สถานการณ์ในอเมริกาตอนนี้เริ่มเตรียมการเลือกตั้งในปี ค.ศ.2020 พรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองพรรคเริ่มหาตัวตายตัวแทนมาลงชิงชัยเก้าอี้ในทำเนียบขาว ซึ่งแลดูทรุดโทรมกระเทาะเป็นรอยร้าวไปทั่ว เพราะหัวขบวนปากเปราะไปเรื่อย
ล่าสุดลุงผมเป๋ทวิตแขวะกัดว่าจะให้เอาพวกผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายไปหย่อนไว้ในเมืองตามรัฐต่างๆ ที่ไม่สนับสนุนตน พูดง่ายๆคือ เมืองที่เป็นฐานเสียงพรรคเดโมแครตนั่นแหละ ลุงลืมตัวไปแล้วหรือไงว่าเป็นประธานาธิบดีอเมริกานะ จะพูดสุนัขๆ แบบนี้ได้ยังไง มีการเลือกที่รักมักที่ชังด้วย ใครไม่อวยตนคือไม่ใช่พลเมืองอเมริกันหรือไง
แต่ข่าวใหญ่ที่ชาวโลกจับตามองคือการเข้าไปแส่และก้าวก่ายเป็นครั้งที่ไหร่ก็จำไม่ได้กับอิหร่าน ลุงแซมนั้นไล่กระทืบอิหร่านไม่รู้กี่รอบ แต่บังก็ยังหยัดยืนแถมร้องด่าสวนทุกครั้ง นับถือใจบังแกเลยจริงๆ หนนี้ลุงแซมตีฆ้องร้องป่าวบอกชาวโลกว่า 'องค์กรพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม' (Islamic Revolutionary Guard Corps) ของอิหร่าน เป็นองค์กรก่อการร้ายข้ามชาติ
การกระทืบอิหร่านครั้งล่าสุด เล่นเอาชาวโลกตะลึง เพราะคราวนี้ลุงแซมล้ำเส้นไปมาก ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่รัฐบาลอเมริกันระบุว่ากองทัพทหารของประเทศใดประเทศหนึ่งเป็น 'กลุ่มก่อการร้าย' ที่แรงจัดปลัดไม่ได้บอก แต่ลุงทรัมป์ผมเป๋บอกคือคำแถลงตามมา ว่าห้ามชาติไหนทำมาค้าขายกับอิหร่านหรือสนับสนุนองค์กรที่ว่านี่ หากฝ่าฝืนจะถูกกระทืบจมดินเหมือนกัน ประชาธิปไตยไหมละจ๊ะแบบนี้
เรื่องนี้ทำให้คิดถึงเหตุการณ์ในบ้านเราที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ไม่ได้ หัวหน้าพรรคสีส้มรับหมายตำรวจให้เดินทางไปรับฟังข้อกล่าวหา แทนที่จะไปแบบเดี่ยวๆ แมนๆ กลับงอแงกู่ร้องเรียกบรรดาแม่ยกแฟนคลับของตนไปแห่แหน เท่านั้นยังไม่พอ ส่งคำเชิญถึงเจ้าหน้าที่จากยูเอ็น รวมทั้งเจ้าหน้าที่สถานทูต อียู เยอรมัน ฝรั่งเศส แคนาดา อเมริกา ฟินแลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษโดยใช้วิธีเดียวกับนักโทษชายใบหน้าเหมือนเขียงไม้มะขามรายนั้นเป๊ะ ให้มาร่วมสังเกตการณ์ คือหวังจะให้โลกล้อมไทยเพื่อแทรกตัวเข้ามาวุ่นวายในกิจการภายใน
เปราะบางเกินไปไหมที่เที่ยวร้องแรกแหกปากฟ้องคนนั้นคนนี้ อ้อนแม่ยกแฟนคลับและบรรดาฝรั่งหน้าเดิมที่มีสายสัมพันธ์ทางการเมืองเบื้องหลัง แต่เบื้องหน้าคือบรรดาทูตให้มาห้อมล้อมหนนี้ เพราะนี่แค่สิวๆ เอง แค่มารับฟังข้อกล่าวหา ไม่ได้พิพากษาอะไรเลย จะตื่นตูมไปทำไมนักหนา
คุณดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศแถลงว่าการที่บรรดาทูตทำตัว “จมูกยาว” แบบนี้เท่ากับว่าผิดหลักการทางการทูตและหลักการของสหประชาชาติ พูดสั้นๆแบบบ้านๆคือ “เสือก” นั่นเอง การที่สถานเอกอัครราชทูตเข้ามาเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมของไทยจะมีกรณีเดียว คือคนของประเทศนั้นมีปัญหาในประเทศไทย ในกรณีนี้บรรดาทูตสามารถสังเกตการณ์ได้และเป็นไปตามหลักสากล แต่ไม่ใช่เข้ามาสังเกตการณ์ในกรณีที่คนของไทยมีปัญหาภายในประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศของไทยระบุว่าเจ้าหน้าที่ทูตเหล่านั้นว่าละเมิดมาตราหนึ่งในอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งระบุว่าเจ้าหน้าที่ทูตไม่มีหน้าที่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศหนึ่งๆที่ตนประจำการอยู่
อยากให้ย้อนไปก่อนเลือกตั้ง คงจำได้ว่าทูตฝูงนี้โดยเฉพาะทูตอเมริกานี่แหละที่สนับสนุนกลุ่มการเมืองบางกลุ่มอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ไม่มีนอมินีของทักษิณ ชินวัตรอีกต่อไป แต่อย่างไรเสีย ทูตอเมริกันซึ่งเป็นตัวแทนพิทักษ์ผลประโยชน์ของลุงแซม จะต้องตักตวงและล้วงลูกเพื่อไม่ให้อิทธิพลของพญามังกรผงาดทั่วเอเซีย เหมือนหนก่อนที่พยายามสะกัดกั้นไม่ให้ลัทธิคอมมิวนิสต์แพร่ไปทั่วเอเซีย หนนี้ไม่ใช่เรื่องแนวคิดทางการเมืองแล้ว แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ทางการค้าล้วนๆ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทั้งสื่อตะวันตกและทูต โดยเฉพาะอเมริกันและบรรดาลูกหาบได้แก่ แคนาดา ฝรั่งเศส และอังกฤษ จะสนับสนุนหัวหน้าพรรคส้มอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันคือ หัวหน้าพรรคส้มได้กองหนุนเป็นฝรั่งแบบโลกล้อมไทย ส่วนชาติตะวันตกก็เช็คแฮนด์แบ่งเค้กจัดดีลมีเอี่ยวกับโครงการที่เอื้อประโยชน์ให้ประเทศตนต่อผ่านทางกลไกการเมือง ภายใต้วาทกรรมจอมปลอม “ประชาธิปไตย”
ก่อนหน้าหัวหน้าพรรคส้ม ชาติตะวันตกเหล่านี้ก็ดำเนินเกมผ่านหัวหน้าและนอมินีพรรคแดง แต่ไม่ว่าจะยืมมือใครเดินเกม อเมริกาและลูกหาบต้องการจะทำให้ไทยอ่อนแอ รวมทั้งทำลายสถาบันที่เป็นอิสระของไทย เช่น ศาล กองทัพ และพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะเป็นการปูทางนำไปสู่การ”เปิดเสรี”ทางการค้าโดยไร้การต้านทาน การเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศของไทยให้หยุดความสัมพันธ์กับจีน จะทำให้ไทยกลายเป็นกำแพงต้านจีนโดยที่ไทยเสียผลประโยชน์ แต่อเมริกาได้ประโยชน์
ทีนี้มาดูความปากว่าตาขยิบของลุงแซมบ้าง เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศของเราโวยว่าทูตเหล่านั้นทำผิดธรรมเนียมการทูต ทูตจมูกยาวเหล่านี้ก็ตอบกลับมาอย่างไม่แคร์อะไรทั้งนั้นด้วยการบอกว่า
"โดยปกติสถานทูตอเมริกามักเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดีที่คนทั่วโลกให้ความสนใจอยู่แล้ว เพื่อสังเกตการณ์ว่าการพิจารณาคดีเป็นไปอย่างยุติธรรมและเคารพหลักนิติธรรม นี่เป็นมาตรฐานการปฏิบัติทางการทูต อเมริกาสนใจคดีนี้เหมือนกับคดีอื่นๆอีกหลายคดี เพื่อสังเกตการณ์กระบวนการยุติธรรม และเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินคดีด้วยตนเอง"
เอ้า..สรุปสั้นๆ อีกทีคือ ทูตอเมริกาคิด (เอาเอง) ว่าคดีนี้เป็นเรื่องที่ชาวโลกสนใจ เลยต้องขอสอดรู้สอดเห็นเรื่องในบ้านคนอื่น เพื่อดูว่าตัดสินเจ้าของบ้านยุติธรรมไหม หากไอคิดว่าไม่ยุติธรรม ไอจะไปเรียกฝูงลูกหาบมาช่วยรุมด่าเจ้าของบ้านจ้า
งั้นถามตรงๆ เลยว่า นี่เป็นหน้าที่อเมริกาหรือไง นี่แค่ไปฟังข้อกล่าวหานะจ๊ะ ไม่ใช่ไปฟังคำพิพากษา อย่าตอแหลให้มากนัก แล้วมาดูเคสนี้ สองมาตรฐานเห็นๆ
หัวหน้าเจ้าหน้าที่สอบสวนของศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court (ICC) สอบสวนการกระทำของทหารอเมริกันในอัฟกานิสถาน แถมประกาศว่าจะไม่ลำเอียงหรือเข้าข้างหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน
ฉับพลันทันที อเมริกาลงดาบด้วยการยกเลิกวีซ่าหัวหน้าเจ้าหน้าที่รายนั้น แถมฟาดกลับว่า อเมริกาจะดำเนินการตามที่จำเป็นในการปกป้องอธิปไตยและประชาชนอเมริกัน จากการสืบสวนและการดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรมโดยศาล ICC เอาซี้..นี่ยังไม่ทันสอบสวนเลย ลุงแซมบอกว่าไม่ยุติธรรมเสียแล้ว แถมยกเลิกวีซ่าชาวบ้านอีกนะ
หนักไปกว่านั้น ตัวใหญ่ลงมาคำรามเอง รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอฟันธงว่าสหรัฐฯจะยกเลิกวีซ่าของเจ้าหน้าที่ ICC คนใดก็ตาม ที่สืบสวนเพื่อเอาเรื่องทหารอเมริกันในข้อหาอาชญากรรมสงครามน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ มาตรฐานอเมริกัน (สแตนดาร์ด)
สรุปอีกทีแบบชาวบ้านคุยกัน ทูตอเมริกาไม่ยี่หระว่าเจ้าของบ้านจะบอกว่า “เสือก” เกินไปนะ กลับอ้างโน่นนี่เสรีภาพ ความยุติธรรม ประชาธิปไตยไปเรื่อย แต่พอตัวเองถูกกระทำจากชาติอื่น ก็ไล่กระทืบเหมือนที่เคยทำมานั่นแหละ ไม่คว่ำบาตรก็ยกเลิกวีซ่า ประชาธิปไตยแบบไหนล่ะเนี่ย ตอบหน่อยสิ..จะรอฟังคำตอบแบบแมนๆ ไม่ใช่จิ๊กโก๋ปากซอยที่คอยเรียกลูกหาบมากระทืบชาวโลกแบบนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี