พังเดือน หนึ่งในสมาชิกทีมเถ่าชิ่วสุทัศน์ ได้ค้นพบร้านอาหารทะเลชื่อร้านเรอดัง อยู่ที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ซึ่งอยู่ใกล้กับตำบลทับละมุและเขาหลักที่โด่งดังจากการผจญคลื่นสึนามิถล่มเมื่อปี พ.ศ. 2547 บ้านเมืองถูกคลื่นซัดจนราบเป็นหน้ากลอง มีผู้สังเวยชีวิตมากมายอย่างน่าเศร้าใจ หากแต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจจากหลายฝ่าย บริเวณที่ถูกอุทกภัยสึนามิถล่มเหลือแต่ซากปรักหักพังนี้ได้รับการซ่อมแซมสร้างบ้านแปลงเมืองใหม่จนจำแทบไม่ได้ มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงแรม ที่พักสมัยใหม่เกิดขึ้นตลอดถนนสายนี้โดยไม่เกรงกลัวภัยพิบัติทางทะเลจะเกิดซ้ำสอง
แม่ครัวและเจ้าของร้านเล็กๆ นี้ เคยเป็นกุ๊กตามโรงแรมและร้านอาหารใหญ่มาหลายแห่ง สั่งสมประสบการณ์มาเปิดร้านเองที่นี่ ได้รับรู้รายการหน้าตาของอาหารจากบทความของพังเดือน เมื่อปีกลายจึงได้แต่อาฆาตไว้ในใจว่าจะต้องมาร้านนี้สักวัน ทั้งที่มีลักษณะเป็นร้านอาหารพื้นบ้านดาดๆ ไม่มีความหรูหราอะไร เปรียบประดุจไข่มุกที่เพิ่งถูกงมจากทะเลหมาดใหม่ยังไม่ได้ถูกประดับบนเรือนทองหรือร้อยเป็นพวงสร้อยไข่มุกราคาแพงระยับ
น้ำพริกชุบหยำ
เครื่องปรุงรสที่เรารู้จักกันดีทุกครัวเรือน กะปิมีหลายชนิดให้เลือก แต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกันทั้งคุณภาพ วัตถุดิบ กรรมวิธีผลิต ตามแต่ท้องถิ่นนั้นๆ โดยส่วนใหญ่ทำจากกุ้งเคย ซึ่งมีมากในแถบชายฝั่งทะเลอันดามัน จึงทำให้มีการผลิตกะปิในหลายๆ แห่ง ในพื้นที่ชายฝั่งติดกับทะเลโดยกะปิแต่ละท้องที่จะมีปริมาณของกรดอะมิโนและสารระเหยแตกต่างกัน รสชาติและกลิ่นจึงไม่เหมือนกัน
ประวัติน้ำชุบหยำเล่ากันมาว่ามีโจรขึ้นปล้นบ้านหลังหนึ่ง ขณะนั้นโจรหิวมากเห็นมีเครื่องปรุงทำน้ำพริก โจรจึงใช้มือขยำแทนเพราะถ้าตำกับครกแล้วมันเสียงดัง เกรงเจ้าของบ้านจะได้ยิน บ้างเรียก “น้ำพริกโจร” ถึงอย่างไรก็ตาม เครื่องเคราคงจะไม่หลากหลายเหมือนที่ร้านนี้ทำมาให้
หมูคั่วเกลือ
ดูเหมือนจะง่ายแต่จะคงจะซ่อนเคล็ดที่ไม่บอกใคร ส่วนหนังกรอบไม่เหนียว ชั้นมันและชั้นหมูไม่เค็มจัด เป็นกับแกล้มเรียกน้ำย่อยได้ลงตัว
หมูผัดกะปิ
หมูสามชั้นผัดกับกะปิเกาะสองจากระนองหนังหมูนุ่มหอมกะปิ เค็มกำลังดีคนละอารมณ์กับคั่วเกลือ
กุ้งมังกร 7 สี
จากการได้รับคำบอกเล่าว่าช่วงนี้สามารถงมหากุ้งมังกร 7 สีเป็นๆ ได้ทุกวัน เพียงแต่ให้สั่งจองล่วงหน้า รวมทั้งสัตว์ทะเล เช่น ปลาเก๋าแดง ปูดำตัวโต เป็นต้น
ลักษณะและวงจรชีวิต “กุ้งมังกร” ต่างจากกุ้งทั่วไป คือ เป็นกุ้งที่มีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะส่วนหัวที่ใหญ่กว่าตัว มีลวดลายและสีสันสวยงาม ขอบท้ายของปล้องท้องมีลายสีครีมขวางทุกปล้อง หางแผ่เป็นหางพัด พบทั่วไปตามหาดโคลน กระจายพันธุ์ตามทะเลเขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วโลก ชื่อเรียกที่เกาะหลีเป๊ะว่า “กุ้งการัง”
กุ้งมังกร เมื่อเทียบกับกุ้งอื่นๆ จัดเป็นกุ้งที่เติบโตช้ามาก การเจริญเติบโตใช้วิธีการลอกคราบในขณะที่อยู่ในวัยอ่อน จะมีการลอกคราบบ่อยครั้ง คือประมาณสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง กว่าจะโตเต็มที่ต้องใช้เวลาประมาณ 5–7 เดือน การออกไข่แต่ละครั้งจะมีปริมาณไข่ประมาณสองแสนถึงล้านใบ เมื่อฟักเป็นตัวลูกกุ้งแล้วมักอาศัยหลบภัยในกอสาหร่ายทะเล หญ้าทะเล หรือแนวปะการังให้พ้นศัตรูนานร่วม 2 ปี จึงจะแข็งแรงพอช่วยตัวเองได้ และเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ช่วงอายุประมาณ 7–10 ปี ในน่านน้ำไทยนั้นฝั่งทะเลอันดามันจะพบกุ้งมังกรได้มากกว่าและหลากหลายชนิดกว่าอ่าวไทย เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า
กุ้งมังกรเป็นกุ้งขนาดใหญ่ที่นิยมในการบริโภคอย่างมากเช่นเดียวกับล็อบสเตอร์ ซึ่งเป็นกุ้งต่างวงศ์กัน บริโภคได้ทั้งสดและการปรุงสุก จัดว่าเป็นอาหารทะเลที่มีราคาสูง
ตัวนี้หนัก 1.6 กิโลกรัม
ก่อนเดินทางได้โทรศัพท์มาหารือให้ทางร้านช่วยหากุ้งมังกร 7 สีให้พรรคพวกลองชิม
ทางร้านเอากุ้งเป็นชนิดที่หนวดยังกระดิกมาอวด
ซาซิมิกุ้งมังกร 7 สี
แล้วแนะนำให้กินดิบแบบซาซิมิ จิ้มน้ำซีอิ๊วและวาซาบิ เนื้อกุ้งเนียนละเอียดสดสนิทจนตกหลุมรัก หวานแบบธรรมชาติชนิดที่พบได้ยากจากกุ้งอื่นๆ กรีดเปลือกกุ้งเลาะเนื้อกุ้งออกหั่นเป็นคำ ปูจานด้วยหัวผักกาดขูดเส้น ยากที่จะหาซาซิมิใดๆ ในโลกเปรียบ กุ้งตัวนี้ที่กรุงเทพฯ ราคาคงจะใกล้หมื่นบาท เพียงได้ยินราคาถึงกับขนลุก แต่ก็คุ้มกับรสของธรรมชาติที่นุ่มละเอียด
เลือดกุ้งมังกร
ได้รับคำแนะนำจากผู้ชำนาญว่าเนื้อกุ้งสดจะมีเนื้อเด้งนุ่มควรต้องเจาะเอาเลือดกุ้งที่ใต้คอออกหยดใส่ถ้วยเสียก่อน โดยเลือดกุ้งจะจับตัวเป็นวุ้นแล้วผสมน้ำสไปรท์ รสชาติของวุ้นจะออกรสเค็มๆ ปะแล่มรัญจวนลิ้น นัยว่าเป็นยาบำรุงสุขภาพชั้นยอด
หัวกุ้งต้มยำ
หัวกุ้งหนวดกุ้งสับเป็นชิ้นเล็กต้มยำทำเป็นหม้อไฟรสเข้มลึก เมื่อแกะแทะเนื้อส่วนหัวที่อร่อยให้อารมณ์จนใจจวนละลาย ฝีมือต้มยำกำลังพอดีไม่ขาดเกิน รสไม่จัดจนสำลักความเผ็ด
ภัตตาคารจีนในกรุงเทพฯ บางแห่งเอาไปทอดกรอบแล้วผัดก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ได้จานก๋วยเตี๋ยวที่มีรสมันกุ้งเจือ
นอกจากในการบริโภคแล้ว กุ้งมังกรยังมีคุณค่าด้านความงาม โดยสามารถเลี้ยงในตู้ปลา เป็นสัตว์น้ำสวยงามได้ เปลือกและหัวนิยมสต๊าฟไว้ในกรอบกระจกเพื่อแขวนเป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้าน
หอยชักตีน
หอยทะเลชนิดฝาเดียวเปลือกบางชนิดหนึ่ง มีรูปร่างคล้ายหอยสังข์ขนาดเล็ก ปากเนื้อหอยมีเขี้ยวแหลมต้มสุกก่อนกินต้องบรรจงดึงเขี้ยวนี้จะติดออกมาทั้งยวง จิ้มกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดทำใหม่ถ้วยต่อถ้วย หอยละแวกนี้มีขนาดโตประมาณ 6–7 เซนติเมตร ตัวโตกว่าที่พบที่จังหวัดกระบี่ เนื้อหอยที่ดึงออกมาเข้าปากรสหวานกรอบหวานสนิทรสสัมผัสแตกต่างจากหอยชนิดอื่นที่พบได้ทั้งในฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน หอยนี้บางแห่งเรียกว่าหอยสังข์ตีนเดียวหรือหอยสังข์กระโดด โดยทั่วไปเป็นหอยที่พบมากและขึ้นหน้าขึ้นตาของจังหวัดกระบี่
ปลาเห็ดโคนทอดขมิ้น
ความอุดมสมบูรณ์ของทะเลช่วงนี้แม้แต่ปลาเห็ดโคนก็ยังตัวโตกว่าทั่วไป ทอดทั้งตัวแล้วโรยกระเทียมเจียวกับขมิ้นสับหยาบผสมใบมะกรูดทอด ด้วยความสดใหม่ของปลาและจังหวะจะโคน การทอดกรอบหัวจรดหาง เคียงด้วยซอสศรีราชายากจะหาอะไรฉมังกว่านี้อีก
ปูทะเลนึ่ง
ถ้าฝั่งทะเลอ่าวไทยมีปูม้าชุกชุม ทะเลอันดามันก็มีปูทะเลหรือปูดำขนาดสมบูรณ์มากกว่า แตกต่างกันตรงที่ปูทะเลเปลือกหนา แต่เนื้อปูทะเลนั้นเหนือกว่าปูม้า ปูที่เลือกมาให้รอบนี้ตัวโตเต็มวัย ไข่แน่นท้องทุกตัว ทุบก้ามแกะกระดองให้กินง่าย เพียงแค่จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ครื้นเครงในปากและหัวใจ
แกงพริกไก่บ้าน
ประเภทแกงป่าทั่วไปของชาวใต้ก็มีความโหดสะดุดต่อมรับรสพอแรง แต่ยังเผ็ดไม่ถึงใจแถมกระหน่ำพริกยกกำลังเติมไปอีก จนอร่อยหลุดโลก
แกงคั่วปลากดคลอง
ปลากดคลองเป็นปลาน้ำจืดชนิดเดียวท่ามกลางอาหารทะเล จึงเป็นที่แน่นอนว่าเนื้อหนังของปลากดนี้ต้องรสฉมังจนแทรกเข้าในกลุ่มปลาทะเล เครื่องแกงตำเองได้ความหอมกระทบ ไม่ขี้เหนียวใช้หัวกะทิแกงจนข้น กินคลุกข้าวได้สะท้านใจ
หมึกน้ำดำ
คนที่อยู่ใกล้ทั้งสองฝั่งทะเลต่างก็รู้ว่าน้ำหมึกในหมึกสดนั้นหวานหอมกว่าส่วนใดๆ จากกระเปาะหมึกดำในตัวสำหรับพ่นพรางตัวจากศัตรู โดยมากจะต้องใช้หมึกสดมากๆ มาทำเพราะเป็นส่วนที่เสียง่ายจากกลิ่นหอมชวนถวิลอาจจะกลายเป็นกลิ่นแรงสุดจะทน ชาวอิตาเลี่ยนเอาหมึกนี้นวดกับแป้งทำเส้นเฟตตูชินีดำอันหอมล้ำลึกเมื่อผัดกับซอสซีฟู้ด
กุดสลากหรือปลาเก๋าแดง
ปลากะรังแดงจุดฟ้า บ้างเรียกว่า ปลากุดสลาด (BLUE-SPOTTED SEA BASS) มีอีกชื่อ ย่ำสวาทหรือปลาอุณรุท ตามการเรียกของแต่ละท้องถิ่น ถือว่าเป็นสุดยอดปลาเศรษฐกิจที่มีราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากเป็นที่ต้องการจากต่างประเทศทั้งในรูปลูกปลา ปลาเป็น และปลาแช่เยือกแข็ง เนื้อมีรสเป็นเลิศ นำมาปรุงแต่งอาหารได้หลากหลาย
ปลาตัวนี้ใหญ่น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม ขนาดใหญ่เกินจาน จนต้องหั่นเป็น 2 ท่อน ท่อนหัวต้มหัวปลาเผือก ท่อนหางนึ่งซีอิ๊ว
เจ้าของร้านบอกว่ายังมีปลาเก๋าหายากที่นานปีทีหนจะเจอสักตัวคือ “ปลาเก๋าดำ” หรือที่นักตกปลาชาวฮ่องกงเรียกว่า “เก๋านโปเลียน” นั่นเอง
เก๋าแดงหรือกุดสลาดนึ่งซีอิ๊ว
ตัดท่อนหางมานึ่งกับซีอิ๊วฮ่องกง หอมฟุ้งทั้งเนื้อปลาและซีอิ๊ว แซมเห็ดหอม ขิงอ่อนซอย แล้วโรยต้นหอมซอย จับเวลานึ่งได้พอดิบพอดี เนื้อปลาสดสนิทจนใจแทบละลาย แม้จะยังหากินได้ในกรุงเทพฯ หากแต่ความสดนั้นย่อมสู้ปลาที่ขึ้นจากทะเลมาใหม่ๆ ไม่ได้แน่นอน แถมราคาแพงสุดกู่
หัวปลาเก๋าแดงต้มเผือก
หนแรกฟังหูไว้หูว่า ร้านนี้ต้มหัวปลาเก๋าแบบจีนได้ไม่แพ้ภัตตาคารในกรุงเทพฯ กลิ่นหม้อไฟควันหอมโฉ่มาตั้งแต่ในครัว ลองตักน้ำซุปชิมคำแรก ได้รับรสอร่อยจนแทบจะบรรลุนิพพาน เครื่องเคราเต็มสูตรของต้มหัวปลาได้ไม่มีผิดเพี้ยน
คั่วกลิ้งปลาอินทรี
เพียงสีสันก็ได้ความรู้สึกชวนเผ็ดสยอง สัญลักษณ์ความเป็นอาหารใต้ด้วยน้ำพริกคั่วกลิ้งที่ทางร้านโขลกเองใส่สมุนไพรและพริกมากเท่าที่คนโขลกจะสาแก่ใจ ชิมคำแรกให้ความสุขจาก ความเผ็ดอันร้อนแรงเจ็บปวด
ใบเหรียงผัดไข่
ใบไม้ที่รสมันไม่แน่ใจว่าคนแรกที่ค้นพบนั้นไปลองทำไม โดยเฉพาะเมื่อผัดกับวุ้นเส้นและไข่ เคี้ยวกินแก้เผ็ดได้ดี
กุ้งผัดสะตอ
ฝักสะตอข้าวแกะเม็ดสดสีสวย ผัดกับกุ้งทะเลเนื้อแข็งด้วยความสดสนิท แถมได้น้ำพริกทีเด็ดที่ทางร้านทำเอง ขอข้าวสักจานคลุกกินทำให้เจริญอาหารในรอบปี
แกงส้มทางคูน
คูณ โชน หรือ ออดิบเป็นพืชตระกูลบอนที่ลอกเปลือกออกแล้วนิยมใช้แกงเหลืองหรือแกงส้ม เพราะเมื่อฉ่ำน้ำแกงแล้วจะมีรสชุ่มกรอบ แกงนี้เป็นอีกตัวแทนอาหารปักษ์ใต้ ที่คนทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันกินเป็นอาหารประจำบ้าน ผู้ใดมาภาคใต้แล้วไม่ได้กินแกงเหลือง ต้องถือว่ามาไม่ถึง ห้ามบอกให้ใครรู้เป็นอันขาดไม่ได้กินแกงเหลือง
อนึ่งคนแกงคูนหรืออ้อดิบนี้จะต้องมีความรู้ดูให้ออกว่าเป็นคูนหรือเปล่า หากแม่ค้าแยกไม่ออกก็ใช้ “บอนโหรา” เพราะหน้าตาคล้ายกันมาก ผู้กินจะเจอพิษสุดรุนแรงกินเพียงแค่ 1 ชิ้น ปาก คอ จะเจ็บแสบทุกอณูราวกับมีเข็มเล็กๆ จำนวนมากทิ่มแทง แม้ก้านคูณหรืออ้อดิบจะมีลักษณะใกล้เคียงกับบอนโหรา แม่ค้าโดยมากจะดูออกถึงความแตกต่างด้วยความเคยชิน
หมูฮ้อง
หากจะเรียกตามความเคยชินของคนภาคอื่นหมูฮ้องนี้ก็คือหมูสามชั้นพะโล้แบบขลุกขลิกนั่นเอง แตกต่างที่เนื้อหมูนี้จะใช้เวลาต้มนานจนหนังหมูนุ่ม ชั้นมันหมูถูกรีดไขมันจนไม่รู้สึกเลี่ยน อีกทั้งน้ำพะโล้จะมีรสเข้มข้นทั้งเค็มแซมหวานกำลังพอดิบพอดี หอมกลิ่นพริกไทยดำที่โชยชัดเจน ไข่นั้นก็ต้มในน้ำพะโล้นานจนดำและไข่ขาวแข็ง เหมาะกับการกินแก้เผ็ดได้เป็นอย่างดี
ด้วยความติดอกติดใจของรสชาติและศิลปะการทำอาหารแบบชาวบ้านไร้จริตใดๆ ทำให้สาบานจะย้อนกลับไปกินกันอีกหนึ่งมื้อ อีกทั้งเมื่อกลับกรุงเทพฯ ติดลิ้นรสอาหารร้านนี้ทำให้กินข้าวไม่รู้สึกอร่อยไปอีกหลายวัน
55/15 ถนนเพชรเกษม หมู่ 1 ตรงข้ามเทศบาลลําแก่น ตำบลลําแก่น
อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา 82210 (ห่างจากทางเข้าทับละมุประมาณ 500 เมตร)
เปิด 09.00 -21.00 น. ทุกวัน
หยุดวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน
โทร. 085-6915821
ถ่ายภาพ มีรัติ รัตติสุวรรณ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี