ช่วงนี้สถานการณ์ในบ้านลุงแซมเหมือนละครลิง อาทิตย์ที่แล้วลุงผมเป๋อกสั่นขวัญแขวน เพราะผลการสวบสวนที่นำโดยอัยการพิเศษโรเบิร์ต มุลเลอร์ออกมาแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยผลทั้งหมดโดยละเอียด ซึ่งการสอบสวนนี้ทำให้ลุงทรัมป์เต้นแรงเต้นกากล่าวหาว่าคือการล่าแม่มด
รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม วิลเลียม บาร์ ซึ่งเป็นคนของลุงทรัมป์ ออกมาเปิดเผยว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ในทีมหาเสียงสมคบคิดหรือร่วมมือกับรัสเซียในการแฮกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของพรรคเดโมแครต เล่นเอาลุงผมเป๋แหกปากหัวเราะลั่นทำเนียบขาวแล้วกระโดดโลดเต้นจนวิกแทบหลุด แต่อย่านึกว่าลุงผมเป๋จะรอดพ้นไปง่ายๆ เพราะพรรคเดโมแครตที่กุมเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรเริ่มตรวจสอบรัฐบาลใน 17 ประเด็น ซึ่งครอบคลุมกว้างขวางยิ่งกว่าภารกิจของมุลเลอร์
ขอพักเรื่องลุงผมเป๋ไว้ก่อน เพราะเบื่อลุงเหลือเกิน โดยเฉพาะตอนนี้ที่คุยโวไปทั่วโลกราวกับตนนั้นเป็นผ้าขาว พอดีอาทิตย์นี้มีข่าวเล็กๆ แต่น่าสนใจ เพราะมีผลต่อประเทศไทยด้วย นั่นคือ ศาลเมืองซานฟรานซิสโกออกคำสั่งให้ทางมอนซานโต้จ่ายค่าเสียหายแก่เอ็ดวิน ฮาร์ดีแมน คุณลุงวัยเกษียณที่ป่วยเป็นมะเร็งจากการใช้ยาปราบวัชพืชราวด์อัพ ทางมอนซานโต้ต้องชดใช้เป็นเงิน 75 ล้านดอลลาร์ และค่าชดเชยจำนวนมากกว่า 5 ล้านดอลลาร์ รวมไปถึงค่ารักษาพยาบาลจำนวน 200,000 ดอลลาร์
งานนี้เรียกว่ามอนซานโต้อ่วมอรทัยไปเลย เพราะเจอข้อหาประมาทเลินเล่อด้วยการไม่ประกาศเตือนความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ยาปราบวัชพืชชื่อดังของตัวเอง “ราวด์อัพ” (Roundup) คำพิพากษาระบุชัดเจนว่า ยาฆ่าหญ้าอันมีสารเคมีหลักคือสารไกลโฟเซต (glyphosate) ในราวด์อัพเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลุงฮาร์ดีแมนวัย 70 ปีผู้ใช้ยาฆ่าหญ้าราวด์อัพตลอดระยะเวลา32 ปี ป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin Lymphoma)
บริษัทมอนซานโตตั้งขึ้นตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2444 ในเมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรีของอเมริกา โด่งดังจากการผลิตแซกคารินหรือสารเพิ่มความหวาน จากนั้นเริ่มเข้าสู่ธุรกิจสารเคมีทางการเกษตรจนรวยอื้อซ่า มีรายได้ปีละ 15,000 ล้านดอลลาร์
ปีกลายบริษัทเบเยอร์ซื้อมอนซานโต้ไปหมาดๆ ในราคากว่า 62,000 ล้านดอลลาร์ มาเจอแบบนี้ถึงกับปาดเหงื่อ เพราะหุ้นตกพรวดๆ ดิ่งลงเหวแบบรัวๆ กระนั้นก็ยังลอยหน้าลอยตาออกมาค้านแบบหล่อๆ แต่ฟังไม่ขึ้นว่า ผิดหวังกับคณะลูกขุนที่สุด แต่ขอยืนยันว่าสารไกลโพเซตที่ว่านี้ไม่ได้ทำให้เกิดมะเร็ง
ช้าก่อน...คดีนี้ไม่ใช่คดีแรกที่มอนซานโต้ถูกฟ้องกรณียาฆ่าหญ้าราวด์อัพ หากแต่เป็นคดีที่ 2 ในบรรดาจำนวนคดีทั้งหมด 11,200 คดี เรียกว่างานเข้าก็ว่าได้ มาดูคดีแรกกันดีกว่าว่าลงเอยอย่างไร
เมื่อปีกลายนี้เอง ดีเวย์น จอห์นสัน อดีตภารโรงของโรงเรียนแห่งหนึ่งยื่นฟ้องมอนซานโตว่าสารไกลโฟเซตในราวน์อัพทำให้เป็นมะเร็งเมื่ออายุ 46 ปี จากการใช้ผลิตภัณฑ์นี้ในการทำงานเป็นเวลาสองปี ศาลแคลิฟอร์เนียตัดสินให้มอนซานโตมีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา โดยต้องจ่ายทั้งค่าชดเชย 39 ล้านดอลลาร์ และค่าเสียหาย 250 ล้านดอลลาร์
แน่นอนว่าทางมอนซานโต้ส่ายหน้าเป็นพัดลม ปฎิเสธว่ามะเร็งที่เฮียจอห์นสันเป็น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาฆ่าหญ้าราวด์อัพแต่อย่างใด ซ้ำอ้างว่ามีงานวิจัยเพียบและข้อสรุปของหน่วยงานรัฐในอเมริกาและทั่วโลกว่าสารไกลโฟเซตไม่ทำให้เกิดมะเร็ง
ทนายความของนายจอห์นสันฟันธงเรื่องนี้ว่านักวิทยาศาสตร์ของมอนซานโต้รู้ดีมาตั้งนานแล้วว่าราวด์อัพทำให้ผู้ใช้เสี่ยงเป็นมะเร็ง แต่ไม่ได้บอกให้สังคมรู้เรื่องนี้ และกลับพยายามบิดเบือนความจริงแทน
องค์กรที่แสวงหาผลกำไร "ไรท์ทูโนว์" (Right to Know) แถลงว่ามอนซานโตและพันธมิตรอุตสาหกรรมเคมีใช้เวลาหลายสิบปีในการหลอกผู้บริโภค ชาวนา และนักการเมือง ให้สับสนเกี่ยวกับความเสี่ยงเรื่องยากำจัดวัชพืชที่มีส่วนผสมของสารไกลโฟเซต แถมย้ำว่ารัฐบาลทั่วโลกควรคุ้มครองสุขภาพของประชาชน มากกว่าปกป้องผลกำไรของบรรษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้
สำหรับหมู่เฮาชาวไทยต่างรู้จักยี่ห้อนี้เป็นอย่างดี เรียกว่าคุ้นเคยกันแต่อ้อนแต่ออกเลยก็ว่าได้ เพราะมอนซานโต้เข้ามาผูกขาดการขายยาฆ่าหญ้ายี่ห้อราวด์อัพตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 แถมโฆษณาถี่ยิบว่ากำจัดวัชพืชได้ชะงัด โดยไม่ทำลายข้าวหรือพืชที่ปลูก
ราวด์อัพนั้นมีสารหลักคือไกลโฟเซต ปี พ.ศ. 2558 สำนักวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติขององค์การอนามัยโลกสรุปผลการศึกษาว่า สารไกลโฟเซต "อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งในมนุษย์"
หลายประเทศห้ามหรือจำกัดการใช้สารตัวนี้ โปรตุเกส อิตาลี และแคนาดาออกกฎห้ามใช้สารไกลโฟเซตในพื้นที่สวนสาธารณะต่าง ๆ ขณะที่ศรีลังกาห้ามใช้ไกลโฟเซต ในปี พ.ศ. 2558 ปีเดียวกับที่โคลอมเบียห้ามการฉีดพ่นสารไกลโฟเซตทางอากาศ
เมืองไทยนิยมใช้ไกลโฟเซตเป็นสารกำจัดศัตรูพืช ถือเป็นสารยอดนิยมเลยก็ว่าได้ จากข้อมูลอ้างอิงจากศูนย์พิษวิทยาโรงพยาบาลรามาธิบดีระหว่างปี พ.ศ. 2553-2559 พบว่าสารไกลโฟเซตมีส่วนกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นถึง 5- 13 เท่า และยังออกฤทธิ์ทำลายระบบประสาทส่วนกลางในระยะยาวด้วย
ผลการตัดสินคดีทั้งคดีแรกและคดีที่สองในอเมริกาเกี่ยวกับผลพวงของการใช้สารไกลโฟเซตในราวด์อัพ น่าจะทำให้รัฐบาลในบ้านเราตระหนักถึงพิษภัยของสารประเภทนี้ได้บ้าง และสิ่งที่น่าตระหนกไปกว่านั้นคือเกษตรกรไทยไม่ป้องกันหรือปกป้องร่างกายมิดชิด ขณะใช้สารกำจัดศัตรูพืช จึงมีสารพิษปริมาณมากสะสมในร่างกาย
ในฐานะคนไทยคนหนึ่งอยากขอร้องให้รัฐบาลไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือรัฐประหารให้เล็งเห็นพิษภัยจากสารกำจัดศัตรูพืชชนิดนี้ อย่าเห็นแก่อามิสสินจ้างคอมมิชชั่นของบรรษัทข้ามชาติ และนักวิชาการที่รับใช้บรรษัทข้ามชาติ อย่าได้หมกเม็ดหรือปกปิดข้อมูลเพื่อปกป้องหม้อข้าวตนเอง แต่ขอให้เห็นแก่ประโยชน์ของลูกหลานไทยในอนาคต ไม่เช่นนั้นผืนแผ่นดินไทยอันอุดมสมบูรณ์อันเป็นอู่ข้าวอู่น้ำโลกอาจเสื่อมโทรมล่มสลายเพราะพิษสารเคมีเหล่านี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี