วันก่อนได้รับข้อความที่ส่งต่อๆ กันมาทางไลน์ว่า กรมประชาสัมพันธ์ควรนำเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” ของสุนทราภรณ์มาเปิดก่อนเคารพธงชาติตอนเช้า เพื่อลดคนไทยหรือนักการเมืองที่ชังชาติ ให้พวกเขาย้อนกลับไปฟังเพลงนี้กันบ้าง
เพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” ประพันธ์ทำนองโดย ครูเอื้อ สุนทรสนาน และประพันธ์คำร้องโดย ครูแก้ว อัจฉริยะกุล เป็นเพลงที่ชนะการประกวดการแต่งเพลงปลุกใจ เมื่อปี พ.ศ. 2488 ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองกำลังสิ้นสุดพอดี เนื้องร้องของเพลงมีว่า
บ้านเมืองเรารุ่งเรืองพร้อมอยู่ หมู่เหล่า
พวกเราล้วนพงศ์เผ่า ศิวิไลซ์
เพราะฉะนั้นชวนกันยินดี
เปรมปรีดิ์ดีใจเรียกตนว่า ไทย
แดนดินผืนใหญ่มิใช่ทาสเขา
ก่อนนี้มีเขตแดนนับว่ากว้างใหญ่
ได้ไว้พลีเลือดเนื้อแลกเอา
รบ รบ รบ ไม่หวั่นใคร
มอบความเป็นไทยให้พวกเรา
แต่ครั้งนานกาลเก่า
ชาติเราเขาเรียก ชาติไทย
บ้านเมืองควรประเทืองไว้ดั่งแต่ก่อน
แน่นอนเนื้อและเลือดพลีไป
เพราะฉะนั้นเราควรยินดีมีความภูมิใจ
แดนดินถิ่นไทยรวบรวมไว้ได้แสนจะยากเข็ญ
ยากแค้นเคยกู้แดนไว้อย่างบากบั่น
ก่อนนั้นเคยแตกฉานซ่านเซ็น
แม้กระนั้นยังร่วมใจ
ช่วยกันรวมไทยให้ร่มเย็น
บัดนี้ไทยดีเด่นร่มเย็นสมสุขเรื่อยมา
อยู่กินบนแผ่นดินท้องถิ่นกว้างใหญ่
ชาติไทยนั้นเคยใหญ่ในบูรพา
ทุกทุกเช้าเราดู ธงไทย ใจจงปรีดา
ว่าไทยอยู่มาด้วยความผาสุกถาวรสดใส
บัดนี้ไทยเจริญวิสุทธิ์ผุดผ่อง
พี่น้องจงแซ่ซ้องชาติไทย
รักษาไว้ให้มั่นคง
เทิดธงไตรรงค์ให้เด่นไกล
ชาติเชื้อเรายิ่งใหญ่
ชาติไทย บ้านเกิดเมืองนอน
แม้เพลงนี้อาจมีจุดอ่อนบางประการให้คนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ และขยายประเด็นออกไป เช่น ท่อนที่ว่า “แต่ครั้งนานกาลเก่า ชาติเราเขาเรียก ชาติไทย” ซึ่งความจริงเราเพิ่งเรียกตัวเองว่า “ไทย” เมื่อกลางปี พ.ศ. 2482 ยุค จอมพล ป พิบูลสงคราม นี่เอง
งานศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคนไทยยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์เคยระบุว่า คนไทยในสมัยรัชกาลที่สาม ยังรู้สึกว่าตนเองเป็นคนอยุธยาอยู่เลย ไม่เคยเรียกตัวเองว่า “สยาม” ยิ่งไม่เคยเรียกตัวเองว่า “ไทย”
แต่กระนั้นโดยองค์รวมแล้ว ต้องยกย่องว่า เพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” เป็นเพลงปลุกใจที่ดีมากเพลงหนึ่งทีเดียว
เป็นเพลงที่สอนให้คนในชาติสำนึกถึงบุญคุณความเสียสละ ยอมพลีทั้งชีวิตและเลือดเนื้อของบรรพชนที่ “ยากแค้นเคยกู้แดนไว้อย่างบากบั่น”
เป็นเพลงที่สอนให้คนในชาติรักและสามัคคีกัน ที่สำคัญคือ สอนให้รู้จักภาคภูมิใจ และหวงแหนผืนแผ่นดินถิ่นเกิดของตนเอง
ดีกว่าเพลงปลุกใจที่มุ่งปลุกระดมให้คนในชาติกระเหี้ยนกระหือรือลุกขึ้นมาฆ่าฟันกันเองอย่างเพลง “หนักแผ่นดิน” มากนัก
ว่าที่จริงแล้ว ประเทศไทย ที่บรรพชนเรา “ได้ไว้พลีเลือดเนื้อแลกเอา รบ รบ รบ ไม่หวั่นใคร มอบความเป็นไทยให้พวกเรา” นั้น เป็นของพวกเรา คนไทยทุกคน
ไม่ใช่เฉพาะของนักการเมือง นักธุรกิจใหญ่ หรือพวกนายทหาร
ยิ่งไม่ใช่ของพวกทุจริตโกงกิน ไม่ว่าจะอยู่ในคราบของนักการมือง นักธุรกิจ หรือในคราบของคนในเครื่องแบบสีต่างๆ
ปัญหาความขัดแย้งในหมู่นักการเมือง ในหมู่นักธุรกิจผูกขาด หรือความขัดแย้งระหว่างนักการเมืองกับทหารที่ต่อสู้ห้ำหั่นกันในนามของผู้รักชาติ จึงไม่ใช่ปัญหาความเป็นความตายของประเทศชาติ เท่ากับปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวม หรือปัญหาระหว่างประเทศเรากับประเทศอื่น ซึ่งเป็นปัญหาของบ้านเกิดเมืองนอนเราอย่างแท้จริง
ความสนใจของคนในชาติ และโดยเฉพาะการนำเสนอของสื่อคุณภาพ จึงควรมุ่งเน้นไปที่ปัญหากลุ่มหลังมากกว่าปัญหากลุ่มแรก
เช่นควรสนใจว่า โครงการ “ชิม ช้อป ใช้” เป็นนโยบายที่ไม่รับผิดชอบต่อการคลังจริงหรือไม่ และจะส่งผลต่อเศรษฐกิจมหภาคหรือไม่ อย่างไร มากกว่าจะสนใจวิจารณ์กันว่าเป็นนโยบายประชานิยมที่ลอกเลียนมาจากรัฐบาลพรรคโน้นพรรคนี้ ไม่มีอะไรใหม่ไปจากรัฐบาลชุดก่อนๆ
หรือควรสนใจว่า ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างพวกสุดโต่งทางการเมืองสองกลุ่ม ประชาชนและประเทศชาติจะได้รับผลกระทบอย่างไร มากกว่าจะสนใจว่าวันนี้กลุ่มไหนจะโต้กลุ่มไหนว่าอย่างไร
เพราะประเทศไทย เป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่เฉพาะของนักการเมือง ของนักธุรกิจใหญ่ หรือของพวกนายทหาร ที่จองพื้นที่ข่าวรายวันอย่างทุกวันนี้
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
สำนักที่ปรึกษาร้อยชักสาม
29 ตุลาคม 2562
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี