พระปรางค์สามยอด
ลพบุรีเป็นเมืองสำคัญเก่าแก่อีกเมืองหนึ่งของไทย มีมาตั้งแต่สมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16) เคยอยู่ใต้อำนาจของมอญ และขอม ต่อมาเมื่อต้นศตวรรษที่ 19 ในรัชสมัยของพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้ทรงยกฐานะลพบุรีเป็นเมืองลูกหลวง ปกครองโดยพระราเมศวร ราชโอรสองค์ใหญ่ มีการก่อสร้างป้อม คู กำแพงเมืองอย่างมั่นคง เมื่อพระราเมศวรขึ้นครองราชย์ ณ กรุงศรีอยุธยา ลพบุรีจึงลดความสำคัญจนกระทั่งถึงสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2199-2231) มีการฟื้นฟูลพบุรีขนานใหญ่ สร้างเมืองลพบุรีเป็นราชธานีที่สอง เพราะกรุงศรีอยุธยาถูกคุกคามจากชนชาติฮอลันดาที่เข้ามาติดต่อค้าขาย การสร้างเมืองใหม่ได้รับความช่วยเหลือจากช่างชาวฝรั่งเศสและอิตาเลียน สร้างป้อมปราการแข็งแรง สร้างปราสาทพระราชวังที่สมเด็จพระนารายณ์ทรงประทับเป็นส่วนใหญ่ แต่รัชกาลต่อๆ มาไม่มีองค์ไหนเสด็จประทับจนหมดความสำคัญ จนกระทั่งสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2406 ทรงโปรดให้บูรณะลพบุรีเป็นขนานใหญ่ ซ่อมกำแพงเมือง ป้อม ประตูวังอันชำรุดทรุดโทรม แล้วสร้างพระที่นั่งพิมานมงกุฏขึ้นในพระราชวังเป็นที่ประทับ ทรงขนานนามว่า “พระนารายณ์ราชนิเวศน์” ลพบุรีจึงกลับมีความสำคัญขึ้นอีกครั้ง
ลาวพวน เดิมมีถิ่นฐานอยู่ที่เมืองพวน แขวงเมืองเชียงขวาง ประเทศลาว
ทางภาคอีสานเรียกว่า ไทพวน แต่ภาคกลางเรียกชนเผ่านี้ว่า ลาวพวน ชาวพวนได้กระจายตัวอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำงึมของลาว สมัยกรุงธนบุรี เมื่อลาวได้รวมเป็นอาณาจักรพลเมืองฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงได้ถูกกวาดต้อนมาอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ชาวพวนได้ถูกกวาดต้อนมาด้วย และมาอยู่ในจังหวัดอุดรธานี หนองคาย เลย พิจิตร แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย สิงห์บุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี และสระบุรี
ชาวไทพวน ที่อพยพมาตั้งหลักแหล่งที่บ้านบุฮม และบ้านกลาง อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ถิ่นฐานเดิมอยู่ที่เมืองเตาไห หลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อครั้งที่พวกจีนฮ่อ กุลา เงี้ยว รุกรานเมืองเตาไห มีผู้นำชาวพวนกลุ่มหนึ่ง อพยพออกจากหลวงพระบาง ล่องตามแม่น้ำโขงมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านบุฮม ต่อมาผู้คนส่วนหนึ่งได้มาอยู่ที่บ้านกลาง อีกแห่งหนึ่งแล้วเรียกตัวเองว่า “ไทพวน” ชาวไทพวนนั้นมีความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายแบบสังคมชนบททั่วไป มีอาชีพเกษตรกรรม การทอผ้า การตีเหล็ก ทำเครื่องเงิน เครื่องทอง ด้านภาษา ชาวพวนใช้ ภาษาตระกูลไทย-ลาว คล้ายกับไทย-อีสานทั่วไป แต่มีสำเนียงใกล้เคียงไทยภาคกลางกว่าเผ่าอื่นๆ
อาหารที่มีประจำทุกครัวเรือนคือ “ปลาร้า” ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทพวน คือ “แจ่ว” ซึ่งเป็นอาหารที่คล้ายกันกับของคนไทยอีสานมีปลาร้า วัตถุดิบและเครื่องเทศจะสุกทุกอย่าง มีลักษณะการทำอาหารแบบแห้งๆ มีรสชาติที่จืด จึงทำให้ชาวไทยพวนบ้านถ่อนไม่ค่อยมีคนเป็นโรค ในกรณีของชาวไทยพวนซึ่งอพยพมาจากประเทศลาวผ่านมาทางภาคอีสาน
อาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยพวนมีผสมที่คล้ายคลึงกับอาหารของชาวไทยอีสานทั่วไป จะแตกต่างกันเล็กน้อยรูปรสกลิ่นคล้ายคลึงกัน ชาวไทยพวนนิยมกินอาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในท้องถิ่นของตนเอง มักหาผักที่ปลูกตามบ้านตามเรือกสวนไร่นา
แกงส้มพวน
แกงส้มหน่อไม้ดองกับปลาที่ปรุงรสได้ลงตัว (บางคนจะประเมินฝีมือแม่ครัวจากแกงส้ม เพราะว่าถ้ามือไม่ฉมัง จะปรุงรสไม่พอดี) หอมเครื่องแกงโขลกใหม่ ที่ต่างจากแกงส้มไทยตรงที่โรยด้วยใบแมงลัก อันมีกลิ่นรสเข้ากับแกงส้มอย่างนึกไม่ถึง จนขอย้ำว่าหากไม่สั่งแกงนี้มาลองจะถือว่าเป็นบาปอย่างยิ่ง
ปลาส้มฟักและหมูส้มทอด
ปลาส้มฟัก คือ อาหารที่ทำด้วยปลาเป็นตัวๆ หรือเป็นชิ้นๆ ผสมกับข้าวสุกและเกลือ แล้วหมักจนมีรสเปรี้ยว เป็นอาหารที่ให้โปรตีน ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ เช่นเดียวกับปลาสดโดยทั่วไป จากการหมักเชื้อแบคทีเรียที่สร้างกรดแลคติกในธรรมชาติจะย่อยสลายโปรตีนบางส่วนของปลาไปเป็นกรดอะมิโน จากนั้นกรดอะมิโนจะสลายตัวไปเป็นเอมีน กรดคีโตแอมโมเนียและคาร์บอนไดออกไซด์ และไขมันบางส่วนของเนื้อปลาจะย่อยสลายไปเป็นกรดไขมันกลีเซอรอล นอกจากนี้ยังเกิดสารพวกคีโตและออลดีไฮด์ด้วย
หั่นปลาส้มฟักนี้เป็นชิ้นทอดให้ส่วนผิวกรอบ หมูส้มก็เช่นกัน ใส่จานกินเหมือนกินแหนมทอด เมื่อก่อนนี้ถ้าพรรคพวกรู้ว่าใครจะผ่านลพบุรีจะต้องฝากซื้อกันคึกคัก
บางคนเรียกส้มฟักเฉยๆ ก็เป็นอันรู้ว่าคือปลาส้มฟัก เป็นอาหารที่ขึ้นหน้าขึ้นตาของชาวลพบุรี ที่ไหนๆ ก็ทำไม่เหมือน
ไข่เค็มผัดพริกขิงปลาดุกฟู
อีกหนึ่งของกินที่เชิดหน้าชูตาชาวลพบุรีคือ “ไข่เค็มดินสอพอง” ที่ทำให้ไข่เค็มมันกว่าการพอกด้วยดินอื่นๆ ไม่มีที่ใดเหมือน ผัดพริกขิงจานนี้จึงอร่อยด้วยการผัดพริกขิงปลาดุกฟูกับไข่แดงของไข่เค็ม รสไม่จัดมาก เป็นจานเด็ดที่ไม่เหมือนร้านไหน
ปลาร้าสับหมูไข่ต้ม
คงไม่พ้นที่จะมีส่วนผสมของปลาร้า ขอหมายเหตุไว้ ณ ที่นี้ว่าปลาร้าของภาคกลางเรานั้น
กลิ่นจะหอม คนไทยภาคกลางที่ไม่กล้ากินปลาร้าลองชิมสักครั้งแล้วจะติดใจ น้ำพริกถ้วยนี้เพียงเห็นสีสันก็แทบจะตักไข่ต้มกับหน่อไม้ต้มมากินกับน้ำพริกถ้วยนี้เหมือนตายอดตายอยาก
แกงคั่วเห็ดเผาะปลากรายกับหน่อไม้
ช่วงนี้เป็นต้นฤดูฝน ชาวบ้านต่างพากันไปหาเห็ดเผาะ (เห็ดถอบ) กันเฮฮาเพราะยังเป็นเห็ดอ่อน ทุกเม็ดกัดแตกครีมจากในตัวเห็ดทะลักสนุกปาก อีกทั้งหน่อไม้ต้นฝนก็เป็นหน่ออ่อน หากจะนับเป็นอาหารประจำฤดูงอกมาควบคู่ตุนาหงันคงไม่ผิดความจริงนัก คนในชนบทจะรู้ดีว่าช่วงไหนควรกินอะไร จึงเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านโดยแท้จริง ทั้งนี้ราคาเห็ดเผาะจึงแพงขึ้นตลอด ปีนี้ขึ้นถึงกิโลกรัมละแปดเก้าร้อยบาท นักกินเขาไม่พรั่นทุกราคา เพียงขอให้ถูกปาก ที่นี่มีเห็ดเผาะขายทั้งปี เพราะมีโรงงานที่เชียงใหม่เอาเห็ดนี้แช่น้ำเกลือบรรจุกระป๋องเก็บได้นาน
ปลาเนื้ออ่อนทอด
ปลาเนื้ออ่อนตัวโตทอดกรอบ เนื้อในนุ่มละเอียด ลพบุรีเป็นเมืองอุดมสมบูรณ์ แม่น้ำลพบุรีที่ไหลสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธ์ เป็นเขื่อนที่มีพันธุ์ปลาน้ำจืดหลากหลาย เช่น ปลากดคัง ปลาตะเพียน ปลากรายตัวโต กุ้งแม่น้ำ ฯลฯ ปลาเนื้ออ่อนที่นี่จึงตัวโตแบบไม่ค่อยได้พบจากที่อื่น
ไข่เจียวไข่มดแดง
ทอดไข่เจียวเหมือนไข่ยัดไส้ อัดไข่มดแดงชนิดไม่ขี้เหนียว หมดไข่มดแดงเป็นรังๆ ไม่รู้ว่าใครเป็นต้นคิดเอาไข่สองมาผสมกัน ชนิดเคี้ยวร่วมกันได้เข้ากันเป็นอย่างดี
ขนมถ้วย
ก่อนจะจากกัน ทางร้านใจดีอภินันทนาการขนมถ้วยมาให้เต็มจาน เป็นขนมใส่ถ้วยตะไลเล็ก แต่ทำได้หวานมันอร่อยเพราะมีกะทิลอยเกือบครึ่งถ้วย จะขออีกหนึ่งจานรู้สึกเกรงใจเจ้าของร้าน กลัวถูกหาว่าขี้ตะกละ จึงได้กลับกรุงเทพฯ กันอย่างมีความสุข
มัดหมี่อาหารไทย ร้านอาหารสุดอร่อยประจำเมืองที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนลพบุรี ตัวร้านไม่ใหญ่ บรรยากาศด้านในอบอุ่นราวกับว่าได้มานั่งกินข้าวบ้านเพื่อน เป็นอาหารไทยรสชาติอร่อยกลมกล่อม ด้วยทางร้านเลือกใช้แต่วัตถุดิบอย่างดี ประกอบกับความพิถีพิถันในการปรุง จึงทำให้รสชาติอาหารละมุนละไมตามตำรับอาหารไทยแท้
ร้านมัดหมี่
8/18 ถนนพระศรีมโหสถ ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี 15000
เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น.
โทรศัพท์ : 0 3641 2883, 0 3661 2387, 08 1780 4341
FB: มัดหมี่อาหารไทย ลพบุรี
https://maps.app.goo.gl/fdiTCNvWjeexmuj26
ภาพถ่าย มีรัติ รัตติสุวรรณ
แผนที่ มูฮัมหมัด พันธ์โพธิ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี