุมชน ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นมา เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาบ้านนาต้นจั่น ได้ชมธรรมชาติทุ่งนาเขียวขจีแบบใกล้ชิด เราเลือกการเดินแทนขี่จักรยานชมรอบหมู่บ้าน ได้ความเพิ่มว่า สมาชิกโฮมเสตย์ มีทั้งหมด 23 หลัง เวียนรับลูกค้าตามคิว บ้านบางหลังก็เป็นที่หมายปองของผู้มาพักถึงขนาดต้องต่อคิวรอเป็นเดือน เช่นบ้านอชิ บ้านบนต้นไม้ เราเดินไปถึงบ้านตาวงศ์ชมงานฝีมือจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สาธิต ตุ๊กตาบาร์โหน ของ “ตาวงษ์” ผู้ล่วงลับไปแล้ว ได้คิดค้นเครื่องเล่นจากเศษไม้ที่เหลือใช้ กลายมาเป็นเครื่องออกกำลังกาย สำหรับผู้สูงอายุ ชมการทอผ้าใต้ถุนบ้าน เราได้ความรู้ การอ่านลายการทอผ้า 1 2 3 4 คือการเหยียบไม้ทอแต่ละอันตามเบอร์ ก็จะได้ผ้าเป็นลายตามต้องการ เดินจนพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า จนท้องร้องแล้วค่ะ
อาหารเย็นมื้อแรก เป็นเมนูพื้นบ้านธรรมดามีปลานึ่ง ผักลวก ต้มจืด ผัดมะเขือยาว และน้ำพริกซอกไข่ ที่เป็นหนึ่งในเมนูประจำของบ้านนาต้นจั่น ซอก ภาษาพื้นบ้านของที่นี่ที่แปลว่าตำหยอกๆ เราว่าคล้ายน้ำพริกหนุ่ม แต่มีไข่ต้มที่ซอกปนมากับน้ำพริก ป้ารัดดาตำพริกขี้หนูหรือลูกโดดผสมลงไปด้วย ทำให้รสชาติซี้ดซ้าดมากขึ้น เผ็ดนำเปรี้ยวตาม ได้ความหวานจากผักแกล้มริมรั้ว ทั้งตำลึง ถั่วฝักยาว เรา 2 คน กินข้าว กับน้ำพริก ผักแกล้มที่ป้าลวกมาได้สุกกำลังพอดี กินกันหมดจานไม่เหลือ แถมมีของหวานล้างปากเป็นข้าวโพดคลุกที่มีมะพร้าวขูดที่ขูดมาใหม่ๆ โรยน้ำตาล รสหวานข้าวโพดแกล้มน้ำตาลผสมรสเกลือปะแล่ม หอมมันจากมะพร้าวขูดที่ป้าใส่มาแบบไม่ยั้ง อาหารธรรมดาเมื่อเปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง ก็กลายเป็นเมนูเด็ดในค่ำคืน ชนิดที่ต้องขอยืมคำพูดจากโฆษณาที่ว่า “เอาสเต๊กมาแลกก็ไม่ยอม”
เช้ามืด เราล้มเลิกความตั้งใจที่ไปจุดชมวิว ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ห้วยต้นไฮ เนื่องจากฝนตกหนักเมื่อคืน การเดินทางต้องออกแรงเดินในระยะทาง 2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ทางเดินขึ้นค่อนข้างชัน ดังนั้น ร่างกายและรองเท้ารวมทั้งใจต้องพร้อม ถ้าคุณผู้อ่านสนใจให้ติดต่อบ้านพักได้ทุกหลัง มีบริการรถและไกด์นำทางประมาณ 400 บาท
อาหารเช้า ป้ารัดดาส่งเราไปบ้านยายเครื่องร้านรับแขกของชุมชน เมนูประจำที่มาบ้านนาต้นจั่น ทุกคนต้องได้ชิมคือ ข้าวเปิ๊ป ก๋วยเตี๋ยวแบ และข้าวพัน เป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อ ข้าวเปิ๊ปยายเครื่อง จินตนาการไปถึงกระท่อมมุงแฝก มียายแก่ลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว แต่ผิดคาดกลายเป็นบ้านไม้ทรงไทยหลังใหญ่ มียักษ์ตัวโตยืนเฝ้าทางเข้าบ้าน 2 ตน บริเวณกว้างขวาง ตั้งโต๊ะไม้จุคนได้เป็นหลายสิบหรือร่วมร้อยเป็นแน่ มีเตาใบใหญ่ใช้ฟืนท่อนโตสำหรับตั้งหม้อน้ำซุป เตาอีกใบมีหม้อดินขึงปากหม้อด้วยผ้าขาวบางตั้งอยู่ ป้าแอ๋ว แม่ครัว ชักชวนเราไปชมวิธีทำข้าวเปิ๊ปด้วย เพราะเราเป็นลูกค้าคนแรกของร้านที่มาตั้งแต่ไก่โห่
ข้าวเปิ๊ป
ข้าวเปิ๊ป คือการละเลงแป้งที่หมักลงบนผ้าขาวบางที่ขึงบนหม้อดิน รอจนแป้งสุกได้ที่ ใส่ผักต่างๆลงไป มีกะหล่ำ ถั่วงอก ตำลึง แล้วพับแป้งซ้ายทีขวาที เปิ๊ป (ภาษาถิ่นแปลว่าพับ) ตักใส่ชามราดน้ำซุป ใส่หมูแดง กระเทียมเจียว แล้วโปะด้วยไข่ที่นึ่งด้วยไอน้ำ ต้องการสุกมากสุกน้อยได้ตามสั่ง
ก๋วยเตี๋ยวแบ
ก๋วยเตี๋ยวแบ นำเส้นเล็กไปนึ่งบนหม้อดิน พร้อมถั่วงอก ถั่วฝักยาว พอสุกได้ที่ใส่ชามโรยกระเทียมเจียว กากหมู ถั่วป่น มะนาว พริกป่น และหมูแดง มันคือเส้นเล็กแห้งยำ นั่นเอง เปลี่ยนจากการลวกเป็นนึ่ง แต่มันเข้ากันดีมาก จนพังเดือนต้องขอซ้ำ 2 ค่ะ
หมี่พัน
หมี่พัน เส้นเล็ก หรือเส้นหมี่ ลวกในน้ำซุป นำมาคลุกเคล้าปรุงรสกับกระเทียมเจียว พริก ถั่วงอก พันด้วยข้าวแคบงาดำ
ข้าวพัน
ข้าวพัน ก๋วยเตี๋ยวแผ่นโบราณ ที่นึ่งแล้วนำมาพันกับไม้ มี 3 รส ชนิดมีพริกหรือไม่มีพริก และพันในน้ำซุป ได้กลิ่นแป้งหมัก เราเป็นคนชอบกินแป้ง ถูกใจกับอาหารเช้ามื้อนี้มาก เคล็ดลับอยู่ที่แป้งสดที่ยายเครื่องหมักเอง เพราะจะได้กลิ่นแป้งหมัก ที่นุ่มและหอม อร่อยไม่เหมือนใคร นอกจากร้านข้าวเปิ๊ปยายเครื่องที่ว่าเป็นต้นตำรับแล้ว ตรงตลาดสามแคร่ ก็มีข้าวเปิ๊ปล้มยักษ์ มาคราวหน้าต้องลองชิมทั้ง 2 ร้าน
อิ่มจากอาหารมื้อเช้า ป้ารัดดาแนะนำให้ไปชมสาธิตการทำผ้าหมักโคลน ของกลุ่มอาชีพทอผ้า เราไม่ได้ชมสาธิตแต่ได้ชุดกระโปรงผ้าหมักโคลนมาแทน ผ้าหมักโคลนจะมีลักษณะพิเศษคือนิ่มและหอมเป็นพิเศษ
นอกจากอาหารที่ไม่ควรพลาดของบ้านนาต้นจั่นแล้ว ที่อำเภอศรีสำโรง ยังมีของกินเล่นที่ทุกคนรู้จักดีอีกอย่างคือ ถั่วทอดครูแจ๋วที่ว่าเป็นต้นตำรับเปิบพิสดารเจ้าแรกและเจ้าเดียว เมื่อเราขับรถย่างเข้าอำเภอศรีสำโรง จะเห็นร้านถั่วทอดข้างทางยาวเป็นกิโล เราลองชิมจากร้านข้างทางที่ราคาย่อมเยากว่า แต่ความอร่อยน้อยกว่าถั่วทอดครูแจ๋วจริง ความกรอบ หอม มัน เทียบกันไม่ได้เลย
ไปต่อที่อำเภอ กงไกรลาศ ไปชิมทองม้วนแม่สงวน ขนมผิงแม่ติ๋มแง้มประตูขาย ร้านทองม้วนเราหาไม่เจอวนรถอยู่หลายรอบ โชคดีลงเดินเจอร้านขนมผิงแม่ติ๋มแทน ถ้าไม่จ้องดู อาจผ่านเลยไป เนื่องด้วยร้านแม่ติ๋มเป็นบ้านไม้ธรรมดาประตูแบบบานพับ แง้มประตูไว้พอตะแคงแทรกตัวเข้าไปได้เท่านั้น ดูไม่ออกว่าเป็นร้านขายขนม และต้องจองเท่านั้นไม่จองไม่ได้กิน แต่วันนั้นเราโชคดี ได้แบ่งมา 1 ถุง ขนมผิงที่ดูธรรมดา แต่กรอบนอก ละลายในปากได้กลิ่นหอมของแป้ง แต่ไม่ใช่กลิ่นนมแมวที่ไว้ใส่ขนม มันหอมเหมือนแป้งจวนจะไหม้ กลิ่นควันฟืน หวานมันกำลังดีขนมผิงแม่ติ๋มอบในเตาถ่าน ซึ่งเป็นเจ้าเดียว ที่ยังใช้ฟืนในการอบขนม เขาว่า ต้องใช้ความชำนาญและใส่ใจในการอบขนม ไม่เช่นนั้น ขนมผิงก็จะไหม้ หรือได้ขนมที่สีไม่สวย
ตามหาร้านสลัดเนื้อสันครั้งเมื่อ 20 ปีก่อนตอนเป็นนักศึกษาฝึกงานที่สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง มางานลอยกระทงที่สุโขทัย แล้วพี่ๆ ช่างภาพ นักข่าวพามากิน แต่ไม่รู้จะตั้งต้นหาตรงไหนดี จำได้แต่เป็นร้านบ้านไม้ แม่ครัวและเจ้าของร้านเป็นยายที่มีอายุมากแล้ว ถ้าจำไม่ผิด ร้านสลัดเนื้อสันนี้ น่าจะมีถั่วทอดขายด้วย ถ้าคุณผู้อ่านพอทราบ ขอความกรุณา แนะนำด้วยค่ะ
ปล. อาหารต่างๆที่ได้ไปชิมมา เป็นร้านข้างทาง ธรรมดาๆ ที่ คนเดินดินกินข้าวแกง เป็นประจำ สามารถลองลิ้มชิมรสได้ทุกมื้อ ข้อความทั้งหมดเป็นความคิดเห็น และรสนิยมส่วนตัว ไม่มีแสตนอิน ไม่มีสลิง ใดๆนะคะ
เรื่องโดย : ดวงเดือน รัตติสุวรรณ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี