บทความในฉบับที่แล้วผมบอกว่า ประโยชน์ของประชาชนนั้นมาช้าไม่ค่อยจะมา หรือรัฐจะต้องคิดจะต้องพิจารณาแล้วพิจารณาอีกจนกระทั่งไม่ออกมาเป็นกฎหมายไม่ออกมาปฏิบัติ อะไรก็ตามที่ นายทุนจะได้ประโยชน์รัฐที่มาจากการเลือกตั้งหรือรัฐที่มาด้วยอำนาจพิเศษจะกุลีกุจอจัดการให้ทันทีที่บอกว่า เพื่อประชาชนนั้น เป็นเพียง นามธรรม จับต้องไม่ได้พวกเขาจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ เช่นต้องแก้รัฐธรรมนูญเพราะแก้แล้วชีวิตประชาชนจะดีขึ้น จะเป็นประชาธิปไตย มีสิทธิมีเสรีภาพมากขึ้น พวกเขาจะใส่ใจเป็นพิเศษจะเรียกร้องให้ประชาชนเข้าร่วม จะรณรงค์ เหนือใต้ ออก ตกชนิดที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแต่กับสิ่งที่แตะต้องได้ เกี่ยวพันกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจริงๆ อย่างการยกเลิกสารเคมีจำกัดศัตรูพืช พรรคการเมือง นักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ต่างไม่เคยพูดถึงเพราะมันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของนายทุนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของบริษัทข้ามชาติ บริษัทนำเข้าเผลอๆ บริษัทเหล่านี้ เป็นนายทุนให้กับนักการเมืองพรรคการเมืองด้วยซ้ำ
เรื่องก็เลยเป็นว่าการจะห้ามหรือไม่ห้ามนำเข้าสารเคมีอันตรายเหล่านี้ต้องขึ้นอย่ากับ 3หน่วยงาน คือกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรกระทรวงอุตสาหกรรมกระทรวงสาธารณสุข บอกว่าไม่มีอำนาจห้ามนำเข้าสารเคมีเหล่านี้เป็นเรื่องของกระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงเกษตรกระทรวงสาธารณสุขต้องดูแลประชานที่ได้รับอันตรายจากสารพิษของสารเคมีเท่านั้นกระทรวงเกษตรบอก ชาวไร่ชาวนามีความจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าหญ้าส่วนอันตรายให้ชาวไร่ชาวนาระมัดระวังเองกระทรวงอุตสาหกรรม บอกว่ามีหน้าที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมก็ต้องสนุบสนุนอุตสาหกรรม สนับสนุนการผลิต การนำเข้าเพื่อการอุตสาหกรรมมิไยว่าประชาชนที่มองเห็นอันตรายจากสารพิษว่ามันทำอันตรายให้กับแผ่นดินไทยจะแหกปากร้องอย่างไร พวกเขาก็จะค่อยๆพิจารณาด้วยความสุขุม รอบคอบ ไปเรื่อยๆ มาเรียงเพราะพวกเขาทำงานในสถานที่ราชการที่โอ่อ่ามีที่อยู่อาศัยที่ค่อนข้างจะอัครฐาน จะอยู่จะกินพืชผลพวกเขาก็จะระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ต้องมาลุยเลน ลุยโคลนลุยดินที่ปนเปื้อนสารเคมีลูกหลานของพวกเขาก็เหมือนกัน
เราจึงได้ยินเรื่องการแบน หรือการห้ามสารเคมีที่เป็นอันตรายมาเป็นเวลาทศวรรษแล้วเราจึงเห็นการโยนกันไปโยนกันมาระหว่างหน่วยงานของทั้งสามกระทรวง ทั้งนักการเมือง ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน
ทั้งที่เรื่องเช่นนี้มันไม่ได้ยากเย็นในการที่จะหาข้อสรุป
เคยได้ยินใช่ไหมครับ เรื่องที่ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ คือ ปตท.แพ้คดี ต้องคืนท่อก๊าซ ให้กระทรวงการคลัง แต่ ปตท. ก็ทำเฉยเพราะไม่มีการบังคับคดี และรัฐก็เฉยเมื่อรัฐเฉย คนที่ได้ประโยชน์ก็คือ ปตท. และประโยชน์จริงๆก็คือผู้ถือหุ้น 49 เปอร์เซนต์ ที่พวกเขาแบ่งกันรับประทานในช่วงที่แปรรูปพวกที่ได้ประโยชน์ คือพวกที่มีอำนาจในการรุมทึ้งในช่วงที่แปรรูป
และพวกนี้ก็คือ นายทุน ที่มันครองอำนาจรัฐ
ไม่ว่าอำนาจรัฐจะมาจากการเลือกตั้ง หรืออำนาจพิเศษ
ดูจากการถือครองหุ้นของพวกมันซีครับ
ไม่แต่ ปตท. นะครับ วิสาหกิจสำคัญๆ ทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์.และนอกตลาดหลักทรัพย์
มันเป็นยังงี้ทั้งนั้นแหละครับ พี่น้อง
และนี่แหละที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล ทั้งที่มาจากการเลือกตั้งและมาด้วยวิธีพิเศษพวกนี้มันจะอยู่เหนือนักการเมือง พรรคการเมืองและข้าราชการฝ่ายต่างๆ ทั้งที่เป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี