กรณีนายบอส วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาท Red Bull ที่ขับรถหรูชนจักรยานยนต์ของดาบตรีวิเชียร กลั่นประเสริฐ เมื่อปี 2555 ดูท่าจะไม่จบง่ายๆ
แม้จำเลยตามกฎหมายจะไม่มี แต่จำเลยสังคม นอกจากตัวนายบอสกับครอบครัวแล้ว ก็เห็นจะต้องมี คณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด รวมอยู่ด้วย
คณะกรรมาธิการฯ สนช. คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คดีพลิกจากการเตรียมสั่งฟ้องไปสู่คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง หลังจากที่คดีถูกแตะถ่วงมาเป็นเวลานานถึง 8 ปี จนข้อหาต่างๆ หมดอายุความ เหลือเพียงข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย บางข้อหาก็ไม่ฟ้อง เช่น ขับรถขณะมึนเมาสุรา
จุดเปลี่ยนหรือปมที่คดีพลิก เริ่มจาก ทนายความของนายบอสยื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการฯ สนช. เมื่อปี 2559
คณะกรรมมาธิการฯ สนช. จะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะจนทุกวันนี้ กรรมาธิการ 2 คน ออกมาพูดไม่ตรงกัน
คนหนึ่งคือ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สมาชิกวุฒิสภา และอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะอดีตกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติยืนยันเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 ว่า กรรมาธิการมีความเห็นตรงกันเกือบทั้งคณะ ไม่รับเรื่องนี้ไว้พิจารณา และไม่เคยมีความเห็นใดๆ ในทางคดี
ส่วนอีกคนหนึ่งคือ นายธานี อ่อนละเอียด สมาชิกวุฒิสภา และอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ออกมาแถลงข่าวในวันถัดมาเหมือนเป็นละครคนละเรื่องว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ทำหนังสือถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ให้ช่วยส่งนักวิชาการที่มีความสามารถทั้งทางทฤษฎี และทางปฏิบัติมาพิสูจน์ความเร็วของรถอีกครั้ง ซึ่งสรุปผลออกมาว่า นายบอสขับด้วยความเร็วไม่ถึง 80 กม. ต่อชั่วโมง ไม่ใช่ 177 กม. ต่อชั่วโมง นอกจากนี้ นายตำรวจที่เคยให้การว่านายบอสขับรถมาด้วยความเร็ว 177 กม. ต่อชั่วโมง ก็กลับคำการว่าไม่เกิน 80 กม. ต่อชั่วโมง คณะกรรมาธิการฯ จึงส่งผลการสอบสวนดังกล่าวให้อัยการ ซึ่งอัยการก็ส่งเรื่องกลับมาให้ตำรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
และในขั้นตอนนี้แหละที่มีพยานใหม่โผล่มา 2 คน มาให้การ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562 หลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้วถึง 7 ปี โดยทั้งคู่ให้การว่าวันนั้นตนขับรถตามรถของดาบตรีวิเชียร กลั่นประเสริฐมาด้วยความเร็ว 60 กม. ต่อชั่วโมง เห็นรถนายบอสขับมาไม่เร็ว ประมาณ 50-60 กม. ต่อชั่วโมงเท่านั้น แต่รถจักรยานยนต์ของดาบตรีวิเชียร กลั่นประเสริฐ เปลี่ยนช่องวิ่งไปตัดหน้ารถนายบอสเอง
พยานใหม่ 2 คนนี้ คนหนึ่งคือ พล.อ.ท.จักกฤช ถนอมกุลบุตร ซึ่งใกล้ชิดกับครอบครัวนายบอส กับอีกคนคือ นายจารุชาติ มาดทอง
ข้อเท็จจริงเรื่องความเร็วของรถจากรายงานผลของคณะกรรมาธิการฯ สนช. กับประจักษ์พยาน 2 คน ที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาใหม่ ทำให้อัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนายบอส เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 และตำรวจก็ไม่คัดค้าน รีบถอนหมายจับ ถอนหมายอินเตอร์โพล และยกเลิกคำขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนโดยทันที
ดาบตรีวิเชียร กลั่นประเสริฐ ที่ถูกรถหรูของนายบอสชนเสียชีวิต เปลี่ยนสถานะจากเดิมที่เป็นผู้เสียหายในคดี มาเป็นจำเลยร่วมที่ขับรถโดยประมาท และในที่สุดกลายเป็นจำเลยคนเดียวในคดี
เรื่องทั้งหมดนี้ กระทำกันเงียบๆ ไม่มีใครรู้ จนกระทั่ง CNN ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา คนไทยถึงได้รู้
วันนี้ ท่ามกลางความไม่พอใจของสังคม และความรู้สึกร่วมกันของประชาชนที่ไม่อาจทนเห็นกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองถูกทำลายจากน้ำมือผู้มีอำนาจ ทั้งอำนาจเงิน และอำนาจในหน้าที่ราชการบ้านเมือง องค์กรภาคเอกชนได้ออกมาเรียกร้องให้รื้อคดี และตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงของการสั่งไม่ฟ้อง รวมทั้งการกลับคำให้การ และการให้การของพยานใหม่ 2 คน จนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนายกรัฐมนตรีเองต้องขยับตาม
เวลาประมาณสองนาฬิกาวันที่ 30 กรกฎาคม นายจารุชาติ มาดทอง หนึ่งในสองของพยานใหม่ ประสบอุบัติเหตุขี่รถจักรยานยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์อีกคันหนึ่งบนถนนในเมืองเชียงใหม่ เสียชีวิตทันที คู่กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย
ข่าวครั้งแรกออกมาว่า นายจารุชาติพยายามขับแซงคู่กรณี แต่ไม่พ้น เลยแฉลบไปชนรถคู่กรณี จนรถตนเองเสียหลักไปชนเกาะกลางถนน เสียชีวิต ส่วนคู่กรณีบาดเจ็บ
ต่อมาข่าวเปลี่ยนเป็นว่า รถที่เสียหลักไปชนเกาะกลางถนนเป็นรถคู่กรณีที่ถูกรถนายจารุชาติชน ส่วนรถนายจารุชาติชนแล้วล้มอยู่ตรงนั้นเอง
เลยไม่รู้ว่าคันไหนชนคันไหน และใครขี่คันไหนแน่ เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดที่เผยแพร่ออกมาก็มองไม่ชัด ตำรวจท้องที่ก็บอกต้องขอดูกล้องวงจรปิดให้แน่ใจอีกครั้ง
ที่แน่ใจได้ตอนนี้คือ พยานปากเอกคนนี้ตายแล้ว !
จะมายืนยันคำให้การ หรือมากลับคำให้การ ก็ไม่ได้แล้ว !
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
31 กรกฎาคม 2563
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี